https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/issue/feed วารสารสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย 2025-06-30T13:08:01+07:00 ดร. มานิต บุญประเสริฐ numaam150228@gmail.com Open Journal Systems <p>วารสารวิชาการสมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ฉบับมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้จัดพิมพ์ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการ ผลงานวิจัย และแลกเปลี่ยนแนวคิด ความรู้ ความก้าวหน้าใหม่ ด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยบทความทุกเรื่องได้ผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องจากหลายสถาบันการศึกษา</p> https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/277797 แรงจูงใจของผู้เข้าร่วมงานกลุ่ม Generation Z ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตประเภท T-POP ในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร 2025-03-07T11:41:18+07:00 พัทธมน คำนูเอนก k.pattamon.s@gmail.com กรัณย์ วรวิทย์วรรณ karun_wor@utcc.ac.th มณฑาทิพย์ หงุ่ยตระกูล Monthatip.ngu@utcc.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแรงจูงใจของผู้เข้าร่วมงานกลุ่ม Generation Z ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตประเภท T-POP ในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้เข้าร่วมงานกลุ่ม Generation Z อายุระหว่าง 18-27 ปี เป็นผู้ที่เคยเข้าร่วมคอนเสิร์ต T-POP อย่างน้อย 1 ครั้ง จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและสถิติการวิเคราะห์ความถดถอยแบบพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ระดับแรงจูงใจของผู้เข้าร่วมงานกลุ่ม Generation Z ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจในการเข้าร่วมงานคอนเสิร์ต T-POP ได้แก่ แรงจูงใจด้านการประสบการณ์ความแปลกใหม่มีคะแนนเฉลี่ยสูงที่สุด (<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.82) รองลงมาคือ แรงจูงใจด้านการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม (<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.80) แรงจูงใจด้านความสุนทรียภาพ (<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.76) ตามลำดับ และผลการทดสอบสมมติฐานพบว่า แรงจูงใจด้านสุนทรียภาพและแรงจูงใจด้านการแสดงพฤติกรรมได้อย่างอิสระ ส่งผลต่อการตัดสินใจในการเข้าร่วมงานคอนเสิร์ตประเภท T-POP ของผู้เข้าร่วมงานกลุ่ม Generation Z ในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 พัทธมน คำนูเอนก, กรัณย์ วรวิทย์วรรณ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/279881 การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร 2025-01-06T11:21:11+07:00 พัทธนันท์ ตั้งวรรณวิทย์ patthanan.tang@gmail.com ปริษฐา ถนอมเวช paristha@thonburi-u.ac.th สุริมาศ นาครอด surimart_mk@thonburi-u.ac.th <p>การวิจัยเรื่อง การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านของธุรกิจค้าปลีกสมันใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่มีอิทธิพลการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ กลุ่มผู้บริโภคที่ตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 400 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความสะดวก การศึกษานี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงปริมาณ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติร้อยละ&nbsp; ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหูคูณ ผลการวิจัยพบว่า การบริหารลูกค้าสัมพันธ์ของผู้บริโภคทั่วไปที่ตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยทุกด้านส่งผลต่อการตัดสินใจมากที่สุด และผลการทดสอบสมมติฐานโดยวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุคูณของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า ด้านการสื่อสารกับลูกค้ามีเท่ากับ 0.588 ด้านการสร้างความสัมพันธ์มีค่าเท่ากับ 0.138 และด้านการเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มีค่าเท่ากับ 0.076 นอกจากนี้สัมประสิทธิ์การพยากรณ์ปัจจัยทั้ง 3 ค่าสามารถพยากรณ์ตัวแปรตามได้ดี และสามารถอธิบายการตัดสินใจซื้อเครื่องใช้ภายในบ้านของธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ในเขตกรุงเทพมหานครมีค่าเท่ากับ 0.877 และมีความคลาดเคลื่อนในการพยากรณ์เท่ากับ 0.3013 ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Patthanan Tangwannawit https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/278870 รูปแบบการพัฒนามาตรฐานแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรอย่างยั่งยืนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 2024-11-03T10:22:11+07:00 จิระวดี บัวชุม jirawadee.aoy3607@gmail.com นิตยา สินเธาว์ sintaonitppm2@gmail.com ขจรศักดิ์ เจ้ากรมทอง kajohnsak.cha@kbu.ac.th <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และพัฒนารูปแบบการพัฒนามาตรฐานแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรอย่างยั่งยืนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่ม 15 คน นำผลการประชุมมาจัดทำรูปแบบด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก ได้แก่ ตัวแทนผู้นำกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ และตัวแทนสมาชิกวิสาหกิจชุมชน รวมจำนวน 9 คน ผลการวิจัยพบว่ารูปแบบการพัฒนามาตรฐานแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรอย่างยั่งยืนของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบด้วย 1) การบัญชี 2) การเพิ่มช่องทางการตลาด 3) การสร้างเครือข่ายการผลิตสินค้า 4) ระบบตรวจสอบสินค้าที่ได้มาตรฐาน 5) ชุมชนเป็นเจ้าของกิจการ 6) มีธรรมาภิบาลและการบริหารจัดการที่ดี 7) ประสิทธิภาพในการผลิตและบริการ 8) ความเข้มแข็งของชุมชน 9) ความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชน ข้อเสนอแนะคือ การจัดการอบรมให้กับสมาชิกวิสาหกิจชุมชน ส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเพิ่มช่องทางการขาย สนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่สามารถร่วมมือกันในการผลิตและจัดจำหน่าย สร้างเครือข่ายเพื่อแบ่งปันทรัพยากรและเทคโนโลยีในการผลิต เพื่อความสำเร็จและผลลัพธ์ที่ยั่งยืน และการพัฒนาเครือข่ายและการรับรองมาตรฐานระดับสากลช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ในตลาดโลก</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 จิระวดี บัวชุม, นิตยา สินเธาว์, ขจรศักดิ์ เจ้ากรมทอง https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/278053 การรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ คุณภาพการบริการ และส่วนผสมทางการตลาด ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์แบบเฉพาะเจาะจงของบุคลากรทางการแพทย์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 2024-10-01T13:31:34+07:00 ยศกฤต เกิดสุข thanakit.v@bu.ac.th ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ thanakit.v@bu.ac.th <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาอิทธิพลของการรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ 2) คุณภาพการบริการ และ 3) ส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์แบบเฉพาะเจาะจงของบุคคลากรทางการแพทย์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ บุคคลากรทางการแพทย์ที่มีส่วนในการตัดสินใจซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์แบบเฉพาะเจาะจงในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 400 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบ Non probability sampling เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ สถิติวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ ผลการวิจัยพบว่า 1) การรับรู้คุณภาพ ได้แก่ ประสิทธิภาพ คุณสมบัติสินค้า ความทนทาน 2) คุณภาพการบริการ ได้แก่ ความน่าเชื่อถือ การรับประกัน การรับรู้ได้ ความเข้าอกเข้าใจ การตอบสนอง และ 3) ส่วนประสมทางการตลาด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา สถานที่ การส่งเสริมการขาย ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์แบบเฉพาะเจาะจงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ซึ่งการรับรู้คุณภาพผลิตภัณฑ์ คุณภาพการบริการ และส่วนผสมทางการตลาด ร่วมกันพยากรณ์การตัดสินใจซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์แบบเฉพาะเจาะจงของบุคลากรทางการแพทย์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก สามารถเขียนสมการทำนายได้ดังนี้ </p> <ol> <li>PQ.<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\hat{y}" alt="equation" /> = 1.941 + .141(Performance)+ .312(Features)+ .122(Durability); R<sup>2</sup> = 0.227 </li> <li>SQ.<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\hat{y}" alt="equation" />= 1.911 + .179 (Reliability)+ .250(Assurance)+ .159(Tangibles)- .162(Empathy)+ .151(Responsiveness); R<sup>2</sup> = 0.226 </li> </ol> <p> MK. <img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\hat{y}" alt="equation" /> = 1.787 + .147(Product)+ .173(Price)+. 