ประสิทธิผลของโปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลางที่มีภาวะ พึ่งพิง ต่อพฤติกรรมและความสามารถในการดูแลตนเองในชุมชนอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
คำสำคัญ:
โปรแกรมการดูแลต่อเนื่อง, ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลาง, การปฏิบัติกิจวัตรประจำวันบทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นวิธีการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi – Experimental) แบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลัง (One group Pre-Post test Design) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลางที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชนต่อความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันและความพึงพอใจ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลางที่มีภาวะพึ่งพิง มีคะแนนความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน Barthel Index น้อยกว่าหรือเท่ากับ 15 คะแนน ร่วมกับ multiple Impairments และใช้ระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันที่พ้นภาวะวิกฤติและมีอาการคงที่ มารับการรักษาที่โรงพยาบาลกันตัง และได้รับการจำหน่ายกลับไปดูแลที่บ้าน ระหว่างเดือนมิถุนายน 2567 - เดือนสิงหาคม 2567 จำนวน 30 คน เลือกกลุ่มตัวอย่างเป็นแบบเฉพาะเจาะจง โดยมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กำหนด เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย โปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลางที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน คู่มือดูแลสุขภาพที่บ้าน แบบสอบถามข้อมูลทั่วไป แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่บ้าน แบบประเมินกิจวัตรประจำวัน และแบบประเมิน ความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ paired t-test ข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์เนื้อหาของข้อมูล (Content Analysis)
ผลการวิจัย พบว่า โปรแกรมการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลางที่มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน ประกอบด้วยกิจกรรมการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลางที่มีภาวะพึ่งพิงและแกนนำสุขภาพครอบครัว โดยพยาบาลงานบริการด้านปฐมภูมิและองค์รวม ปฏิบัติร่วมกับอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลางที่มีภาวะพึ่งพิง เมื่อทดลองใช้โปรแกรมฯ ประเมินผลการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน (ADL) โดยวัดก่อนและหลัง พบว่า คะแนน ADL เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<.05) มีคะแนนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่บ้านค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.56 (SD=0.52) อยู่ในระดับดี คะแนนความพึงพอใจของผู้รับบริการหลังได้รับการดูแลตามโปรแกรมฯ อยู่ในระดับพอใจมาก (M=3.56, SD=0.76)
เอกสารอ้างอิง
World Stroke Organization. (2015). Up again after stroke. [cited 2024 Jan 16]. Retrieved from http:// www.world stroke campaign.org/
สถาบันประสาทวิทยา, แนวทางการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองฉบับปรับปรุงครั้งที่ 3, ed. พ. 1. 2559, กรุงเทพฯ: บริษัท ธนาเพรส จำกัด.
สมศักดิ์ เทียมเก่า. สถานการณ์โรคหลอดเลือดสมอง. วารสารประสาทวิทยาประเทศไทย. 2021; 37(4): 54-60.
National Statistical Office. (2017). Survey Economicand Social. Bangkok: National Statistical Office. (In Thai).
Khiaocharoen, O., Pannarunothai, S., Riewpaiboon, W., & Zungsontiporn, C. Rehabilitation Service Development forSub-acute and Non-acute Patients underthe Universal Coverage Scheme in Thailand.J Health Sci 2017;24(3):493-509.
Tapasi, W., Danpradit, P., & Ratnawijit, S. (2017). Health Care Service Model for Elderly by Community Participation, Wangtagoo Subdistrict, Nakhon Pathom Province.
โรงพยาบาลกันตัง, สถานการณ์ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองระยะกลางที่มีภาวะพึ่งพิง. 2566
Goncalve-Bradley, D. C., Iliff, S., Doll, H. D., Broad, J., Gladman, J., Langhorne, P., Richards, S. H., & Shepperd, S. (2017). Early Discharge Hospital at Home: Cochrane Systematic Reviview. Khokpho District. (2017). Population Elder Year 2017. Khokpho District, Pattani Province.
Ciccone, A., Celani, M. G., Chiaramonte, R., Rossi, C., & Righetti, E. (2013). Continuous Versus. Intermittent Physiological Monitoring for Acute Stroke 2013: Intervention Review. Department of Medical Service Ministry of Public Health. (2014). Screening Guide/Assess the Elderly. Edition 1. Bangkok: Tahan Pansuak Printing House. (In Thai)
Arttaros, T., & Apai, J. (2011). Continuing Model Communicable disease in Child. Journal Thailand Nursing and Midwifery Council, 26(Special), 112-125. (In Thai).
Pischalad K., & Mulpanun K. (2016). Improvement of a Continuing Care Model in Child. Nursing Journal, 40(3), 96-108. (In Thai)

