รัฐศาสตร์สาร https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR <p>ISSN : 0125-135X (Print)</p> <p>ISSN: XXXX-XXXX (Online)</p> <p><strong>รัฐศาสตร์สาร</strong> เป็นวารสารวิชาการฉบับแรกของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เป็นสื่อกลางสำหรับแลกเปลี่ยนนานาทัศนะในหมู่นักวิชาการและเผยแพร่ความรู้ด้านสังคมศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์ ทั้งในรูปบทความวิจัย บทความวิชาการ บทความแปล และบทปริทัศน์หนังสือ </p> th-TH polscitu.jr@gmail.com (ศาสตราจารย์ ธเนศ วงศ์ยานนาวา) polscitu.jr@gmail.com (ธเนศ วงศ์ยานนาวา) Thu, 21 Aug 2025 09:28:47 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 สมุททานุภาพและผลประโยชน์แห่งชาติจากคลองไทย: เศรษฐกิจ ความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/280830 <p>บทความวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยการวิจัยเอกสารจากวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องในวิทยานิพนธ์ มีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อศึกษาผลประโยชน์แห่งชาติที่ประเทศไทยจะได้รับจากการขุดคลองไทย และ (2) วิเคราะห์ผลประโยชน์แห่งชาติโดยเชื่อมโยงกับทฤษฎีสมุททานุภาพ ผลการศึกษาพบว่า คลองไทยสอดคล้องกับสมุททานุภาพของมาฮาน โดยช่วยเสริมสร้างสมุททานุภาพแก่ประเทศไทยผ่านผลประโยชน์แห่งชาติด้านเศรษฐกิจ ด้านความมั่นคง และด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งเมื่อประเทศไทยได้รับผลประโยชน์ทั้งสามด้านจะทำให้ประเทศไทยสามารถยกระดับสถานะให้กลายเป็นมหาอำนาจระดับภูมิภาคได้ โดยมีคลองไทยเป็นเครื่องมือต่อรองกับมหาอำนาจของโลก จากการถ่วงดุลหรือครอบครองผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งไม่ว่าแนวทางใดต่างเป็นไปในทิศทางที่ประโยชน์ต่อประเทศไทยและต่อโลกมากกว่าการเสียประโยชน์</p> ปณิธิ ชัยชนะ, หัสไชยญ์ มั่งคั่ง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 รัฐศาสตร์สาร https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/280830 Thu, 21 Aug 2025 00:00:00 +0700 สยามกับการยึดทรัพย์สินและกิจการของชนศัตรูในสงครามโลกครั้งที่ 1 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/274228 <p>บทความเรื่อง สยามกับการยึดทรัพย์สินและกิจการของชนศัตรูในสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914-1918) เสนอว่า การยึดทรัพย์สินและกิจการของชนศัตรูในสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นพัฒนาการสำคัญของการทำสงครามสมัยใหม่ เพราะมีการริเริ่มใช้มาตรการทางเศรษฐกิจที่ทำให้ศัตรูอ่อนกำลังลงทั้งในระหว่างสงครามและหลังสงครามสิ้นสุดลง ผ่านการชำระบัญชีทรัพย์สินและกิจการของชนศัตรูทั้งที่เป็นของรัฐบาลและเอกชน (Liquidation of Enemy Property) แม้ว่าแนวทางดังกล่าวเป็นสิ่งที่ละเมิดหลักการทำสงครามก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะอนุสัญญากรุงเฮก ฉบับที่ 4 อนุสัญญาว่าด้วยการเคารพกฎและธรรมเนียมของสงครามทางบก ค.