https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/issue/feed วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย 2024-06-30T00:00:00+07:00 ดร. มานิต บุญประเสริฐ numaam150228@gmail.com Open Journal Systems <p>วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้จัดพิมพ์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการ ผลงานวิจัย และแลกเปลี่ยนแนวคิด ความรู้ ความก้าวหน้าใหม่ ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยบทความทุกเรื่องได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากหลายสถาบันการศึกษา</p> https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/269007 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดเชียงราย 2023-11-15T10:54:48+07:00 จักรพันธ์ ชัยทัศน์ chaithatchakkaphan@gmail.com จริยา แก้วภักดี chariya.kpd@gmail.com วัชรี มนัสสนิท watnatnit@hotmail.com <p>การศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยและอิทธิพลของปัจจัยที่มีผลต่อความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดเชียงราย กลุ่มตัวอย่างคือสมาชิกวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนจำนวน 140 คน เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณเพื่อทดสอบสมมติฐาน ผลการศึกษาความสัมพันธ์ของปัจจัยต่าง ๆ กับความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชน พบว่าปัจจัยการจัดทำบัญชี การบริหารจัดการ การมีส่วนร่วม และแรงจูงใจ มีความสัมพันธ์กับความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ปัจจัยการจัดทำบัญชีมีความสัมพันธ์กับความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนมากที่สุด ส่วนปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชน พบว่าปัจจัยการจัดทำบัญชี การบริหารจัดการ การมีส่วนร่วม และแรงจูงใจ มีอิทธิพลทางบวกต่อความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัย โดยการจัดทำบัญชี มีอิทธิพลต่อความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนมากที่สุด ปัจจัยทั้งหมดสามารถทำนายความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชนในจังหวัดเชียงรายได้ร้อยละ 99.70</p> <p>เขียนเป็นสมการถดถอยได้ ดังนี้ SUS = -0.009 + 0.331ACC<sub>1</sub> + 0.216MAN<sub>2 </sub>+ 0.210PAR<sub>3</sub> + 0.245MOT<sub>4 </sub></p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 จักรพันธ์ ชัยทัศน์, จริยา แก้วภักดี, วัชรี มนัสสนิท https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/273801 ปัจจัยส่วนประสมการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องรางของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร 2024-05-10T13:42:39+07:00 พนิดา ตันศิริ panida.t@bu.ac.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องรางของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่าง คือ กลุ่มผู้บริโภคที่เคยซื้อสินค้าออนไลน์ประเภทเครื่องรางและอาศัยในกรุงเทพมหานคร เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ จำนวน 400 ตัวอย่าง วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ร้อยละ 58.5 ของผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิง อายุระหว่าง 19-21 ปี ร้อยละ 90.3 ประเภทสินค้าเสริมดวงที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นเครื่องราง ร้อยละ 67.3 แพลตฟอร์มที่ซื้อผ่าน Facebook ร้อยละ 47.3 สาเหตุที่ซื้อเพื่อความสบายใจ ร้อยละ 62.0 และร้อยละ 43.5 มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในการซื้อต่อครั้ง 3,001-4,000 บาท ผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า ปัจจัยส่วนประสมการตลาด 4E ด้านความคุ้มค่า มีความสัมพันธ์เชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องรางของผู้บริโภค รองลงมาคือ ด้านการสร้างความสัมพันธ์ ด้านการสร้างประสบการณ์ และด้านการเข้าถึง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยปัจจัยทั้ง 4 ด้านร่วมกันพยากรณ์การตัดสินใจซื้อเครื่องรางได้ ร้อยละ 51.4 และสามารถสร้างเป็นสมการในรูปแบบคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐานได้ ดังนี้ </p> <p>สมการพยากรณ์ในรูปแบบคะแนนดิบ</p> <p><img title="\hat{Y}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\hat{Y}" /> = 2.259 + .264(X<sub>2</sub>) + .248(X<sub>4</sub>) + .141(X<sub>1</sub>) - .134(X<sub>3</sub>); R<sup>2</sup> = 0.264</p> <p>สมการพยากรณ์ในรูปแบบคะแนนมาตรฐาน</p> <p><img title="\hat{Z}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\hat{Z}" />= .324(Z<sub>2</sub>) + .320(Z<sub>4</sub>) + .156(Z<sub>1</sub>) - .148(Z<sub>3</sub>)</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 พนิดา ตันศิริ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/269418 การบริหารจัดการตามแนวทางการจัดการภาครัฐแนวใหม่ กรณี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2023-12-07T20:48:03+07:00 อริศรา มีสติ aris.meesati2@gmail.com ชนิดา จิตตรุทธะ chanida.jittaruttha@gmail.com <p>วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับการบริหารจัดการและเปรียบเทียบการบริหารจัดการของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามแนวทางการจัดการภาครัฐแนวใหม่ จำแนกตามปัจจัยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าราชการ เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนวทางการส่งเสริมการบริหารจัดการที่เสริมสร้างคุณค่าให้กับองค์การ ใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นข้าราชการตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวน 230 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และทดสอบสมมติฐานความแตกต่างของค่าเฉลี่ยด้วยค่า t-test และ F-test ผลการศึกษาพบว่า ระดับการบริหารจัดการของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตามแนวทางการจัดการภาครัฐแนวใหม่ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยปัจจัยข้อมูลพื้นฐานส่วนบุคคลด้าน เพศ อายุ สถานภาพ เงินเดือน ระดับชั้นยศ ตำแหน่งงาน ระยะเวลาในการปฏิบัติงาน และกลุ่มงานในสังกัด มีการบริหารจัดการตามแนวทางการจัดการภาครัฐแนวใหม่ไม่ต่างกันที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ทั้งนี้ ผู้บริหารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงสามารถกำหนดแนวทางการส่งเสริมคุณภาพการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกันตามบริบทเฉพาะขององค์การภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 อริศรา มีสติ, ชนิดา จิตตรุทธะ, เฉลิมพร เย็นเยือก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/270187 การบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของผู้บริหารตามการประเมินของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาฉะเชิงเทรา 2024-01-04T21:23:01+07:00 ธนิดา ดวงคีรี thanida.edu@gmail.com วรชัย วิภูอุปรโคตร Vorachai.vip@bkkthon.ac.th <p>วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของผู้บริหารตามการประเมินของครูในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ฉะเชิงเทรา จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย ได้แก่ ครูโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาฉะเชิงเทรา จำนวน 302 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของผู้บริหารโรงเรียน ซึ่งเป็นแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที ผลการศึกษาแสดงว่า การบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของผู้บริหารตามการประเมินของครูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ฉะเชิงเทรา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และ ผลการเปรียบเทียบการบริหารระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของผู้บริหารตามการประเมินของครูโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาฉะเชิงเทรา จำแนกตามระดับการศึกษา และประสบการณ์การทำงานระบบดูแลช่วยเหลือของครู โดยภาพรวมพบว่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 ธนิดา ดวงคีรี, วรชัย วิภูอุปรโคตร https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/270542 ปัจจัยทางการตลาด 4E ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการบริษัททำความสะอาดของผู้บริโภคในกรุงเทพมหานคร 2024-01-18T13:10:44+07:00 ปรางพลอย ภาโนมัย prangploy.pano@bumail.net ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ thanakit.v@bu.ac.th <p>การศึกษาปัจจัยทางการตลาด 4E ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการบริษัททำความสะอาดของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างคือผู้บริโภคที่เคยใช้บริการบริษัททำความสะอาด จำนวน 396 คน เครื่องมือและช่องทางการเก็บข้อมูลคือแบบสอบถามออนไลน์ สถิติวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลวิจัยด้านพฤติกรรม