https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/issue/feed วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี 2024-12-31T00:00:00+07:00 รศ.ดร.ธเนศ ธนิตย์ธีรพันธ์ journal.fiet@kmutt.ac.th Open Journal Systems <p>วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี (JLIT) เป็นวารสารระดับชาติ ตีพิมพ์เผยแพร่ 2 ครั้งต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ นักศึกษา อาจารย์ นักวิจัย และนักวิชาการ ในสาขาการศึกษา สาขาครุศาสตร์อุตสาหกรรม เทคโนโลยีการศึกษา รวมทั้งเทคโนโลยีและสหสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง หรือสาขาด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ทำวิจัยหรือทำงานบริการวิชาการ เชิงบูรณาการศาสตร์ ทำให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ใหม่ ๆ สามารถนำผลงานหรือองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ สร้างคุณค่าและมีผลกระทบต่อการพัฒนาสังคม องค์กร โครงการ หรืออุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ </p> https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/article/view/279605 เกษตรอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร : กลไกการพัฒนาชนบทตามรอยพระยุคลบาท สี่ทศวรรษประสบการณ์และบทเรียนจากโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 จังหวัดสกลนคร (พ.ศ 2523 – 2565) 2024-12-03T10:19:53+07:00 สุเมธ ท่านเจริญ sumate.tan@kmutt.ac.th เบญจวรรณ ดำรงค์กิจการ benjawan@m.com <p>โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 3 จ.สกลนคร เป็นหนึ่งในโครงการตามพระราชดำริที่มีเป้าหมายในการพัฒนาชนบทแบบบูรณาการ โดยเริ่มจากการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการส่งเสริมการเกษตรในระบบเกษตรอุตสาหกรรม เช่น การส่งเสริมการปลูกมะเขือเทศและพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ พร้อมทั้งการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โรงงานนี้ยังทำหน้าที่เป็นต้นแบบของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในชนบท ส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกรและสร้างวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพึ่งพาตนเอง โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในระยะต่อมา โรงงานหลวงเปลี่ยนสถานภาพจากโครงการส่วนพระองค์ที่เป็นวิสาหกิจเพื่อการพัฒนา เป็นบริษัทดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ที่เป็นธุรกิจเอกชนเต็มรูปแบบเพื่อผลกำไร อย่างไรก็ตามยังก่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ลดการอพยพแรงงาน และส่งเสริมเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญสำหรับอนาคต</p> 2024-12-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/article/view/267675 ความพร้อมในการเรียนออนไลน์ของนักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิในสถานการณ์ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 2023-09-20T09:08:24+07:00 พัชรี ศรีน้อย Srinoi2536@gmail.com มงคล นามลักษณ์ mongkhon.nar@kmutt.ac.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินระดับความพร้อมในการเรียนออนไลน์ของนักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ ในสถานการณ์ความไม่แน่นอนของโรคไวรัสโควิด-19 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิ จำนวน 352 คน ซึ่งถูกเลือกแบบสุ่มแบบชั้นภูมิ จากทั้ง 11 แผนกวิชา เครื่องมือวิจัย คือ แบบสอบถามความพร้อมในการเรียนออนไลน์ 8 ด้าน และความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อดี ปัญหาและอุปสรรคในการเรียนออนไลน์ ที่ปรับปรุงจากงานวิจัยในอดีต สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบที (t-test) ผลการวิจัยพบว่าความพร้อมในการเรียนออนไลน์ของนักเรียนนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคชัยภูมิโดยรวม ด้านปัจจัยภายนอก อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.36, S.D. = 0.88) และด้านปัจจัยภายใน อยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.39, S.D. = 0.85) นักเรียนนักศึกษาหญิงแสดงระดับความพร้อมสูงกว่านักเรียนนักศึกษาชายอย่างมีนัยสำคัญในด้านแรงจูงใจในการเรียนออนไลน์ นักศึกษาระดับ ปวส. มีความพร้อมมากกว่านักเรียนระดับ ปวช.ในด้านอุปกรณ์เทคโนโลยี การควบคุมตนเอง แรงจูงใจในการเรียน และการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านการสื่อสารออนไลน์ นักเรียนนักศึกษาสายพานิชยการมีความพร้อมสูงกว่านักเรียนนักศึกษาสายช่างอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญ ในด้านการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต และด้านแรงจูงใจในการเรียน นอกจากนี้พบว่าข้อดีของการเรียนออนไลน์ที่นักเรียนนักศึกษาให้ความสำคัญมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ 1) สามารถเรียนรู้เนื้อหาซ้ำด้วยตนเอง 2) ความสะดวกในการเรียนอยู่ที่ไหนก็เรียนได้ และ 3) ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเรียน ส่วนปัญหาและอุปสรรคในการเรียนออนไลน์ที่นักเรียนนักศึกษาให้ความสำคัญมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ 1) ไม่สามารถฝึกทักษะในวิชาภาคปฏิบัติได้จริง 2) มีการบ้านเพิ่มมากขึ้น และ 3) เนื้อหายากที่จะเข้าใจด้วยการเรียนออนไลน์อย่างเดียว</p> 2024-12-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/article/view/270849 การพัฒนากิจกรรมการโค้ชรูปแบบออนไลน์ เพื่อการรับรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตของนักศึกษา 2024-04-29T08:40:08+07:00 ณัฏฐิรา ศุขไพบูลย์ nattila@vru.ac.th เทิดทูน ไทศรีวิชัย Terdton@m.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อออกแบบและพัฒนากิจกรรมการโค้ชรูปแบบออนไลน์เพื่อการรับรู้ความสามารถในการแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตของนักศึกษา 2) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อกิจกรรมการโค้ชรูปแบบออนไลน์เพื่อการรับรู้ความสามารถในแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตของนักศึกษา และ 3) เพื่อสอบถามความคิดเห็นของโค้ชจิตอาสาที่มีต่อกิจกรรมการโค้ชรูปแบบออนไลน์เพื่อการรับรู้ความสามารถในแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตของนักศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาหลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ฯ ปีที่ 1-4 โดยการสุ่มตัวอย่างแบบชั้นภูมิ (Stratified sampling) จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) กิจกรรมการโค้ชรูปแบบออนไลน์ 2) แบบสอบถามของนักศึกษา และ 3) แบบสอบถามของโค้ชจิตอาสา สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า กิจกรรมการโค้ชรูปแบบออนไลน์สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแก้ปัญหา ในการดำเนินชีวิตของนักศึกษาได้ โดยก่อนรับการโค้ชระดับเกณฑ์มาก ( = 4.26, S.D = 0.74) ระหว่างรับการโค้ชระดับเกณฑ์มาก ( = 4.43, S.D = 0.56) หลังรับการโค้ชระดับเกณฑ์มาก ( = 4.44, S.D = 0.47) งานวิจัยนี้จึงสามารถเป็นแนวทางหนึ่งในการจัดกิจกรรมให้กับนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาเพื่อช่วยส่งเสริมทักษะการดำเนินชีวิตให้นักศึกษา ซึ่งสอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และยุทธศาสตร์วิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ พ.ศ. 2566-2570</p> 2024-12-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/article/view/273104 การศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการจากการฝึกบูรณาการเรียนรู้ร่วมกับการทำงาน ของนักศึกษาภายใต้หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2024-05-02T11:31:44+07:00 พลศักดิ์ เลิศหิรัญปัญญา phonsak.ler@kmutt.ac.th <p>ปัจจุบันตลาดแรงงานนั้นมีความต้องการบุคคลที่มีความสามารถทั้งในด้านความรู้ และทักษะ รวมถึงสามารถที่จะทำงานได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สำเร็จการศึกษาใหม่ หลักสูตรจึงควรมีการเตรียมพร้อมและปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพ โดยอาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นจากสภาพความเป็นจริงของการดำเนินการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลจากการฝึกบูรณาการเรียนรู้ร่วมกับการทำงานของนักศึกษา งานวิจัยครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพปัญหา และความต้องการของนักศึกษาจากการฝึกบูรณาการเรียนรู้ร่วมกับการทำงาน ของนักศึกษาภายใต้หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยทำการศึกษาจากกลุ่มประชากร ได้แก่ นักศึกษาที่ฝึกบูรณาการเรียนรู้ร่วมกับการทำงานภายใต้หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในปีการศึกษา 2565&nbsp; จำนวน 61 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และแปลผลระดับสภาพปัญหาและความต้องการ ผลจากการวิจัยพบว่า สภาพปัญหาของนักศึกษาที่พบมากที่สุด ได้แก่ ด้านความรู้ ทักษะ คุณลักษณะ ในประเด็นความรู้ความเข้าใจในงานประจำที่ตนเองรับผิดชอบ โดยมีระดับปัญหาในระดับปานกลาง (μ= 2.85, σ =1.16) และความต้องการของนักศึกษาที่พบมากที่สุด ได้แก่ ด้านความต้องการด้านบุคคล ในประเด็นให้พี่เลี้ยงเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ โดยมีระดับความต้องการในระดับมาก (μ= 3.55, σ =1.25) ผลการวิจัยสามารถนำไปเป็นข้อมูลเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการฝึกบูรณาการเรียนรู้ร่วมกับการทำงานให้มีประสิทธิภาพต่อไป</p> 2024-12-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/article/view/274249 การพัฒนาระบบจำหน่ายสังฆทานออนไลน์ กรณีศึกษาร้านขวัญเรือน 2024-08-20T14:14:51+07:00 สุรเชษฐ์ จันทร์งาม surachet.c@chandra.ac.th พชร วัชรวิภา Pachara@m.com ตุลยทรรศ ประสพสิน Tunyathat@m.com กฤตพจน์ พรมสา Kittapot@m.com <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์และออกแบบระบบจำหน่ายสังฆทานออนไลน์ กรณีศึกษาร้านขวัญเรือน <br>2) พัฒนาระบบจำหน่ายสังฆทานออนไลน์ กรณีศึกษาร้านขวัญเรือน และ 3) ประเมินความพึงพอใจในการใช้งานระบบจำหน่ายสังฆทานออนไลน์ กรณีศึกษาร้านขวัญเรือน โดยวิธีการดำเนินงานประกอบด้วย การวิเคราะห์และออกแบบระบบโดยใช้ Use Case Diagram, Class Diagram และ Sequence Diagram การพัฒนาระบบใช้ภาษา PHP ใช้โปรแกรม Apache ในการจำลองเครื่องคอมพิวเตอร์เป็น Web Server และใช้ฐานข้อมูลเป็น MySQL กลุ่มตัวอย่างจำนวน 33 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling)&nbsp; เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบประเมินความพึงพอใจต่อการใช้งานระบบ สถิติที่ใช้ในการวิจัยคือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ระบบจำหน่ายสังฆทานออนไลน์ที่ได้ทำการออกแบบและพัฒนานั้น สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ของงานวิจัย โดยระบบมีประสิทธิภาพโดยรวมอยู่ระดับที่ดี สามารถแสดงข้อมูลได้ถูกต้องตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน มีระดับผลการประเมินความพึงพอใจต่อการใช้งานระบบจำหน่ายสังฆทานออนไลน์ อยู่ที่ค่าเฉลี่ย ( X = 4.21, S.D. = 0.64) ซึ่งความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก</p> 2024-12-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/article/view/276048 การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการเพื่อส่งเสริมการรับรู้ เรื่องการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณาสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี 2024-09-18T11:33:48+07:00 พงศ์ภัค เรืองฤาหาร Pongpak@m.com สรกฤช มณีวรรณ Sorakrich@m.com ดารุวรรณ ศรีแก้ว daruwan.sri@kmutt.ac.th กุลธิดา ธรรมวิภัชน์ kuntida.tha@kmutt.ac.th <p>งานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อสำรวจความต้องการของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการเพื่อส่งเสริมการรับรู้เรื่องการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณาสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี 2) เพื่อพัฒนาและประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการเรื่องการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณา 3) เพื่อเปรียบเทียบการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างก่อนและหลังชมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการเพื่อส่งเสริมการรับรู้เรื่องการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณา และ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างต่อหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการเพื่อส่งเสริมการรับรู้เรื่องการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณาของกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 3 ในรายวิชา ETM 344 การถ่ายภาพขั้นสูงเพื่องานโฆษณา&nbsp; สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา จำนวน 30 คน ที่ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย จากผู้เข้าชมนิทรรศการและหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่พัฒนาขึ้น ผลการวิจัยพบดังนี้ ผลการสำรวจความต้องการในการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการเพื่อส่งเสริมการรับรู้เรื่องการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณา พบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.76, S.D. = 0.51) คุณภาพด้านเนื้อหา อยู่ในระดับดี ( = 4.30, S.D. = 0.47)&nbsp; คุณภาพด้านสื่อการนำเสนออยู่ในระดับดี ( = 4.42, S.D. = 0.40) ผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างหลังชมหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการสูงกว่าก่อนชมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และความพึงพอใจต่อการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการเพื่อส่งเสริมการรับรู้เรื่องการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณาของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.93, S.D. = 0.26) สรุปได้ว่า ผลการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ร่วมกับนิทรรศการเพื่อส่งเสริมการรับรู้ เรื่องการถ่ายภาพเพื่อการโฆษณา สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรี ที่พัฒนาขึ้นนั้นมีคุณภาพและสามารถนำไปใช้ได้จริง</p> 2024-12-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/article/view/277362 การใช้แพลตฟอร์มอัตโนมัติเพื่อติดตามคะแนนการเรียนรายบุคคลสำหรับการศึกษา ออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ 2024-10-31T08:37:25+07:00 อรยา สุขนิตย์ oraya.s@rmutsv.ac.th สุรสิทธิ์ ศักดา Surasit@m.com วลัยรัชช์ นุ่นสงค์ Walairach@m.com <p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการใช้แพลตฟอร์มอัตโนมัติเพื่อติดตามคะแนนการเรียนรายบุคคลสำหรับการศึกษาออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ&nbsp; โดยการนำเทคโนโลยีไลน์บอท เป็นช่องทางในการสื่อสารระหว่างผู้เรียนและผู้สอนด้วยระบบตอบกลับอัตโนมัติจากข้อมูลผลการเรียนและข้อความตอบกลับที่ผู้สอนบันทึกไว้ใน googlesheet ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลกันผ่านสถานการณ์ต่างๆ ด้วยแพลตฟอร์มอัตโนมัติ make กลุ่มตัวอย่างที่ใช้คือนักศึกษาที่ศึกษาจำนวน 30 คนและอาจารย์ผู้สอนจำนวน 5 คน&nbsp; โดยประเมินผลการใช้ประโยชน์ด้วยแบบสอบถาม พบว่า 1) กลุ่มนักศึกษามีความเห็นถึงความเหมาะสมในการนำไปใช้ประโยชน์อยู่ในระดับ มากที่สุด &nbsp;กลุ่มผู้สอนมีความเห็นในความเหมาะสมในการนำไปใช้ประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด &nbsp; โดยทั้ง 2 กลุ่มมีความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกัน&nbsp; สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> 2024-12-31T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้และเทคโนโลยี