วารสารดนตรีและการแสดง https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal <p><strong>วัตถุประสงค์</strong><br />วารสารดนตรีและการแสดงมีวัตถุประสงค์เพื่อ<br />1. เพื่อส่งเสริมทางด้านวิชาการ การค้นคว้าวิจัย และการสร้างสรรค์ทางด้านดนตรี และการแสดง<br />2. เพื่อเผยแพร่ผลงานทางด้านวิชาการ และวิจัยด้านดนตรีและการแสดง<br />3. เพื่อเป็นการบริการวิชาการแก่สังคม<br />4. เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนแนวความคิด องค์ความรู้ ความก้าวหน้าในด้านวิชาการ และวิจัยทางดนตรีและการแสดง</p> <p> วารสารดนตรีและการแสดงเปิดรับบทความวิจัย และบทความวิชาการ ของนักวิชาการ ครู อาจารย์ นิสิต นักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับวิชาการด้านดนตรีและการแสดง ได้แก่ ดนตรีไทย ดนตรีตะวันตก นาฏศิลป์ไทย นาฏศิลป์ตะวันตกศิลปะการละคร การออกแบบเพื่อการแสดง การผลิตสื่อด้านดนตรีและการแสดง หรือบทความที่ครอบคลุมทุกสาขาวิชาทางด้านดนตรีและการแสดง โดยบทความที่ส่งมาตีพิมพ์ต้องไม่เคยเผยแพร่ในวารสารหรือสิ่งพิมพ์ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาของวารสารหรือสิ่งพิมพ์อื่น</p> <p> บทความทุกฉบับผ่านการประเมินคุณภาพบทความโดยผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Review) ที่มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญตรงหรือเกี่ยวเนื่องกับสาขาของบทความ จำนวน 3 ท่านต่อบทความ ผู้ประเมินจะไม่ทราบว่ากำลังพิจารณาบทความของผู้เขียนคนใด พร้อมกันนั้นผู้เขียนบทความจะไม่สามารถทราบว่าใครเป็นผู้พิจารณา (Double Blind Review) ลิขสิทธิ์ของบทความเป็นของเจ้าของบทความ บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นทัศนะของผู้เขียน กองบรรณาธิการไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบบทความนั้น</p> <p> </p> คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา th-TH วารสารดนตรีและการแสดง 2774-0722 การขับร้องเพลงช้าปี่สำหรับการแสดงโขน “การสื่ออารมณ์และความหมายผ่านกลวิธีการขับร้อง” https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275350 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;การขับร้องเพลงช้าปี่สำหรับการแสดงโขนไม่ได้เป็นเพียงการนำเสนอคำร้อง แต่ยังต้องสามารถสื่อความหมายและอารมณ์ผ่านกลวิธีการขับร้องที่ซับซ้อน เพลงช้าปี่เป็นเพลงเปิดมีความสำคัญและร้องยาก เนื่องจากมีท่วงทีลีลาช้าและงดงาม โดยการขับร้องนี้ต้องประสานกันระหว่างผู้ร้องและผู้แสดงอย่างสอดคล้อง จากการศึกษากลวิธีการขับร้อง พบว่ามีกลวิธีต่าง ๆ ช่วยในการแสดงอารมณ์ของบทเพลง เช่น การปั้นคำร้อง การเอื้อนสามเสียง การกระทบเสียง และการใช้เสียงแข็งแรงและมีพลัง การสื่ออารมณ์และความหมายผ่านการขับร้องนี้ช่วยให้ผู้ฟังรับรู้และเข้าใจถึงเนื้อหาและอารมณ์ของเพลงได้อย่างชัดเจน การขับร้องดีต้องอาศัยทักษะ สมาธิ ในการแสดงออกอย่างเต็มที่</p> จันทนา คชประเสริฐ Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 137 150 ประโยชน์ของการฝึกหายใจด้วยดนตรีบำบัดผ่านกิจกรรมร้องเพลง ที่มีผลต่อการเสริมสร้างสุขภาวะทางกายและใจในผู้สูงอายุ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275354 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;การฝึกหายใจด้วยดนตรีบำบัดผ่านกิจกรรมร้องเพลงนั้น เป็นกิจกรรมที่ช่วยตอบสนองความต้องของผู้สูงอายุในด้านของการส่งเสริมสุขภาพวะทางกายและใจ โดยเป็นกิจกรรมที่สามารถทำเดี่ยวหรือทำแบบกลุ่มก็ได้ ซึ่งจะต้องทำร่วมกับนักดนตรีบำบัดวิชาชีพที่ผ่านการอบรมหรือจบหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับดนตรีบำบัดมาโดยตรง เพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ การฝึกหายใจผ่านการร้องเพลงเป็นผลดีต่อสุขภาวะทางกายและใจของผู้สูงอายุ อันเนื่องมาจากร่างกายได้เสื่อมถอยตามกาลเวลา การจะประกอบกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังกายที่เยอะถือเป็นเรื่องที่ทำยากยิ่งขึ้นในผู้สูงวัยและมีความเสี่ยงหลายมิติ แต่การฝึกหายใจผ่านการร้องเพลงนั้นเป็นการลดข้อจำกัดดังกล่าวให้น้อยลง ทำให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมที่ส่งเสริมสุขภาพวะทางกายและใจ อีกทั้งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะสังคมของผู้สูงอายุให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น หากได้ประกอบกิจกรรมกับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อน ซึ่งทำให้ผู้สูงอายุนั้นไม่ได้รู้สึกถึงการฝึกหายใจเพื่อการรักษา แต่เป็นเพียงการทำกิจกรรมกับตนเอง ครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนซึ่งช่วยให้เกิดแรงจูงใจ และความถี่ในการฝึกฝนมากยิ่งขึ้น</p> ทรงวรธรรม สมกอง Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 183 192 กระบวนการประพันธ์เพลง “THE GLAMOUR OF CHONBURI” https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275356 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;งานวิจัย เรื่อง กระบวนการประพันธ์เพลง “The Glamour of Chonburi”&nbsp; มีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอกระบวนการประพันธ์เพลง " The Glamour of Chonburi " และ เพื่อสร้างบทประพันธ์เพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวถึงเอกลักษณทางด้านประเพณีของจังหวัดชลบุรี โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ บทเพลง The Glamour of Chonburi ได้รับแรงบันดาลใจจากประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญของจังหวัดชลบุรีทั้ง 3 ประเพณีได้แก่ ประเพณีกองข้าวศรีราชา ประเพณีแห่พญายม และประเพณีวิ่งควาย โดยวัตถุประสงค์ของการประพันธ์คือเพื่อสร้างผลงานการประพันธ์เพลงที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชลบุรีในเสียงและสำเนียงของดนตรีตะวันตกประสมดนตรีไทย ผู้วิจัยได้สร้างบทประพันธ์นี้สำหรับวงดุริยางค์เครื่องลม วงขับร้องประสานเสียง และวงดนตรีไทย ความยาวประมาณ 17 นาที&nbsp;</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;ในวิธีการประพันธ์เพลงผู้วิจัยได้ศึกษา วิเคราะห์บทประพันธ์ของคีตกวีเอกของชาวตะวันตกและชาวไทยที่ประพันธ์บทเพลงประเภทดนตรีพรรณนาทั้งในด้านวิธีและมุมมองการบรรยายเรื่องราวด้วยประโยคเพลง (Phrase)&nbsp; พื้นผิวทางดนตรี (Texture) สังคีตลักษณ์ (Musical form) โครงหลักของเสียงประสาน (Structure of Harmony)&nbsp; และเทคนิคการประพันธ์ เพื่อนำมาปรับใช้กับงานประพันธ์ของตนเองให้มีความสมบูรณ์ สามารถถ่ายทอดหรือสื่อสารให้ผู้ฟังได้เข้าถึงงานศิลป์ทางเสียง</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;บทเพลง The Glamour of Chonburi แบ่งออกเป็น 3 ช่วงใหญ่ ซึ่งในแต่ละช่วงนั้นถูกแบ่งโดยอัตราความเร็วของจังหวะ กำหนดลีลาและอารมณ์ รูปแบบของการบรรเลง โดยใช้เทคนิคการประพันธ์เพลงหลักที่หลากหลาย คือ เทคนิคการคัดทำนอง (Quotation) แนวคิดการใช้หน่วยทำนองจากเพลงไทย บันไดเสียงเพนทาโทนิก ไลท์โมทีฟ (Leitmotif) ด้วยการผ่านกระบวนการสร้างสรรค์และศึกษาองค์ความรู้ผู้วิจัยพบว่า การประสมเสียงเพื่อสื่อสารข้อความและเรื่องราวอย่างลุ่มลึกนั้นจำเป็นต้องใช้องค์ประกอบของความรู้และทักษะการประพันธ์เพลงที่หยั่งลึกเช่นเดียวกัน ผู้วิจัยมีความมุ่งหวังให้บทเพลง The Glamour of Chonburi นี้เปรียบเสมือนเป็นจดหมายเหตุที่บันทึกและเผยแพร่เสน่ห์ของจังหวัดชลบุรี</p> ศักดิ์ชัย เจริญสุขสนาน Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 193 205 