วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/SLJ <p>วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์เป็นวารสารกฎหมายของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยและผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นบทความวิจัย บทความวิชาการ บทวิจารณ์หนังสือหรือผลงานวิชาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับกฎหมาย หรือเกี่ยวกับการปรับใช้ศาสตร์แขนงต่าง ๆ กับกฎหมาย เช่น การพัฒนากับกฎหมาย เศรษฐศาสตร์กับกฎหมาย วิทยาศาสตร์กับกฎหมาย หรือมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์กับกฎหมาย เป็นต้น</p> Faculty of Law, Prince of Songkla University th-TH วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ 2730-3721 <p>ลิขสิทธิ์ในบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นของวารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์มีสิทธิในการเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือรวบรวมบทความที่ตีพิมพ์เผยแพร่แล้ว ความคิดเห็นใด ๆ ของผู้เขียนในบทความ กองบรรณาธิการวารสารไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องด้วย ทั้งนี้กองบรรณาธิการวารสารไม่สงวนสิทธิในการคัดลอกแต่ให้อ้างอิงแหล่งที่มาด้วย</p> หลักการใช้และการประยุกต์การตีความกฎหมายปกครอง https://so06.tci-thaijo.org/index.php/SLJ/article/view/274146 <p> บทความนี้มุ่งนำเสนอหลักการพื้นฐานและแนวทางการประยุกต์ใช้การตีความกฎหมายปกครอง ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสมดุลระหว่างการใช้อำนาจของรัฐและการคุ้มครองสิทธิของประชาชน หลักการตีความกฎหมายปกครองประกอบด้วยแนวทางสำคัญ ได้แก่ การตีความโดยยึดความชัดเจนของถ้อยคำ การตีความตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย การตีความที่เป็นธรรม และการตีความที่สอดคล้องกับหลักนิติธรรมและประโยชน์สาธารณะ ในด้านการประยุกต์ใช้ การตีความต้องพิจารณาบริบทของข้อเท็จจริงและวัตถุประสงค์ของกฎหมายอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ถ้อยคำในตัวบทกฎหมายมีความคลุมเครือหรือไม่ชัดเจน นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงแนวคำพิพากษาของศาลปกครองที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างแนวปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานทางกฎหมาย โดยการประยุกต์ใช้การตีความกฎหมายปกครองได้มาจากหลักการตีความกฎหมายทั่วไปและกำหนดกระบวนการในการประยุกต์การตีความกฎหมายปกครองเพื่อให้เกิดภาพความเข้าใจมากขึ้น</p> ชิษณุชา หมั่นถนอม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 7 2 1 27 มาตรการทางกฎหมายในการดำเนินการกับข้อมูลอันเป็นเท็จและข้อมูลบิดเบือนบนอินเทอร์เน็ต https://so06.tci-thaijo.org/index.php/SLJ/article/view/278304 <p> บทความ เรื่อง มาตรการทางกฎหมายในการดำเนินการกับข้อมูลอันเป็นเท็จและข้อมูลบิดเบือนบนอินเทอร์เน็ตฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษามาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันและความจำเป็นในการปรับปรุงหรือพัฒนามาตรการใหม่ เพื่อจัดการกับปัญหาข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนที่แพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ต เนื่องจากข้อมูลอันเป็นเท็จและข้อมูลบิดเบือนที่มีจำนวนมากและหลากหลายที่ไหลเวียนในระบบอินเทอร์เน็ตอาจมาจากแหล่งต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์โดยตรงหรือผ่านระบบอัตโนมัติที่ถูกออกแบบมาให้ดูน่าเชื่อถือและยากที่จะแยกแยะจากข้อมูลจริง การศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า มาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่เดิมอย่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และมีการแก้ไขเพิ่มเติมเป็นพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 แล้ว แต่ในมาตรา 3 ยังไม่มีการนิยามคำว่า “ข้อมูลเท็จ” และ “ข้อมูลบิดเบือน” และตามมาตรา 14 เป็นข้อบัญญัติสำคัญที่กำหนดความผิดเกี่ยวกับการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบกฎหมายไม่ได้กำหนดชัดเจน ทำให้การตีความขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบังคับใช้ที่ไม่เป็นธรรม ที่ไม่ครอบคลุมและสอดรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน การศึกษานี้มุ่งวิเคราะห์เปรียบเทียบกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือน ทั้งของไทยและต่างประเทศ เพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ของสังคมไทยในปัจจุบันและบริบทของประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการทางกฎหมายที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการควบคุมและจัดการกับข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนบนอินเทอร์เน็ต เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของข้อมูล รวมทั้งคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต</p> รัตนวัชร์ ตาสอน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 7 2 28 54 ปัญหาความรับผิดทางอาญาจากการกระทำโดยประมาท ศึกษาเฉพาะกรณีการขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย https://so06.tci-thaijo.org/index.php/SLJ/article/view/278908 <p> บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาทของประเทศไทย โดยเป็นการศึกษาการเปรียบเทียบกฎหมายของประเทศสิงคโปร์ และเครือรัฐออสเตรเลีย รัฐเซาท์ออสเตรเลีย ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาท เพื่อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาทของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น<br /> ผลการศึกษาพบว่า พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ของประเทศไทย ไม่มีบทกำหนดโทษกรณีการขับขี่รถโดยประมาทหรือการขับขี่ในลักษณะที่เห็นได้ว่าไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ชีวิตหรือร่างกายไว้โดยเฉพาะ แต่จะถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาท ซึ่งจะมีความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ทำให้เกิดปัญหา 3 ประการ คือ 1. ปัญหาการกำหนดความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาทที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะความร้ายแรงของการกระทำความผิด 2. ไม่สามารถเพิ่มโทษกรณีกระทำความผิดซ้ำในความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาทได้ และ 3. ไม่สามารถบวกโทษที่รอการลงโทษกรณีกระทำความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาทซ้ำในระหว่างรอการลงโทษได้ ดังนั้น บทความนี้จึงเสนอแนะให้แก้ไขพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดยแก้ไขบทกำหนดโทษในความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาทและความผิดฐานขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น เพิ่มเติมบทกำหนดโทษกรณีกระทำความผิดซ้ำในความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาทและความผิดฐานขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นและเพิ่มเติมบทบัญญัติให้ศาลมีอำนาจในการบวกโทษที่รอการลงโทษกรณีมีการกระทำความผิดฐานขับขี่รถโดยประมาทหรือความผิดฐานขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นอีกในระหว่างที่ศาลรอการลงโทษ</p> สิทธิณัฐ รักฐิติธรรม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 7 2 55 83 นิติศาสตร์สตรีนิยม: ว่าด้วยสิทธิบนความต่างระหว่างเพศ โดยลูซ อิริกาเรย์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/SLJ/article/view/279256 <p> บทความนี้พัฒนามาจากวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิตสาขาสหวิทยาการ เรื่อง “ชีวิตและประสบการณ์แม่และเมียในกระบวนการไกล่เกลี่ยคดีครอบครัวในศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดร้อยเอ็ด” ซึ่งเป็นการศึกษาเสียงที่หายไปของผู้หญิงในห้องไกล่เกลี่ยและในพื้นที่ของศาล สาระสำคัญของวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ คือ การให้ข้อเสนอต่อการไกล่เกลี่ยคดีครอบครัวผ่านปรัชญาสตรีนิยมความต่างระหว่างเพศของลูซ อิริกาเรย์ (Luce Irigaray) การนำแนวคิดดังกล่าวมาใช้เป็นการต่อยอดจากแนวคิดความเท่าเทียมทางเพศที่มักปรากฎอยู่ในการวิจัยทางด้านนิติศาสตร์สตรีนิยมในวงวิชาการไทย บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเสนอมุมมองใหม่ผ่านแนวคิดความต่างระหว่างเพศ โดยประกอบด้วยสี่ส่วนสำคัญคือ หนึ่ง ทบทวนการศึกษาทางด้านนิติศาสตร์สตรีนิยม สอง นำเสนอปรัชญาความต่างระหว่างเพศของอิริกาเรย์ สาม แสดงให้เห็นถึงข้อเสนอของอิริกาเรย์ที่มีต่อสิทธิบนฐานความต่างระหว่างเพศ และสี่ จะเป็นการให้ข้อเสนอเบื้องต้นถึงความเป็นไปได้ที่จะนำเอาแนวคิดความต่างระหว่างเพศของอิริกาเรย์มาใช้เป็นเลนส์ในการมองหลักกฎหมายไทยและกระบวนการไกล่เกลี่ยคดีครอบครัว</p> ริยา เด็ดขาด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 7 2 84 102 การใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นกับการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลกรณีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/SLJ/article/view/277740 <p> บทความวิจัยนี้มุ่งศึกษาถึงปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันว่ากฎหมายที่ใช้บังคับเป็นอุปสรรค หรือมีข้อจำกัดในการคุ้มครองผู้ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์และการลงโทษผู้กระทำความผิดกลั่นแกล้งทางไซเบอร์อย่างไร โดยวิเคราะห์เปรียบเทียบแนวคิดในการคุ้มครองผู้ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์และการลงโทษผู้กระทำความผิดกลั่นแกล้งทางไซเบอร์กับกฎหมายของต่างประเทศ เพื่อกำหนดขอบเขต คำนิยาม มาตรการที่เหมาะสมในการเยียวยาและลงโทษในกรณีที่มีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์เกิดขึ้นกับปัจเจกบุคคลที่มีสถานะแตกต่างกัน ผลการศึกษาพบว่า ควรที่จะมีการตรากฎหมายเฉพาะให้ความคุ้มครองกรณีการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการเยียวยาเหยื่อที่ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์มากกว่าการมุ่งลงโทษผู้กลั่นแกล้ง โดยศาลสามารถกำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที มีการนำเอากระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้และกำหนดให้มีหน่วยงานของรัฐมาทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ และให้ความรู้ วิธีการแก้ไขปัญหาหรือวิธีการรับมือกับปัญหาการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์เหมือนอย่างในต่างประเทศ นอกจากนั้นหากการกลั่นแกล้งทางไซเบอร์เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่เหยื่อก็สามารถเลือกที่จะดำเนินการตามกฎหมายนั้นด้วยก็ได้</p> ณัฐวรรณ อารัมภ์วิโรจน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 7 2 103 125 ปัญหากฎหมายเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่ไม่เป็นไปตามหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/SLJ/article/view/277130 <p> กฎหมายที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมในคดีอาญาของประเทศไทยได้รับรองสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of Innocence) มาเป็นเวลานานแล้ว วิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องในปัจจุบันว่าเป็นไปตามหลักการดังกล่าวหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้ได้ข้อสรุปและข้อเสนอแนะที่นำมาสู่การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย โดยวิธีการศึกษาใช้รูปแบบการวิจัยเชิงคุณภาพ และการสัมภาษณ์แบบเชิงลึกจากผู้ทรงคุณวุฒิในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา<br /> จากการวิจัยพบว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับโดยความตายของผู้กระทำผิดตามบทบัญญัติมาตรา 39 (1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยชั่วคราว และบทบัญญัติตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 ไม่ขัดกับหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 29 และมาตรา 30 ไม่เป็นไปตามหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เว้นแต่กรณีมาตรา 30 ที่บัญญัติให้พระภิกษุที่ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกหรือกักขังและถูกเจ้าพนักงานดำเนินการให้สละสมณเพศ<br /> อย่างไรก็ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (1) และบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยชั่วคราว ควรมีการแก้ไขถ้อยคำเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน นอกจากนี้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 29 และมาตรา 30 ควรมีการแก้ไขบทบัญญัติเพื่อให้เป็นไปตามหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์</p> ธีรนิติ์ เทพสุเมธานนท์ สลิล สิรพิทูร พรพรหม อินทรัมพรรย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารกฎหมายสงขลานครินทร์ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-06-30 2025-06-30 7 2 126 149