https://so06.tci-thaijo.org/index.php/KUTH/issue/feed
วารสารภาษาไทยและวัฒนธรรมไทย
2024-06-22T09:45:39+07:00
รองศาสตราจารย์ ดร.โกวิทย์ พิมพวง
bigko009@hotmail.com
Open Journal Systems
<p> วารสารภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยรับตีพิมพ์เผยแพร่บทความคุณภาพสูงในด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคณาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย และนิสิตนักศึกษาทั้งในสถาบันและนอกสถาบัน ทั้งนี้วารสารจะตีพิมพ์ 2 ฉบับต่อปี คือ ฉบับที่ 1 (มกราคม-มิถุนายน) และฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม)</p>
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/KUTH/article/view/270636
พินิจการประกอบสร้างความหมายทางอุดมการณ์ในละครโทรทัศน์ "บุพเพสันนิวาส" และ "พรหมลิขิต" ที่ส่งผลต่อการรื้อฟื้นวัฒนธรรมไทย
2024-04-25T14:10:39+07:00
วิภาวี ฝ้ายเทศ
wipaweef24@gmail.com
<p>การศึกษาเรื่องนี้ มุ่งศึกษาวิเคราะห์กลวิธีประกอบสร้างความหมายระดับอุดมการณ์ของ ละครโทรทัศน์เรื่อง “บุพเพสันนิวาส” และ “พรหมลิขิต” ในแง่ที่มีผลต่อการรื้อฟื้นวัฒนธรรมไทย โดยนำหลักการวิเคราะห์รหัสโทรทัศน์ของจอห์น ฟิสก์ รวมทั้งแนวคิดการรื้อฟื้นวัฒนธรรม ด้วยขบวนการพื้นเมืองของ ราล์ฟ ลินตัน มาเป็นกรอบแนวคิดในการศึกษา ซึ่งพบว่าแม้พรหมลิขิต จะผลิตซ้ำตัวแทนเหตุการณ์ในอดีตโดยใช้อุดมการณ์บางประการที่สอดคล้องกับค่านิยมของสังคมปัจจุบันและเป็นประโยชน์ต่อสังคมปัจจุบันสืบต่อมาจากบุพเพสันนิวาส ได้แก่ ไสยศาสตร์ พื้นเมืองนิยม ชาตินิยม มนุษยนิยม และสมัยใหม่นิยม แต่มีการใช้อุดมการณ์ต่างขั้วซึ่งส่งผลต่างกันต่อการรื้อฟื้นวัฒนธรรมของชาติ กล่าวคือ เมื่อพิจารณาจากบทนางเอกซึ่งเป็นตัวละครหลักจากยุคสมัยใหม่ บุพเพสันนิวาสใช้คติรวมหมู่นำเสนอความสุขที่เกิดจากการมีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ดีและยกย่อง การอุทิศตนเพื่อชาติบ้านเมือง ในขณะที่พรหมลิขิตใช้อุดมการณ์ปัจเจกชนนิยมที่ให้ความสำคัญ กับการปกป้องอัตลักษณ์และผลประโยชน์ส่วนบุคคล แม้จะขัดแย้งกับบริบทสังคมวัฒนธรรม<br />สมัยกรุงศรีอยุธยาก็ตาม พรหมลิขิตจึงไม่ได้พาผู้ชมหลีกหนีจากสังคมทุนนิยมในปัจจุบันกลับไปหา ความผูกพันทางสังคมที่น่าพึงใจและความเจริญรุ่งเรืองของวัฒนธรรมในอดีตกาล</p>
2024-06-22T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Wipawee Fivetes
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/KUTH/article/view/272600
บทเพลงบ่าววี: ลักษณะความเปรียบและการสร้างคำประสมด้านความรัก
2024-04-25T14:52:14+07:00
นรีกมล ไชยคำ
aomnaree1166@gmail.com
บุญเลิศ วิวรรณ์
boonlert.w@ku.th
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะความเปรียบและลักษณะการสร้างคำประสมในบทเพลงบ่าววี โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากช่องยูทูบ RsaimMusic จำนวน 100 บทเพลงและประยุกต์แนวคิดด้านการใช้ความเปรียบและการสร้างคำประสมสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล <br />ผลการวิจัยพบว่า ลักษณะความเปรียบที่ปรากฏในบทเพลงบ่าววี มีจำนวนทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ 1) ความเปรียบแบบอุปมา เช่น เปรียบหญ้าคากับหัวใจ 2) ความเปรียบแบบอุปลักษณ์ เช่น เปรียบมนุษย์เป็นพืช 3) ความเปรียบแบบสัญลักษณ์ เช่น เปรียบนาฬิกาเป็นลมหายใจ 4) ความเปรียบแบบบุคลาธิษฐาน เช่น เปรียบหุ่นไล่กาให้เป็นสิ่งมีชีวิต และ 5) ความเปรียบแบบอธิพจน์ เช่น เปรียบน้ำตาที่รินไหลเหมือนน้ำในเขื่อน ซึ่งความเปรียบที่ปรากฏในบทเพลงส่วนใหญ่แสดงให้เห็นด้านความรักที่เปรียบเทียบกับธรรมชาติ ส่วนการสร้างคำประสมด้านความรักในบทเพลงบ่าววี ผู้วิจัยพบว่ามีลักษณะการสร้างคำประสมด้านความรัก 2 ลักษณะ ได้แก่ 1) คำประสมที่มีส่วนหลักเป็นคำเดี่ยว + ส่วนขยายเป็นคำเดี่ยว เช่น ความเหงา 2) คำประสมที่มีส่วนหลักเป็นคำเดี่ยว + ส่วนขยายเป็นกลุ่มคำ เช่น <br />การเอาใจ ซึ่งคำประสมที่ปรากฏในบทเพลงแสดงมุมมองความสัมพันธ์ด้านความรักที่มีทั้งความสมหวังและไม่สมหวัง</p>
2024-06-22T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 นรีกมล ไชยคำ, บุญเลิศ วิวรรณ์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/KUTH/article/view/273448
การวิเคราะห์รสวรรณคดีไทยที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน
2024-05-01T11:20:23+07:00
สนธยา นิกูลรัมย์
sinsub.yy@bru.ac.th
สุธาทิพย์ พุ่มพวง
sinsub.yy@bru.ac.th
สำราญ ธุระตา
samran.tt@bru.ac.th
<p>บทความวิจัยเรื่อง การวิเคราะห์รสวรรณคดีไทยที่ปรากฏในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผน <br />มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์รสวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผน ฉบับบทประพันธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยวิเคราะห์ตามทฤษฎีรสวรรณคดีไทย ผลการศึกษาพบว่า วรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผนฉบับบทประพันธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ปรากฏรสวรรณคดีไทยครบทั้ง 4 รส ได้แก่ เสาวรจนี นารีปราโมทย์ พิโรธวาทัง และสัลลาปังคพิสัย นอกจากนี้ยังพบว่า <br />รสวรรณคดีที่พบมากที่สุด คือสัลลาปังคพิสัย จำนวน 23 ตอน รองลงมา คือ พิโรธวาทัง จำนวน <br />22 ตอน นารีปราโมทย์ จำนวน 12 ตอน และเสาวรจนี จำนวน 10 ตอน</p>
2024-06-22T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 สนธยา นิกูลรัมย์, สุธาทิพย์ พุ่มพวง, สำราญ ธุระตา
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/KUTH/article/view/272435
ภาษาวรรณศิลป์และโลกทัศน์ที่ปรากฏในวรรณกรรม เรื่องสั้น “หลวงตา” ของ “แพรเยื่อไม้”
2024-04-25T14:24:27+07:00
หนึ่งฤทัย เสียมทอง
nuengruethai.siam@ku.th
บุญเลิศ วิวรรณ์
boonlert.w@ku.th
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาษาวรรณศิลป์และโลกทัศน์ที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้น “หลวงตา” ของ “แพรเยื่อไม้” โดยผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลจากวรรณกรรมเรื่องสั้น “หลวงตา” ปี พ.ศ. 2516 ซึ่งมีทั้งหมด 13 ตอน อีกทั้งใช้แนวคิดด้านวรรณศิลป์และโลกทัศน์ที่ปรากฏ ในวรรณกรรมในการวิเคราะห์ข้อมูล <br />ผลการวิจัยภาษาวรรณศิลป์และโลกทัศน์ที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้น “หลวงตา” ของ “แพรเยื่อไม้” พบว่าลักษณะการใช้ภาษาวรรณศิลป์ประเภทการใช้คำแสดงอารมณ์ คำศัพท์บัญญัติหรือศัพท์เทคนิค คำภาษาต่างประเทศ คำต่ำหรือคำหยาบ คำย่อ คำมีศักดิ์ ด้านภาพพจน์ พบลักษณะการใช้ภาพพจน์แบบอุปมา อุปลักษณ์ สัญลักษณ์ บุคคลวัต นามนัย การอ้างถึงหรือเท้าความ แนวเทียบ สัทพจน์ ปฏิปุจฉา ส่วนโลกทัศน์ที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่องสั้น “หลวงตา” ของ “แพรเยื่อไม้” พบลักษณะของโลกทัศน์จำนวน 6 ด้าน ได้แก่ 1. โลกทัศน์ต่อศาสนาโดยเน้นเกี่ยวกับหลักธรรมคำสอน ศาสนสถาน พระพุทธเจ้า 2. โลกทัศน์ต่อสังคมโดยเน้นเกี่ยวกับศีลธรรม แหล่งสถานบันเทิง โรคภัยไข้เจ็บ 3. โลกทัศน์ต่อมนุษย์โดยเน้นเกี่ยวกับความเชื่อ ความรัก 4. โลกทัศน์ต่อการเมืองเกี่ยวกับระบบการปกครอง 5. โลกทัศน์ต่อการศึกษาโดยเน้นเกี่ยวกับบุคลากรทางการศึกษา การจัดการศึกษา อาชีพ และ 6. โลกทัศน์ต่อธรรมชาติโดยเน้นเกี่ยวกับชีวิต</p>
2024-06-22T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 หนึ่งฤทัย เสียมทอง, บุญเลิศ วิวรรณ์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/KUTH/article/view/272581
การพรรณนาความและวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายจีน ที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง “อยู่กับก๋ง”
2024-05-01T08:43:43+07:00
Yan Wu
yanwu1582@gmail.com
บุญเลิศ วิวรรณ์
boonlert.w@ku.th
<p><span style="vertical-align: inherit;"><span style="vertical-align: inherit;"><span style="vertical-align: inherit;"><span style="vertical-align: inherit;">การใช้บทพรรณนาจัดเป็นศิลปะแห่งการใช้ภาษาเพื่อ “วาด” ให้เกิดเป็นภาพในจิตของผู้อ่าน ผู้อ่านจะประจักษ์หรือรับรู้รูปที่เป็นเสมือนการบันทึกภาพในบริบทของสังคมร่วมสมัย บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะการพรรณนาความและวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายจีนที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง “อยู่กับก๋ง” ของ “หยก บูรพา” ซึ่งตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2558 โดยประยุกต์แนวคิดด้านการพรรณนาความและประเภทของวัฒนธรรมมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า การพรรณนาความที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง “อยู่กับก๋ง” มี 3 ประเภท ได้แก่ 1. การพรรณนาภาพ ประกอบด้วยการพรรณนาภาพสถานที่ การพรรณนาภาพบุคคลและการพรรณนาภาพบรรยากาศ 