พบว่าผู้ที่พักอาศัยบ้านเดี่ยว ทำความสะอาดเดือนละ 1-2 ครั้ง ใช้บริการแม่บ้านรายชั่วโมงในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ระยะเวลาครั้งละ 2 - 3 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,001 – 3,500 บาท/ครั้ง และปัจจัยทางการตลาด 4E ได้แก่ การสร้างประสบการณ์ การสร้างความคุ้มค่า การเข้าถึงได้ง่าย และการบอกต่อ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกใช้บริการบริษัททำความสะอาดของผู้บริโภคในเขตกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เรียงตามลำดับ คือ การบอกต่อมากที่สุด รองลงมาคือ การสร้างประสบการณ์ การเข้าถึงได้ง่าย และการสร้างความคุ้มค่า ตามลำดับ โดยปัจจัยตัวแปรอิสระทุกตัวสามารถร่วมกันพยากรณ์การตัดสินใจซื้อได้ร้อยละ 55 สามารถเขียนสมการทำนาย ดังนี้</p> <p><img title="\hat{Y}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\hat{Y}" />= .747 + .150(TE1) + .085(TE2) + .120 (TE3) + .458 (TE4) ; R2= 0.550</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 ปรางพลอย ภาโนมัย, ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/270625 ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทยและทัศนคติต่อประเทศไทยที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมาเยือนซ้ำของนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียในช่วงการระบาดใหญ่โควิด-19 2024-01-22T00:13:03+07:00 นัชชา ทัสลิม natcha.timeholiday@gmail.com มณฑกานติ ชุบชูวงศ์ montakan.chu@dpu.ac.th <p>วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทยและทัศนคติต่อประเทศไทยที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมาเยือนซ้ำของนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียในช่วงการระบาดใหญ่โควิด-19 ใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามกลุ่มตัวอย่างนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป พำนักอยู่ในประเทศอินโดนีเซีย และเคยเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ.2559 ถึง พ.ศ.2565 จำนวน 400 คน ผลการวิจัยพบว่า นักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียมีความคิดเห็นที่ดีต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยในช่วงการระบาดใหญ่โควิด-19 อยู่ในระดับมากที่สุด และมีทัศนคติที่ดีต่อประเทศไทย อยู่ระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐานที่ระดับความเชื่อมั่นทางสถิติที่ 0.05 พบว่า ภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทย ที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมาเยือนซ้ำของนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียในช่วงการระบาดใหญ่โควิด-19 ประกอบด้วย ภาพลักษณ์ด้านกิจกรรมการท่องเที่ยวและด้านแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ส่วนทัศนคติของนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียต่อประเทศไทย ที่ส่งผลต่อความตั้งใจกลับมาเยือนซ้ำในช่วงการระบาดใหญ่โควิด-19 ประกอบด้วย ทัศนคติต่อประเทศไทยด้านการท่องเที่ยวและด้านสาธารณสุข</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 นัชชา ทัสลิม, มณฑกานติ ชุบชูวงศ์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/270748 การศึกษาอิทธิพลของปัจจัยทางการตลาด ที่มีต่อความตั้งใจในการใช้บริการซ้ำของธุรกิจร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์เกาหลี แบรนด์ซูกิชิ ในจังหวัดชลบุรี 2024-01-25T10:27:28+07:00 ปฏิพร ภมร patiporn.pamo@bumail.net ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ thanakit.v@bu.ac.th <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์คือ เพื่อสำรวจและวิเคราะห์อิทธิพลของภาพลักษณ์ของแบรนด์ ความไว้ใจต่อแบรนด์ ความรักที่มีให้กับแบรนด์ ประสบการณ์ที่เคยมี ความจงรักภักดีที่มีต่อแบรนด์ การสื่อสารแบบบอกต่อ ที่มีต่อความตั้งใจในการใช้บริการซ้ำของลูกค้าที่เคยใช้บริการที่ร้านซูกิชิในจังหวัดชลบุรี โดยเก็บข้อมูลตัวอย่าง 400 ชุด จากกลุ่มประชากรที่เคยใช้บริการในพื้นที่ชลบุรี วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา และวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุเพื่อทดสอบสมมุติฐาน ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยภาพลักษณ์ของแบรนด์ ปัจจัยความไว้วางใจต่อแบรนด์ และปัจจัยประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์ไม่ส่งผลต่อความตั้งใจในการซื้อซ้ำของลูกค้าที่รับประทานอาหารที่ร้านซูกิชิ ในเขตชลบุรี ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 ขณะที่ปัจจัยความรักที่มีต่อแบรนด์ ปัจจัยความจงรักภักดีที่มีต่อแบรนด์ และ ปัจจัยการสื่อ สารแบบบอกต่อ ส่งผลต่อความตั้งใจในการซื้อซ้ำของลูกค้าที่รับประทานอาหารที่ร้านซูกิชิ ในเขตชลบุรีที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 ปฏิพร ภมร, ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/270848 ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าบริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2024-01-30T11:22:39+07:00 ประวีณ นิติวนะกุล praveenmoc@gmail.com ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ thanakit.v@bu.ac.th <p>วัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าบริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือผู้บริโภคที่เคยซื้อสินค้าจาก บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด จำนวน 364 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลคือ แบบสอบถามออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าบริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ของกลุ่มตัวอย่างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ได้แก่ ด้านความภักดีในตราสินค้า ความรักในตราสินค้า การสื่อสารแบบปากต่อปาก การตระหนักถึงสินค้า การยอมรับเทคโนโลยี และสถานที่ตั้ง โดยปัจจัยทั้ง 6 ด้าน ร่วมกันพยากรณ์การตัดสินใจซื้อสินค้าบริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ของประชากรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ร้อยละ 31 และ สามารถเขียนสมการทำนาย ดังนี้</p> <p> ŷ = 0.567 + .193(X<sub>2</sub>) + .149(X<sub>4</sub>) + .127(X<sub>3</sub>) + .161 (X<sub>5</sub>) + .122(X<sub>6</sub>) + .110(X<sub>1</sub>)</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 ประวีณ นิติวนะกุล, ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/271173 การเปรียบเทียบการเกิดอาชญากรรมในเชิงพื้นที่จากแบบรายงานแผนประทุษกรรมกับชาวต่างชาติในจังหวัดภูเก็ตและกรุงเทพมหานคร 2024-02-12T11:16:00+07:00 จิรภิญญา หวลกสินธุ์ mizzyu2534@gmail.com วรธัช วิชชุวาณิชย์ Mizzyu2534@gmail.com <p>การเดินทางมาประเทศไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากความมั่นใจในความปลอดภัย งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมผู้ต้องหากระทำต่อชาวต่างชาติในจังหวัดภูเก็ตและกรุงเทพมหานคร ผ่านแผนประทุษกรรมที่บันทึกไว้ จำนวน 100 คดีต่อพื้นที่ ระหว่างปี 2560 – 2562 เพื่อหาแนวทางแก้ไข โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นตัวแปรต่างๆ และนำมาจำแนกพร้อมระบุความถี่ของพฤติกรรมผ่านไดโคโตมัสคีย์ นำเสนอข้อมูลในแบบแผนภาพกระจายความถี่ โดยกำหนดความถี่มากกว่าร้อยละ 50 เป็นพฤติกรรมที่ผู้ต้องหาเลือกทำ ร้อยละ 10 ถึง 50 เป็นตัวแปรที่อาจจะมีความสัมพันธ์ และน้อยกว่าร้อยละ 10 คือตัวแปรที่ไม่สัมพันธ์กัน พบว่า ผู้ต้องหาก่อเหตุในคดีเกี่ยวกับทรัพย์สูงสุด และทรัพย์ที่ถูกลักไปมากที่สุดคือเงิน สถานที่ก่อเหตุเป็นสถานที่ปิด ในภูเก็ตมีการใช้รถจักรยานยนต์ก่อเหตุมากกว่า แต่ทั้งสองจังหวัดจะเลือกช่วงที่ชาวต่างชาติเผลอ เมื่อนำเสนอผ่านแผนภาพกระจายความถี่ จะเห็นตัวแปรที่สัมพันธ์กัน เพื่อการป้องกันเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่รับผิดชอบควรจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ด้านการตระหนักถึงความปลอดภัย เสริมการเฝ้าระวัง และบังคับใช้นโยบายการจัดให้มีที่เก็บของที่ปลอดภัยในสถานที่พักให้กับชาวต่างชาติ</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 จิรภิญญา หวลกสินธุ์, วรธัช วิชชุวาณิชย์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/271455 การสื่อสารเพื่อการรณรงค์การเข้าสู่ระบบผู้ประกันตนอิสระของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสตูล 2024-02-22T13:13:15+07:00 ขวัญใจ ชีวรัฐพัฒน์ pekhwanjai@gmail.com วิทยาธร ท่อแก้ว wittayatorn@gmail.com สุภาภรณ์ ศรีดี caasssup@yahoo.com <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสื่อสารเพื่อการรณรงค์การเข้าสู่ระบบผู้ประกันตนอิสระของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสตูล เกี่ยวกับนโยบายและกระบวนการสื่อสาร การกำหนดกลยุทธ์การสื่อสาร และ แนวทางการพัฒนาการสื่อสาร เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง การสัมภาษณ์เชิงลึก เลือกผู้ให้ข้อมูลหลักแบบเจาะจงจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงรวมจำนวน 10 คน ผลการวิจัยพบว่า ด้านนโยบายการสื่อสารเพื่อการรณรงค์ มี 3 ระดับ คือ ระดับกระทรวงแรงงาน ระดับสำนักงานประกันสังคม และระดับสำนักงานประกันสังคมจังหวัด ด้านการกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อการรณรงค์ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดร่วมกันกำหนดกลยุทธ์การสื่อสารกับหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ในสำนักงานประกันสังคม ด้านแนวทางการพัฒนาการสื่อสารเพื่อการรณรงค์ สำนักงานจะต้องจัดทำสื่อเพื่อให้เข้าถึงผู้ประกันตนประเภทนี้ที่หลากหลาย ทั้งสื่อออนไลน์ สื่อสังคมออนไลน์ เอกสาร สื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ รายการวิทยุกระจายเสียงและหน่วยสื่อสารเคลื่อนที่</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 ขวัญใจ ชีวรัฐพัฒน์ , วิทยาธร ท่อแก้ว , สุภาภรณ์ ศรีดี https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/270169 การบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้บริหารอาชีวศึกษาในสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์ 2024-01-04T10:09:46+07:00 ศุภชัย โพธิ์ศรี supachai.p@ovec.moe.go.th วรชัย วิภูอุปรโคตร vorachai.vip@bkkthon.ac.th <p>วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้บริหารอาชีวศึกษา ในสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์ ตามการประเมินของครู จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงาน เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ประชากรได้แก่ครูภาครัฐ จำนวน 375 คน กลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการแบ่งแบบชั้นภูมิ จำนวน 191 คน เครื่องมือในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติเชิงพรรณนาและการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า การบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้บริหารอาชีวศึกษา สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์ ทั้งภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากและ การเปรียบเทียบผลการประเมินของครูด้านการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของผู้บริหารอาชีวศึกษาในสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษา จำแนกตามระดับการศึกษาโดยรวมและรายด้านแตกต่างกัน และประสบการณ์ในการทำงานโดยรวมแตกต่างกันยกเว้นด้านสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการจัดการไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 Supachai Phosri, Vorachai Viphoouparakhot https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/270185 ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามการประเมินของครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์ 2024-01-04T18:48:41+07:00 แสงอุษา โพธิ์ศรี saenguhsa.p@ovec.moe.go.th วรชัย วิภูอุปรโคตร vorachai.vip@bkkthon.ac.th <p>วัตถุประสงค์ของการวิจัยคือเพื่อ สำรวจและเปรียบเทียบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารตามการประเมินของครูในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์ จำแนกตามระดับการศึกษา และประสบการณ์ในการทำงาน ประชากรเป็นครูในสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษา จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 375 คน คัดเลือกกลุ่มตัวอย่างจำนวน 191 คน ด้วยวิธีแบ่งแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ คือแบบสำรวจภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหาร ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบสอบถามแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่าภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามการประเมินของครูในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์ ในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับสูง และผลการเปรียบเทียบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดกาฬสินธุ์ตามการประเมินของครู จำแนกตามระดับการศึกษาโดยรวมและรายด้านแตกต่างกัน และประสบการณ์ในการทำงานโดยรวมแตกต่างกันยกเว้นด้านต้นแบบนำทางไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ</p> 2024-06-30T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 Senguhsa Phosri, Vorachai Viphoouparakhot