138(Place)+ .151(Promotion); R<sup>2</sup> = 0.248</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ธนกฤต วงศ์มหาเศรษฐ์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/283791 ยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์กรให้เป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูงของกองพลทหารราบที่ 11 2025-04-10T16:40:12+07:00 ป้องรัฐ แย้มงามเลียบ tigerded@gmail.com นิตยา สินเธาว์ tigerded@gmail.com ขจรศักดิ์ เจ้ากรมทอง kajohnsak7@gmail.com <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอกของกองพลทหารราบที่ 11, 2) ศึกษาการจัดการความรู้และการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐตามแนวทาง PMQA 4.0 และ 3) กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา พล.ร.11 สู่การเป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง ใช้วิธีวิจัยเชิงคุณภาพ โดยเก็บข้อมูลจากเอกสาร การสังเกตแบบมีส่วนร่วม การสนทนากลุ่ม และการสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า จุดแข็งของกองพลทหารราบที่ 11 ได้แก่ โครงสร้างที่ยืดหยุ่น กำลังพลมีคุณภาพ และการใช้เทคโนโลยี จุดอ่อนคือความไม่พร้อมของบางหน่วยงาน งบประมาณจำกัด และการพึ่งพาบุคคล โอกาสได้แก่ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ขณะที่ภัยคุกคามคือการเมืองและภัยไซเบอร์ ด้านการจัดการความรู้ พบว่ากำลังพลมีความเชี่ยวชาญและถ่ายทอดองค์ความรู้ แต่ยังขาดวิสัยทัศน์ร่วม การคิดเชิงระบบ และการมองโลกตามความเป็นจริง ด้าน PMQA 4.0 องค์กรมีพัฒนาการในหลายด้าน มีข้อจำกัดด้านวิสัยทัศน์และการบริหารทรัพยากรไม่ทั่วถึง ข้อเสนอเชิงยุทธศาสตร์คือมุ่งเน้นแนวทางองค์กรสมรรถนะสูง (HPO) ได้แก่ การมุ่งผลลัพธ์ การปรับตัว ภาวะผู้นำ การใช้เทคโนโลยี การบริหารบุคลากร และวัฒนธรรมองค์กรที่ยืดหยุ่น</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ป้องรัฐ แย้มงามเลียบ, Nittaya Sintao, ขจรศักดิ์ เจ้ากรมทอง https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/279829 แนวทางการพัฒนาตลาดนัดริมน้ำปิง ตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 2024-12-09T14:42:42+07:00 พรรณนุช ชัยปินชนะ punnuchchai@gmail.com เอนก ชิตเกษร anakechitkesorn@gmail.com วัลภา วงศ์จันทร์ vanlapa_v@payap.ac.th <p>การวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อมุ่งศึกษาศักยภาพด้านกายภาพของพื้นที่ และรูปแบบการดำเนินการตลาดนัดริมน้ำปิง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่มย่อยกับกลุ่ม เป้าหมาย ได้แก่ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาล ผู้นำหมู่บ้าน และตัวแทนชุมชนเทศบาลตำบลฟ้าฮ่าม โดยการเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง จำนวน 25 คน ผลการวิจัยพบว่า จุดแข็งของตลาดนัดริมน้ำปิงเป็นพื้นที่ๆ มีจุดเด่นด้านภูมิทัศน์และธรรมชาติที่สวยงาม ลักษณะของพื้นที่ติดริมน้ำปิงยาว 1 กิโลเมตร สามารถเดินทางเข้าออกได้หลายช่องทาง ที่สำคัญเป็นพื้นที่ของชุมชนที่มีวิถีชีวิตริมน้ำ มีวัฒนธรรมประเพณีที่หลากหลาย และได้กำหนดรูปแบบให้เป็นตลาดที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ “Green Market” เพื่อการพักผ่อน พัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน สืบทอดเอกลักษณ์ เผยแพร่ศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีของชุมชนของตำบลฟ้าฮ่าม การจัดตั้งตลาดนัดริมน้ำปิงให้ประสบความสำเร็จ และสามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่องยั่งยืนได้นั้น มีความจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมกันระหว่างกรมเจ้าท่า เทศบาล และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการมีส่วนร่วมของชุมชน</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 เอนก ชิตเกษร https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/280522 เกณฑ์การทดสอบสมรรถภาพทางกายนักเรียนนายร้อยตำรวจ 2025-01-03T09:20:58+07:00 สัญญา รัตนไพวงศ์ asport.hon335@gmail.com ธัญลักษณ์ หงษ์โต asport.hon335@gmail.com <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับสมรรถภาพทางกายและเพื่อสร้างเกณฑ์การทดสอบสมรรถภาพทางกายนักเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ กลุ่มตัวอย่างได้แก่นักเรียนนายร้อยตำรวจที่กำลังศึกษาในปีการศึกษา 2566 จำนวน 1,002 คน เก็บข้อมูลจากนักเรียนทุกนาย ใช้วิธีสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และผ่านการคัดกรองจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา (สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา มหาวิทยาลัยมหิดล,ถาวร กมุทศรี, 2558) และสร้างเกณฑ์ปกติ 5 ระดับ ผลการวิจัยพบว่าแบบทดสอบสมรรถภาพทางกายนักเรียนนายร้อยตำรวจประกอบด้วย 13 รายการ คือ รายการดัชนีมวลกาย รายการนั่งงอตัว รายการนอนแอ่นหลัง รายการทุ่มบอล รายการยืนกระโดดสูง รายการกระโดด 6 เหลี่ยม รายการวิ่ง 100 เมตร รายการว่ายน้ำ 50 เมตร รายการลุกนั่ง 1 นาที รายการดึงข้อ รายการดันพื้น 2 นาที รายการวิ่ง 2.4 กิโลเมตร และรายการแพลงก์ โดยค่าเกณฑ์การทดสอบสมรรถนะด้านสมรรถภาพทางร่างกายนักเรียนนายร้อยตำรวจ อยู่ในช่วงคะแนน T ตั้งแต่ T 9.13 - T 73.83 ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 5 ระดับได้แก่ ดีมาก ดี ปานกลาง ต่ำ และต่ำมาก<strong> </strong>ทั้งนี้สมรรถภาพทางกายนักเรียนนายร้อยตำรวจ โดยรวมอยู่ในระดับดี อย่างไรก็ตามควรมีการเสริมสร้างความแข็งแรงและพลังของกล้ามเนื้อส่วนบนของร่างกายคือ กล้ามเนื้ออก ไหล่ หลังและแขน</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Sanya Ratanapaiwong https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/271230 ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนในสหวิทยาเขตสมเด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ 2024-02-13T20:40:29+07:00 พงษ์พัฒน์ กุลวงศ์ pongpat2731@gmail.com วรชัย วิภูอุปรโคตร Vorachai.vip@bkkthon.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนในสหวิทยาเขตสมเด็จ และ 2) เปรียบเทียบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนในสหวิทยาเขตสมเด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์ตามการประเมินของครู จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษา เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ ประชากรได้แก่ ครูในโรงเรียนสหวิทยาเขตสมเด็จ ปีการศึกษา 2566 จำนวน 216 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นภูมิจำนวน 138 คน วิธีดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง สร้างเครื่องมือ เก็บรวมรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนาและการทดสอบค่าที ผลการวิจัยพบว่า 1) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนในสหวิทยาเขตสมเด็จ โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และ 2) ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารโรงเรียนในสหวิทยาเขตสมเด็จ ตามการประเมินของครู จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ทำงานโดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Pongpat Koonwong https://so06.tci-thaijo.org/index.php/apheit-ss/article/view/271275 การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มโรงเรียนอุดมธรรมคุณ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 1 2024-02-15T11:07:01+07:00 ศักดิ์อนันต์ วงศ์ศรีเผือก sakanun6241@gmail.com วรชัย วิภูอุปรโคตร Vorachai.vip@bkkthon.ac.th <p>การศึกษามีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มโรงเรียนอุดมธรรมคุณ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 1 และ 2) เปรียบเทียบการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มโรงเรียนอุดมธรรมคุณ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 1 จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงาน เป็นวิจัยเชิงสำรวจ ประชากได้แก่ ครูกลุ่มโรงเรียนอุดมธรรมคุณ สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 1 จำนวน 83 คน กลุ่มตัวอย่างจำนวน 68 คน ด้วยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นภูมิ วิธีดำเนินการวิจัยมี 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2) สร้างเครื่องมือ 3) เก็บรวบรวมข้อมูล และ 4) วิเคราะห์ข้อมูล เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติเชิงพรรณนาและการทดสอบค่าที ผลการวิจัย พบว่า 1) การบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มโรงเรียนอุดมธรรมคุณ ในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และ 2) ผลการเปรียบเทียบการบริหารงานบุคคลของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มโรงเรียนอุดมธรรมคุณ จำแนกตามระดับการศึกษาและประสบการณ์ในการทำงานโดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน</p> 2025-06-30T00:00:00+07:00 ลิขสิทธิ์ (c) 2025 Sakanun Wongsriphuok