ศ. 1907 แต่ทุกประเทศที่เข้าร่วมสงครามต่างก็ใช้มาตรการนี้ รวมทั้งสยาม ในกรณีของสยามนั้น เลือกใช้แนวทางการยึดทรัพย์สินและกิจการของชนศัตรูตามแนวทางของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะแนวทางที่ปฏิบัติใช้ในประเทศอาณานิคมอย่างสิงคโปร์ เนื่องจากชนชั้นนำของสยามบางส่วนเห็นว่าบริบททางสังคมของสยามใกล้เคียงกับสิงคโปร์ อย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัติในการยึดทรัพย์สินของสยามมีลักษณะยืดหยุ่น ผ่อนปรน โดยประยุกต์แนวทางของสหราชอาณาจักรเข้ากับแนวคิดของสยาม และไม่ได้มีเป้าหมายเน้นที่การตัดกำลังทางเศรษฐกิจของชนศัตรูหลังสงครามสิ้นสุดลงเป็นหลัก ดังนั้นสิ่งที่สยามได้รับจากการยึดทรัพย์สินและกิจการของชนศัตรูในสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงเป็นเรื่องของการมีโอกาสได้อนุวัติกฎหมายระหว่างประเทศภายใต้การชี้นำของสหราชอาณาจักร อีกทั้งการอยู่ฝ่ายชนะสงคราม สยามจึงได้ประโยชน์จากหลักการคืนทรัพย์ที่ทำให้ฝ่ายชนะสงครามได้เปรียบในการชำระบัญชี ทำให้สยามสามารถประกอบธุรกิจการเดินเรือได้โดยมิต้องมีเงินลงทุนเริ่มแรก สามารถลดความเสียหายจากการถูกรัฐบาลเยอรมันยึดทรัพย์สินของสยามในเยอรมนี ในขณะเดียวกันสยามก็ได้พื้นที่แสดงบทบาทความมีอารยะทัดเทียมชาติตะวันตกโดยเฉพาะในเรื่องการจัดการเชลยและทรัพย์สินของเชลยซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศเล็กอย่างสยามให้ความสำคัญอย่างยิ่งในยุคจักรวรรดินิยม</p> รณวีร์ หิรัญสิ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 รัฐศาสตร์สาร https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/274228 Thu, 21 Aug 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการกลับคืนสู่สังคมของผู้พ้นโทษ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/282161 <p>การศึกษาวิจัย เรื่อง “ปัจจัยสู่ความสำเร็จในการกลับคืนสู่สังคมของผู้พ้นโทษ”เป็นการศึกษาการวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method) ทั้งวิธีการศึกษาในเชิงปริมาณโดยเป็นการใช้สถิติเชิงพรรณนา (Descriptive Statistics) และเชิงคุณภาพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยทางสังคม ลักษณะพฤติกรรมและกระบวนการในเรือนจำที่ส่งผลให้ผู้พ้นโทษประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนการกำหนดแนวทางการพัฒนาการขับเคลื่อนพันธกิจในการคืนคนดีสู่สังคมของกรมราชทัณฑ์ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวย้อนหลังไป 5 ปี ไม่กลับมากระทำผิดซ้ำ ร้อยละ 79.41 ทั้งชายและหญิง มีการกลับมากระทำผิดซ้ำไม่แตกต่างกัน กลุ่มที่ไม่กระทำผิดซ้ำส่วนใหญ่มีช่วงอายุ 26-35 ปี กระทำผิดคดีทั่วไป มีระดับการศึกษาก่อนต้องโทษสูงกว่าและผ่านการอบรมแก้ไขในเรือนจำ จากการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้พ้นโทษ (Case Study) จำนวน 15 ราย พบว่า ผู้พ้นโทษที่ประสบความสำเร็จในการกลับคืนสู่สังคม เพราะมีบุคคลที่รัก มีครอบครัวให้ความช่วยเหลือ ได้เข้าโปรแกรมการแก้ไขขณะอยู่ในเรือนจำ มีแรงบันดาลใจจากเพื่อนผู้พ้นโทษ และมีการวางแผนชีวิตก่อนพ้นโทษ ส่วนใหญ่ออกมาประกอบอาชีพอิสระ การสัมภาษณ์ผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ส่วนใหญ่เห็นว่า ปัจจุบันเป็นยุคของการแก้ไขพัฒนาพฤตินิสัยเพื่อคืนคนดีมีคุณภาพ โดยต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่เพื่อเน้นด้านการแก้ไขมากกว่าควบคุมเพื่อการลงโทษ และให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการยอมรับผู้พ้นโทษ ข้อเสนอแนะกรมราชทัณฑ์ ควรมีการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยอย่างน้อย 2 ปี และควรมี Role Model ผู้พ้นโทษที่ออกไปแล้วประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ต้องขังในเรือนจำ ควรมีระบบการดูแลแบบไร้ร้อยต่อ โดยใช้อาสาสมัครราชทัณฑ์ เข้ามาในช่วงเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และช่วยติดตามดูแลหลังพ้นโทษ</p> วีรวัฒน์ บุญนิกูล, สฤษดิ์ สืบพงษ์ศิริ, อารณีย์ วิวัฒนาภรณ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 รัฐศาสตร์สาร https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/282161 Thu, 21 Aug 2025 00:00:00 +0700 กัปตันแห่งจิตวิญญาณของตนเอง: สังคมแห่งการหมดไฟของบย็อง-ช็อล ฮัน (Byung-Chul Han) และการพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จในบริบทของสังคมสื่อโซเชียลไทย https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/280771 <p>งานการศึกษาจำนวนมากพูดถึงการควบคุมผู้คนในสังคมเสรีนิยมใหม่ โดยใช้กรอบความคิดของนักปรัชญาชาวฝรั่งเศส มิเชล ฟูโก้ (Michel Foucault) ที่มองผ่านความคิด Homo Economicus หรือบุคคลกลายเป็นปัจเจกที่มีการควบคุมตัวเองและรับผิดชอบต่อความสำเร็จและความล้มเหลวของตนเอง และนำตรรกะของตลาดมาใช้กับทุกอย่าง ในขณะที่การศึกษาการควบคุมผู้คนในโลกเสรีนิยมใหม่กลับมีการใช้กรอบความคิดสังคมแห่งความสำเร็จ ของนักปรัชญาชาวเกาหลีเยอรมัน บย็อง-ช็อล ฮัน (Byung-Chul Han) น้อย ฮันเรียกวิธีการควบคุมคนที่เข้ามาแทนที่สังคมแห่งระเบียบวินัยว่า สังคมแห่งความสำเร็จ (achievement society) หรือสังคมหมดไฟ (Burnout Society) ซึ่งเน้นการหมกมุ่นกับความสำเร็จ (compulsive achievement) และการเพิ่มประสิทธิภาพ (optimization) ของปัจเจก ด้วยแรงผลักดัน (compulsion) และการบีบบังคับตัวเอง (self-restraint) การควบคุมดังกล่าวเกิดจากการที่คนแต่ละคนควบคุมและขูดรีดตัวเองด้วยการพยายามมองโลกในแง่บวก (positivity) และตัดขาดความเป็นอื่น (The Other) ออกจากความสัมพันธ์ ผู้วิจัยจึงใช้กรอบความคิดนี้ของฮันมาวิเคราะห์กระแสการพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จในไทยที่ปรากฏใน YouTube ซึ่งผู้วิจัยจะเรียกว่ากระแสกัปตันแห่งจิตวิญญาณของตัวเอง การวิเคราะห์กระแสนี้จะช่วยทำให้เข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมากขึ้น จากเนื้อหาวิดีโอใน YouTube ที่ได้รับความนิยมสูง พบว่ากรอบความคิดสังคมหมดไฟของฮัน สามารถอธิบายภาพใหญ่ของกระแสการพัฒนาตนเองในฉบับเสรีนิยมใหม่ในสังคมไทยได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของตนเองและธุรกิจ ผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์กับความเป็นอื่น เช่น ลูกค้า คู่แข่ง และปัจจัยภายนอก และเปลี่ยนความเป็นอื่นมาเป็นวัตถุในการเพิ่มประสิทธิภาพ (the object of optimization) ผู้วิจัยเห็นต่างกับฮันโดยมองว่าความเป็นอื่นดำรงอยู่และต้องดำรงอยู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ประกอบการ อีกทั้งความเป็นอื่นที่ดำรงอยู่สามารถทำให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนใจหันหลังให้กับกระแสการพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จแบบเสรีนิยมใหม่ได้ในบางกรณี ผู้วิจัยสรุปการวิจัยครั้งนี้โดยแสดงให้เห็นว่าปรากฏการณ์การพัฒนาตนเองสู่ความสำเร็จตามที่เป็นกระแสใน YouTube ไทย ชี้ให้เห็นว่าการทำงานของสังคมแห่งความสำเร็จไม่ได้เป็นเนื้อมวลรวมเดียวกัน (monolithic) การหมกมุ่นกับความสำเร็จกระทำผ่านการควบคุมจิตวิญญาณโดยตัดขาดความเป็นอื่นออกไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่การเพิ่มประสิทธิภาพ กระทำผ่านการสร้างความสัมพันธ์กับความเป็นอื่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผ่านการทดลองและลงมือทำจริง</p> ปรีดีโดม พิพัฒน์ชูเกียรติ, วรัชยา เลี่ยวเทียนไชย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 รัฐศาสตร์สาร https://so06.tci-thaijo.org/index.php/PolscituJR/article/view/280771 Thu, 21 Aug 2025 00:00:00 +0700