การตีความเพื่อการบรรเลงบทเพลงเปียโนของนักประพันธ์เพลงชาวจีนและไทย https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275318 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์คือ 1. เพื่อวิเคราะห์การตีความเพื่อการบรรเลงบทเพลงเปียโนของนักประพันธ์เพลงชาวจีนและชาวไทย 2. เพื่อจัดแสดงการบรรเลงเปียโนบทประพันธ์เพลงไทยและเพลงจีน โดยกำหนดขอบเขตงานวิจัย คือ 1. การตีความบทเพลง 2. วิธีการบรรเลง ซึ่งจะสามารถทำให้ทราบถึงกระบวนการแนวคิดของผู้ประพันธ์เพลงเป็นอย่างไร และผู้วิจัยนำมาผสมผสานกับแนวคิดการตีความของผู้วิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการบรรเลงของบทเพลงทั้งสองบทเพลง ในการนำเสนอสู่สาธารณชน</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;บทเพลงทั้งสองบทเพลงคือ บทเพลง “รามยณะ” (รามเกียรติ์) และบทเพลง “ปี่ฮวง” ของนักประพันธ์เพลงชาวไทยและชาวจีน ซึ่งเป็นบทเพลงที่ประพันธ์ขึ้นสำหรับบรรเลงเดี่ยวเปียโน ที่ใช้วิธีการประพันธ์เพลงร่วมสมัย มานำเสนอแนวคิดจากการนำเสนอทั้งในวรรณคดีประจำชาติ และการแสดงประจำชาติ ทำให้เกิดเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นปรากฏอยู่ในบทเพลงทั้งสองอย่างเด่นชัด และเป็นบทเพลงที่มีคุณค่า สามารถนำไปเป็นแบบอย่างในการสร้างสรรค์ผลงานได้ต่อไป</p> Bei Wang รณชัย รัตนเศรษฐ วิบูลย์ ตระกูลฮุ้น Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 7 20 THE BEAUTIFUL MIAO MOUNTAIN: THE CONTEMPORARY MUSIC CREATION FROM MIAO MUSIC CULTURE IN GUIZHOU https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275319 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;"The Beautiful Miao Mountain" is based on the Feige tune (Flying song), the Feige of the Miao ethnic group in southeastern (Qiandongnan) Guizhou. It is a folk song with the characteristics of the Miao people in Guizhou with a long history. They live <br>in the mountains, and singing is one of their daily communications, disseminating information, and expressing emotions. Because the two sides of the singing sing opposite each other across the mountain, the voice is soft and inaudible unless shouting. Let the other party hear the singing content, so the "Feige" of the Miao people is sung with an authentic voice, has solid penetrating power, and is more infectious, was born. This research aims to study Miao Fei Ge music in Guizhou and create a contemporary music creation from Miao Music Culture in Guizhou. The research has employed qualitative research methods and creative research methods to conduct research. In "The Beautiful Miao Mountain", the researcher used some elements of miao folk songs to create the music composition, used the violin vividly imitates the twists and turns of the human voice and the natural sounds of insects and birds in the early morning of Miaoling. It uses bright and cheerful Feige to describe the beauty of Miao Village in the early morning. It expresses the happy life scene of the Miao people. Using the violin to play the Miao Feige represents the human voice, a new fusion of national folk music and Western musical instruments, and an innovative form of contemporary Miao culture, which can improve the social awareness of national folk music. Another innovative performance of Miao music will also better promote the development of Miao music in Guizhou.