การพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน โรงพยาบาลท่าอุเทน จังหวัดนครพนม
คำสำคัญ:
การพัฒนาระบบ, การส่งต่อ, ผู้ป่วยฉุกเฉินบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการณ์ สภาพปัญหาปัจจุบันของระบบส่งต่อผู้ป่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน 2) เพื่อพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน 3) เพื่อประเมินผลลัพธ์การพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน กลุ่มตัวอย่างคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive sampling) คือ บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน จำนวน 30 คน และผู้ป่วยฉุกเฉินที่ได้รับการส่งต่อไปรับการรักษายังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าในช่วงที่ดำเนินการวิจัย เครื่องมือที่ใช้คือ แนวคำถามในการสนทนากลุ่มและใช้แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน เครื่องมือผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ค่า IOC อยู่ระหว่าง 0.67-1.0 ค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.82 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เปรียบเทียบความพึงพอใจก่อนและหลังการพัฒนาใช้ Paired T-test และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเนื้อหา (Content Analysis)
ผลการศึกษาสภาพการณ์ พบว่า บุคลากรมีความรู้ ทักษะและประสบการณ์ไม่เพียงพอ ไม่มีแผนการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง อุปกรณ์เครื่องมือและเวชภัณฑ์ไม่พร้อมใช้งาน ไม่มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน รถพยาบาลไม่พร้อมใช้งาน กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงระหว่างส่งต่อไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับแพทย์ได้ การประสานงานส่งต่อระหว่างโรงพยาบาลใช้เวลานาน การพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ประกอบด้วย 1) ปัจจัยนำเข้า ได้แก่ ความพร้อมของบุคลากร ความพร้อมของรถพยาบาล ความพร้อมของอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ ระบบการสื่อสารทันสมัยและรวดเร็ว กระบวนการดูแลก่อนส่งต่อ ขณะส่งต่อและหลังส่งต่อได้มาตรฐาน ระบบการสนับสนุนและการประสานงานการส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ 2) กระบวนการ (Process) ได้แก่ การอบรมพัฒนาบุคลากร พัฒนาคู่มือการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน การติดตั้งระบบ Telemedicine Ambulance จัดเตรียมครื่องมือทางการแพทย์และยาที่จำเป็น จัดระบบการให้คำปรึกษาและการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหาในการดูแลผู้ป่วยขณะส่งต่อ พัฒนาแบบตรวจเครื่องมือสำคัญ การเตรียมความพร้อมแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินและญาติ ผลลัพธ์การพัฒนา พบว่า ความพึงพอใจของบุคลากรโดยรวมก่อนการพัฒนาอยู่ในระดับปานกลาง หลังการพัฒนา บุคลากรมีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งมากกว่าก่อนการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เอกสารอ้างอิง
ราชกิจจานุเบกษา พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ.2551. เข้าถึงจาก https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/A/044/1.PDF
กระทรวงสาธารณสุข ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 8 พ.ศ. 2545 เรื่อง มาตรฐานการส่งต่อผู้ป่วย เข้าถึงจาก http://www.msdbangkok.go.th/6guidework/2/4.pdf
กมลทิพย์ แซ่เล้า และคณะ, (บก) การปฏิบัติการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินระหว่างสถานพยาบาล. สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ; 2557
โรงพยาบาลท่าอุเทน ข้อมูลสถิติการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ; 2566
ทิพย์วิภา สังข์อินทร์ และคณะ การพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินครบวงจร โรงพยาบาลนครพนม. วารสารโรงพยาบาลนครพนม 2563; 8(2) : 94-104
พรพิไล นิยมถิ่น ผลของการใช้แบบบันทึกทางการพยาบาลขณะส่งต่อผู้ป่วยที่พัฒนาขึ้นต่อคุณภาพการส่งต่อและความพึงพอใจของพยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย จังหวัดเลย. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี 2561; 26(3) : 135-143
จักรพงศ์ ปิติโชคโภคินท์ และคณะ การพัฒนารูปแบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินที่มีภาวะวิกฤต โรงพยาบาลนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี. วารสารการพยาบาลและการดูแลสุขภาพ 2562; 37(2) : 88-97
ปารินันท์ คงสมบูรณ์ และคณะ การพัฒนาระบบการพยาบาลผู้ป่วยวิกฤตฉุกเฉินในระบบส่งต่อระหว่างสถานพยาบาล จังหวัดนครสวรรค์. วารสารกองการพยาบาล 2566; 50(2) : 45-59
บุญชม ศรีสะอาด. การวิจัยเบื้องต้น (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน์ ; 2556
Kemmis, S & McTaggart, R.The Action Research Planer (3rd ed.). Victoria : Deakin University ; 1988
กองการพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข แนวทางปฏิบัติการพยาบาลส่งต่อผู้ป่วยระหว่างสถานพยาบาลเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ เข้าถึงจาก https://www.don.go.th/Information_news/1347505.pdf
กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข คู่มือแนวทางการพัฒนาระบบส่งต่อผู้ป่วย.; 2562