2. การพรรณนาอารมณ์ ประกอบด้วยการพรรณนาอารมณ์เศร้าและการพรรณนาอารมณ์กลัว และ 3. การพรรณนาโดยใช้ความเปรียบ ประกอบด้วยการพรรณนาโดยใช้ความเปรียบประเภทอุปมา ความเปรียบประเภทอุปลักษณ์ ความเปรียบประเภทสัญลักษณ์ และความเปรียบประเภทบุคลาธิษฐาน ด้านวัฒนธรรมของคนไทยเชื้อสายจีนที่ปรากฏในวรรณกรรมเรื่อง “อยู่กับก๋ง” พบว่ามี 4 ด้าน ได้แก่ 1. วัฒนธรรมด้านมนุษยศาสตร์ ประกอบด้วยวัฒนธรรมเกี่ยวกับความคิดความเชื่อและวัฒนธรรมเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมประเพณี 2. วัฒนธรรมด้านคหกรรมศิลป์ ประกอบด้วยวัฒนธรรมเกี่ยวกับเสื้อผ้า และวัฒนธรรมเกี่ยวกับอาหาร 3. วัฒนธรรมด้านการช่างฝีมือ ได้แก่ วัฒนธรรมเกี่ยวกับการจักสาน และ 4. วัฒนธรรมด้านศิลปะ ได้แก่ วัฒนธรรมเกี่ยวกับภาษา<br /></span></span></span></span></p>
2024-06-22T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 Yan Wu, บุญเลิศ วิวรรณ์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/KUTH/article/view/269521
แนวคิดและกลวิธีทางภาษาในความเรียงเสนอความคิดเห็น ของเฟซบุ๊กเพจ “Roundfinger”: กรณีศึกษางานเขียนช่วงหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (post-Covid)
2024-05-01T08:46:45+07:00
สุจิตรา ศิริพาณิชย์
suchitra1105@gmail.com
<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์แนวคิดและกลวิธีทางภาษาในความเรียงเสนอความคิดเห็นช่วงหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (post-Covid) ของเฟซบุ๊กเพจ “Roundfinger” โดยเก็บข้อมูลความเรียงเสนอความคิดเห็นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 แนวคิดที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ปริจเฉทวิเคราะห์ วัจนปฏิบัติศาสตร์ และการเล่นทางภาษา ผลการศึกษาพบว่า ผู้เขียนนำเสนอแนวคิดทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่ 1) แนวคิดเกี่ยวกับตนเอง 2) แนวคิดที่เกี่ยวข้องระหว่างตนเองกับผู้อื่น และ 3) แนวคิดที่เกี่ยวข้องกับสภาพชีวิตในสังคมปัจจุบัน แนวคิดที่พบมากที่สุด คือ แนวคิดเกี่ยวกับตนเอง ส่วนการวิเคราะห์กลวิธีทางภาษา พบว่า ผู้เขียนใช้กลวิธี 2 ลักษณะ คือ 1) กลวิธีทางวัจนปฏิบัติศาสตร์ ประกอบด้วย 7 กลวิธี ได้แก่ การแสดงทรรศนะของตนเอง การอ้างถึง การยกตัวอย่าง การเสนอแนวทาง การอธิบาย การตั้งคำถามให้ผู้อ่านฉุกคิด และการปลอบประโลม และ 2) กลวิธีการเล่นทางภาษา เช่น การสรุปด้วยคำคม การซ้ำคำ การใช้คำตรงกันข้าม ทั้งนี้ การนำเสนอแนวคิดและกลวิธีทางภาษาดังกล่าวมีลักษณะต่างไปจากงานเขียนช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ของเฟซบุ๊กเพจ “Roundfinger” การศึกษานี้จึงแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อวงการผลิตสื่อและงานเขียนของสังคมไทย อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019</p>
2024-06-22T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 สุจิตรา ศิริพาณิชย์