</p> Hui Jiang Akkarapon Dejwacharanon Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 21 33 บทบาทการส่งเสริมดนตรีไทยของพลตรีประพาศ ศกุนตนาค https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275322 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;งานวิจัยเรื่องบทบาทการส่งเสริมดนตรีไทยของพลตรีประพาศ ศกุนตนาค มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประวัติชีวิตของพลตรีประพาศ ศกุนตนาค และบทบาทการส่งเสริมดนตรีไทยของพลตรีประพาศ ศกุนตนาค ใช้ระเบียบวิธีวิจัยคุณภาพ ผลการศึกษาพบว่า พลตรีประพาศ ศกุนตนาค เกิดในครอบครัวที่ชื่นชอบดนตรีไทย ทำให้เกิดความสนใจการขับร้องเพลงไทย โดยยึดทางเพลงตามคุณหญิงไพฑูรย์ กิตติวรรณ มีลีลาการขับร้องตามครูเหนี่ยว ดุริยพันธุ์ การขับร้องเพลงไทยได้ไพเราะประกอบกับมีความสามารถในการขับเสภาทำให้พลตรีประพาศ ศกุนตนาค ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ขับเสภาประกอบละครทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 และเป็นนักร้องเพลงไทยในงานสำคัญต่าง ๆ</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;พลตรีประพาศ ศกุนตนาครับราชการทหาร เหล่าทหารสื่อสาร จึงทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศข่าวในโอกาสสำคัญทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ประกอบกับการเป็นนักแสดง&nbsp; และนักร้องเพลงไทย จึงทำให้ พลตรีประพาศ ศกุนตนาค มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อให้การสนับสนุนส่งเสริมดนตรีไทยจึงมีผู้ให้ความสนใจทั้งการสมัครเป็นลูกศิษย์และติดตามผลงาน พลตรีประพาศ ศกุนตนาค มีบทบาทในการส่งเสริมดนตรีไทยทั้งการเผยแพร่การขับร้องเพลงไทย การตีกรับขับเสภา ผ่านสื่อทางวิทยุโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ และเป็นผู้ประสานงานจัดงานดนตรีไทยในโอกาสสำคัญ นอกจากนั้นพลตรีประพาศ ศกุนตนาคยังมีบทบาทในการสืบทอดดนตรีไทยทั้งในฐานะครูผู้ถ่ายทอดความรู้ขั้นพื้นฐานด้านการขับร้องเพลงไทย และการตีกรับขับเสภาให้กับลูกศิษย์ รวมทั้งการถ่ายทอดกรรมวิธีการสร้างกรับเสภา นอกจากนั้นพลตรีประพาศ ศกุนตนาคยังร่วมจัดตั้ง “สำนักสยามเสภานุรักษ์” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมการขับร้องเพลงไทย และการตีกรับขับเสภาทางสื่อออนไลน์</p> ปรมินทร์ เต็มพร้อม ภัทรวดี ภูชฎาภิรมย์ Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 34 46 การสร้างละครพันทางเรื่องผู้ชนะสิบทิศของครูเสรี หวังในธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275323 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;บทความฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาการสร้างละครพันทางเรื่องผู้ชนะสิบทิศของครูเสรี หวังในธรรม ผู้วิจัยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพโดยศึกษาจากเอกสาร ตำรา งานวิจัยและการสัมภาษณ์ นำเสนอด้วยการพรรณนาวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;ผลจากการศึกษาพบว่า ละครพันทางเรื่องผู้ชนะสิบทิศของครูเสรี หวังในธรรม เป็นละครพันทาง เริ่มจัดแสดงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2528 ณ สังคีตศาลาและโรงละครแห่งชาติ รวมทั้งสิ้นจำนวน 56 ตอน การสร้างละครดังกล่าวเป็นการประพันธ์บทละครขึ้นใหม่จากการถอด บทประพันธ์จากนวยนิยายของยาขอบ การเลือกนักแสดงและการฝึกหัดเป็นการใช้นาฏยศิลปินที่รับราชการในกรมศิลปากร สำหรับการบรรจุเพลงในละครเป็นการใช้เพลงสำเนียงออกภาษาจากของดั้งเดิมและมีเพิ่มเพลงใหม่ ซึ่งกระบวนการสร้างละครพันทางนี้อยู่ในความควบคุมของครูเสรี หวังในธรรม ตลอดทุกขั้นตอน</p> จุฑาวัฒน์ โอบอ้อม อนุกูล โรจนสุขสมบูรณ์ Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 47 56 การถ่ายทอดดนตรีพื้นเมืองล้านนาของเจ้าสุนทร ณ เชียงใหม่ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275324 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;งานวิจัยเรื่อง การถ่ายทอดดนตรีพื้นเมืองล้านนาของเจ้าสุนทร ณ เชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาชีวประวัติและผลงาน การพัฒนาและการถ่ายทอดดนตรีพื้นเมืองล้านนาของเจ้าสุนทร ณ เชียงใหม่ ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยพบว่า เจ้าสุนทร ณ เชียงใหม่ เกิดและเติบโตในตระกูลเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ จึงได้เรียนดนตรีพื้นเมืองล้านนาและเรียนเครื่องสายไทยในคุ้มหลวงมาแต่เยาว์วัย เมื่อได้รับเชิญเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีพื้นเมืองล้านนา ของวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ จึงนำระเบียบวิธีการบรรเลงของวงดนตรีไทยมาใช้กับวงสะล้อ ซึง ทั้งการพัฒนารูปแบบการจัดวงการพัฒนารูปแบบการประสมวง พัฒนาขนาดและระดับเสียงของสะล้อและซึง ส่งผลให้วงสะล้อ ซึง มีแบบแผนการบรรเลงที่มีมาตรฐาน รวมทั้งการบันทึกโน้ตเพลงพื้นเมืองล้านนา และนำลูกบิดกีตาร์มาใช้กับซึง ทำให้ระดับเสียงไม่ลดระหว่างบรรเลง</p> <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;เจ้าสุนทร ณ เชียงใหม่ ถ่ายทอดความรู้ดนตรีพื้นเมืองล้านนา ให้กับนักเรียนวิชาเอกดนตรีไทย วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่และลูกศิษย์ในกลุ่มช่างสร้างเครื่องดนตรี การถ่ายทอดเริ่มจากการสาธิตให้ดูและการนอยเสียง แล้วจึงถ่ายทอดเพลงในกลุ่มเพลงพื้นฐาน กลุ่มเพลงชั้นกลางและกลุ่มเพลงชั้นสูง การถ่ายทอดการบรรเลงรวมวง รวมถึงการถ่ายทอดกลวิธีในการบรรเลงแบบดั้งเดิมของดนตรีพื้นเมืองล้านนาและนำกลวิธีพิเศษของดนตรีไทยมาใช้กับการบรรเลง แบบแผนการบรรเลงสะล้อและซึงของเจ้าสุนทร ณ เชียงใหม่ ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีสายการสืบทอดสำคัญ คือ ลูกศิษย์ในวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ เนื่องจากส่วนใหญ่ประกอบอาชีพครูดนตรีไทย ทั้งในวิทยาลัยนาฏศิลปและในโรงเรียนเขตภาคเหนือ</p> ทศพร จันทร์เลิศ ภัทรวดี ภูชฎาภิรมย์ Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 57 71 กรรมวิธีการสร้างตะโพนของครูภูมิใจ รื่นเริง https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275327 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามูลบทที่เกี่ยวข้องกับตะโพน ศึกษาประวัติชีวิตและกรรมวิธีการสร้างตะโพนของครูภูมิใจ รื่นเริง โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ จากการศึกษาพบว่าตะโพนคือเครื่องหนังที่ใช้บรรเลงอยู่ในวงปี่พาทย์ สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากกลองโบราณของอินเดีย มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานโดยปรากฏหลักฐานมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ตัวกลองขึงด้วยหนังสองหน้า ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหน้ามัดประมาณ 8 นิ้ว หน้ารุ่ย 9 นิ้ว ความยาว 19 นิ้ว ความสูง 21 นิ้ว ตะโพนเป็นเครื่องดนตรีที่นักดนตรีไทยต่างสักการะบูชา เนื่องจากเป็นเครื่องดนตรีที่เปรียบดังสัญลักษณ์แทนองค์พระปรคนธรรพ เทพสังคีตาจารย์แห่งดนตรี ครูภูมิใจ รื่นเริงเป็นช่างทำระนาดและกลองไทยทุกชนิด ได้รับสืบทอดภูมิปัญญาช่างจากครูเสน่ห์ ภักตร์ผ่อง กรรมวิธีการสร้างตะโพนของครูภูมิใจ ประกอบไปด้วย 6 ขั้นตอน ได้แก่ การเตรียมหุ่นตะโพน การเตรียมไส้ละมาน การตัดหนังเรียด การเตรียมหน้าตะโพน การแกะสลักเท้าตะโพนและการขึ้นตะโพน ลักษณะเฉพาะที่ปรากฏในกรรมวิธีการสร้างตะโพนของครูภูมิใจ คือ วิธีการร้อยหนังเรียด วิธีการถักไส้ละมาน สัดส่วนของหุ่นตะโพนและการสาวตะโพนด้วยการใช้หัวเข่าเป็นอวัยวะค้ำยันหุ่นกลอง&nbsp;</p> <p><strong>&nbsp;</strong></p> ชนะใจ รื่นเริง ภัทระ คมขำ Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 72 86 กรรมวิธีการผลิตซออู้ของครูอวรัช ชลวาสิน https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275328 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามูลบทที่เกี่ยวข้องกับประวัติการผลิตซออู้ของครูอวรัช ชลวาสิน ศึกษากรรมวิธีการผลิตซออู้และปัจจัยที่มีผลต่อคุณภาพเสียงซออู้ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการวิจัยพบว่าครูอวรัช ชลวาสิน ได้เริ่มทดลองประดิษฐ์ซออู้คันแรกตั้งแต่อายุ 13 หลังจากนั้นจึงเริ่มสั่งสมความรู้ด้านดนตรีไทย งานศิลปกรรม ความรู้ด้านวิศวกรรมตลอดมาและได้เปิดโรงงานผลิตเครื่องดนตรีไทยชื่อว่า โรงงานสายเอก จนกระทั่งประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะซออู้ ไม้ที่ใช้ผลิตซออู้ของครูอวรัช ชลวาสิน ได้แก่ ไม้ Snakewood กรรมวิธีการผลิตซออู้มี 8 ขั้นตอน ได้แก่ 1. การคัดเลือกกะลาและการแกะสลักลาย 2. การขึ้นหน้าซอ 3. การกลึงคันทวนลูกบิดและคันชัก 4. การเจาะคันทวนประกอบลูกบิด 5. การขึ้นหางม้า 6. การปรับบัวเข้ากะโหลก 7. การทำสี 8. การประกอบซอและปรับแต่งเสียง ลักษณะเฉพาะที่ปรากฏในการผลิตซออู้ของครูอวรัช คือ โครงสร้างยึดตามแบบกระสวนดุริยบรรณ หนังสำหรับขึ้นหน้าซออู้ การผูกลายแกะแบบทับซ้อนมุมมีดในการแกะที่ใช้พรางตาและก่อให้เกิดมิติ การออกแบบลายเฉพาะแต่ละคัน และการเดินเส้นไม้พุดรอบขอบหนัง</p> ชลลพรรษ เด็จใจ พรประพิตร์ เผ่าสวัสดิ์ Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 87 101 กลวิธีการขับร้องเพลงหุ่นกระบอกเรื่องพระอภัยมณีของครูกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275331 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;วิทยานิพนธ์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามูลบทที่เกี่ยวข้องกับการแสดงหุ่นกระบอกและศึกษากลวิธีการขับร้องเพลงหุ่นกระบอกเรื่องพระอภัยมณีของครูกัญจนปกรณ์ แสดงหาญ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการศึกษาพบว่า พุทธศักราช 2436 หม่อมราชวงศ์เถาะ พยัคฆเสนาได้นำรูปแบบหุ่นครูเหน่งมาสร้างและตั้งเป็นคณะหุ่นคุณเถาะที่กรุงเทพมหานครและได้เกิดคณะหุ่นขึ้นอีกหลายคณะ อาทิ คณะหุ่นนายเปียก คณะหุ่นนายวิง เป็นต้น การแสดงหุ่นกระบอกนิยมแสดงโดยใช้วรรณคดีเรื่องพระอภัยมณี บรรจุด้วยเพลงหน้าพาทย์ เพลงเกร็ด และเพลงหุ่นกระบอก บรรเลงด้วยวงปี่พาทย์เครื่องห้าหรือเครื่องคู่ มีซออู้ทำหน้าที่สีเพลงหุ่นกระบอก การขับร้องสำหรับการแสดงหุ่นกระบอกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ขับร้องเพลงเกร็ดสองชั้น ชั้นเดียว และขับร้องเพลงหุ่นกระบอก ซึ่งลักษณะการขับร้องเพลงหุ่นกระบอกเป็นการร้องเคล้าไปกับทำนองซอโดยมีระดับเสียงทางกลางแหบ (มฟซXทดX) เป็นระดับเสียงหลัก ในการขับร้องมีทั้งหมด 4 รูปแบบ ได้แก่ การขับร้องร้องลงธรรมดาเพื่อเจรจาหรือรับด้วยเพลงดำเนินทำนองทั่วไป การขับร้องทำนองหุ่นตลก การขับร้องสำหรับรับด้วยเพลงเชิด รัว และเสมอ การขับร้องสำหรับรับด้วยเพลงโอด จากการศึกษาทั้ง 4 รูปแบบพบว่า มีการใช้กลวิธีขับร้องทั้งหมด 13 กลวิธี ได้แก่ การปั้นคำ การเน้นเสียงเน้นคำ การเล่นเสียง การเอื้อนสามเสียง การโปรย หางเสียง การสะบัดเสียง การกระทบ การช้อนเสียง การผันเสียง การครั่นเสียง การโยกเสียง และการลักจังหวะ</p> นรพิชญ์ เลื่องลือ ขำคม พรประสิทธิ์ Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 102 114 การถ่ายทอดเพลงสระหม่าใหญ่ของครูปี๊บ คงลายทอง (ศิลปินแห่งชาติ) https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275333 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;วิทยานิพนธ์เรื่องการถ่ายทอดเพลงสระหม่าใหญ่ของครูปี๊บ คงลายทอง (ศิลปินแห่งชาติ) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตลักษณ์โครงสร้างทำนองปี่ชวา หน้าทับสระหม่าใหญ่ และวิธีการถ่ายทอดใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ผลการศึกษาพบว่าเพลงสระหม่าใหญ่มีโครงสร้าง 3 ทำนอง ได้แก่ ทำนองสระหม่า ทำนองโยน ทำนองแปลง ทำนองสระหม่ากับทำนองโยนมีลักษณะพิเศษคือ ไม่มีจังหวะตายตัว สามารถยืดหรือขยายทำนองได้อิสระภายใต้โครงสร้างทำนองเพลง ทำนองแปลงมีลักษณะประโยคเพลงปกติแต่สามารถขยายหรือลดทอนทำนองในบางส่วนลงได้ หน้าทับเพลงสระหม่าใหญ่ประกอบด้วยหน้าทับ 3 ไม้หลักได้แก่ ไม้ต้น ไม้โปรย ไม้แดก ในแต่ละไม้จะมีทำนองโยนมาคั่นและจะมีหน้าทับย่อยลงไป มีลักษณะโครงสร้างเหมือนกับเพลงเชิดคือเป็นการเปลี่ยนหัวไม้และซ้ำท้าย เมื่อบรรเลงครบทุกไม้กลองแล้วจะเข้าสู่หน้าทับแปลงโดยกลองแขกตัวผู้จะตีเรียกทำนอง ตัวเมียก่อนออกแปลง หลังทำนองแปลงจะจบด้วยทำนองที่เรียกว่า หยดน้ำ สำหรับการถ่ายทอดเพลงสระหม่าใหญ่ของครูปี๊บ คงลายทองปรากฏ 2 แบบ แบบแรกต้องทำพิธีการคำนับครู แบบที่สองเป็นการนำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชาครู การถ่ายทอดเริ่มที่เพลงสระหม่า โยน แปลง จนกระทั่งจบกระบวนเพลงสระหม่าใหญ่ หลังจากนั้นเป็นการอธิบายข้อปฏิบัติและการนำเพลงไปใช้ ซึ่งพบว่ากฎที่เคร่งครัดของเพลงสระหม่าใหญ่ก็คือห้ามนำไปใช้งานอวมงคลเด็ดขาด และหลังจากการบรรเลงเสร็จเรียบร้อยทุกครั้ง นักดนตรีต้องทำบุญอุทิศบุญกุศลให้แก่ครูดนตรีไทย ซึ่งสิ่งนี้เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น</p> ยศพล คมขำ ขำคม พรประสิทธิ์ Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 115 125 THE MUSIC CREATION FOR SOLO BASSOON FROM “DA GE” TRADITIONAL MUSIC OF DONG https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275349 <p>&nbsp; &nbsp;The current situation of Da Ge is that many singers and singers are already old, and the inheritance of Da Ge is facing a crisis, with no successors and on the brink of extinction, urgently requiring protection. There are currently no solo or ensemble works of ethnic minority music materials created for bassoon, and this study aims to address this issue. This paper conducts in-depth research on Dong culture and Da Ge. This article aims to study and create a music performance for Solo Bassoon from “Da Ge”. This paper employed qualitative research methods and creative research methods to research. This study aims to develop new forms of performance of Da Ge while also enriching the performance of Western instruments such as the bassoon. Through this study, it is also possible to create more Da Ge works for Bassoon while promoting Da Ge. This study can catalyze the study of innovative forms of performance in Da Ge.</p> <p>&nbsp;</p> Ye Yang Akkarapon Dejwacharanon Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 126 136 สหบทในละครชาตรีร่วมสมัยของประดิษฐ ประสาททอง https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275351 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะการสร้างสรรค์ละครชาตรีร่วมสมัยของประดิษฐ ประสาททอง ในด้านสหบทจากละครชาตรีร่วมสมัย 3 เรื่อง ได้แก่ แก้วหน้าหมา นางสิบสาม&nbsp; และมโนรีย์ เป็นวิจัยเชิงคุณภาพโดยศึกษาจากเอกสาร วิดีทัศน์ และการสัมภาษณ์ ผลการศึกษาพบว่า ในปัจจุบันละครชาตรีอาจแบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ทางหลวง ทางพื้นบ้าน&nbsp; ทางร่วมสมัย และทางสถาบัน เจตนาของประดิษฐ มุ่งสื่อสารกับกลุ่มสถาบันเพื่อให้เห็นความเป็นไปได้ที่จะสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่จากทางละครชาตรีทางหลวงและมุ่งเชิดชูทางพื้นบ้านว่ายังเป็นการสร้างสรรค์ร่วมสมัยและมีชีวิต ในด้านสหบทพบ การสหบทด้านเนื้อหาและสหบทกับบริบททางสังคม ในด้านเนื้อหา ประดิษฐ์ได้นำบทละครชาตีดั้งเดิมมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่โดยอิงกับตัวบทละครชาตรีดั้งเดิม 3 เรื่อง ได้แก่เรื่องแก้วหน้าม้า นางสิบสอง และมโนราห์ และบทละครรำ 1 เรื่อง ได้แก่ อิเหนา&nbsp; สหบทด้วยกลวิธีการยืมโครงเรื่อง การยืมชื่อตัวละคร การยืมชื่อเรื่อง และการยืมอนุภาค ด้านสหบท กับบริบททางสังคมพบกลวิธีการเทียบเคียงกับสถานการณ์การเมืองไทย ภาวะโลกร้อน และประวัติศาสตร์ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ในด้านการสร้างสรรค์ยังคงใช้รูปแบบการแสดงแบบละครชาตีแต่ปรับลดขนาดให้เหมาะกับการเล่นแบบละครเร่มากขึ้น โดยยังคงมีโหมโรง รำซัดหน้าเตียง การร้อง การรำ&nbsp; ทางดนตรีคงกรับไม้ไผ่ไว้เป็นองค์ประกอบสำคัญ นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญกับการสร้างตัวละครที่มีลักษณะตัวละครกลมซึ่งแตกต่างจากการสร้างบทละครแบบดั้งเดิมที่เป็นตัวละครแบบฉบับ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมตั้งคำถามกับตัวละครและเรื่องราว การสร้างสรรค์ด้วยมโนทัศน์เชิงวิพากษ์เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการหักล้างหรือต่อด้านขนบ หากแต่เป็นการช่วยสร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ศิลปะการละครไทยได้ในสังคมร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี</p> อภิรักษ์ ชัยปัญหา Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 151 166 CHINESE YAO AND THAI IU MIEN PERFORMING ARTS MANAGEMENT INTO DIGITAL LEARNING CENTRE DESIGN https://so06.tci-thaijo.org/index.php/Mupabuujournal/article/view/275352 <p>&nbsp; &nbsp; &nbsp;The Yao are the most widely distributed ethnic minority in southern China, and their performing arts gradually faded away after they migrated from China to Thailand. This research focus on to investigative and inscription the Chinese Yao and Thai Iu <br>Mien Performing Arts as ethnic's music heritage on Chinese-Thai and theirs cultural significances values to design the program of Yao Performing Arts as ethnic's dance and music on digital learning centre disseminations. The researcher combined qualitative, fieldwork with ICOMOS and adapt to ICOM and comparative study of the performing arts. Research findings as in China in Jianghua and Jinxiu on music and rite Setting the Table, Inviting Guests, Finding Guests, Congratulating the Ancestral Statue, Welcoming the Guests, Opening the Gate, Making the Bed and music instrument including blowing tube, Suona, drums, cymbals, gongs and long drum. Thai Iu Mien wedding songs included Invitation to ancestors’ worship, greeting, eating, dinning, Welcoming the bride, coming, welcome, homing, blessing and Tray dance with music instruments Jayat, Dzoe Chao Jae and Bo Mang. The learning centre designing were Yao-Iu Mien Ethnographic Museum the image of the digital learning centre program of INHOUSE-OUTREACH as Building, Displays, Artifacts specimen, Events, Orientations, People, Shop-café - Toilets, Yao’s Souvenir Products Handbook as well.</p> Li Xuanle Manus Kaewbucha Copyright (c) 2024 คณะดนตรีและการแสดง มหาวิทยาลัยบูรพา 2024-06-28 2024-06-28 10 1 167 182