การพัฒนารูปแบบการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยยาเสพติด
คำสำคัญ:
การพัฒนารูปแบบการดูแลต่อเนื่อง, ผู้ป่วยยาเสพติดบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลองเพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยยาเสพติด การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างใช้วิธีการแบบเฉพาะเจาะจง ตามที่มีคุณสมบัติตรงกับเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบด้วย ผู้ป่วยยาเสพติด 74 คน ครอบครัวผู้ดูแลผู้ป่วย 74 คน บุคลากรทางการแพทย์ 56 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็น แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม ความเข้มแข็งทางใจ การรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการติดซ้ำ พฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องการเสพติดซ้ำ ความตั้งใจในเลิกใช้ยาเสพติด แบบวัดการทำหน้าที่ของครอบครัว แบบสอบถามความพึงพอใจต่อรูปแบบการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยยาเสพติด การวิเคราะห์ข้อมูลหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบ ระหว่างก่อนและหลังการทดลอง ใช้สถิติ t-test
ผลการศึกษา ขั้นตอนที่ 1 ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยยาเสพติด พบว่าปัญหาก่อนจำหน่าย คือ ขาดการวางแผนเสริมสร้างทักษะที่จำเป็น ขาดกิจกรรมที่จะช่วยลดภาวะเสี่ยง ปัจจัยที่ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับไปเสพติดซ้ำ และขาดการเสริมแรงให้ผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นในตนเองเกี่ยวกับการเลิกยาเสพติด และปัญหาหลังจำหน่าย ได้แก่ ไม่มีการติดตามดูแลผู้ป่วย (ทางโทรศัพท์และการติดตามเยี่ยมบ้าน) ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนารูปแบบการดูแลต่อเนื่องประกอบด้วย 19 กิจกรรมสำหรับผู้ป่วย 11 กิจกรรม คือ 1) รู้จักกันพาคลายเครียด 2) อารมณ์ดีชีวีมีสุข 3) พลังบวกด้วยใจเข้มแข็ง 4) สานฝันสู่เป้าหมาย 5) สู่อ้อมกอดของครอบครัว 6) ปัญหามีไว้แก้ 7) คุณค่าในตนเอง 8) โทรถามยามไกล 9) เติมพลังใจก้าวต่อ 10) โทรไปให้ใจสู้ 11) เรียนรู้สู่ความสำเร็จ ส่วนกิจกรรมสำหรับครอบครัว 8 กิจกรรม คือ 1) รู้จักกันพาคลายเครียด 2) รู้ทันสารเสพติดและสมองติดยา 3) ครอบครัวนี้มีสุข 4) สู่อ้อมกอดของครอบครัว 5) โทรถามตามเยี่ยม-1 6) ห่วงใย ใส่ใจกัน 7) โทรถามตามเยี่ยม-2 8) สู่เส้นชัยก้าวไปด้วยกัน และขั้นตอนที่ 3 ผลการประเมิน ในกลุ่มผู้ป่วยพบว่าความเข้มแข็งทางใจ การรับรู้ความสามารถของตนเองในการป้องกันการติดซ้ำ พฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องการเสพติดซ้ำ ความตั้งใจในเลิกใช้ยาเสพติด การทำหน้าที่ของครอบครัวและความพึงพอใจต่อรูปแบบการดูแลต่อเนื่องสำหรับผู้ป่วยยาเสพติด หลังการทดลองใช้รูปแบบการดูแลต่อเนื่องกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น กลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และในกลุ่มครอบครัวพบว่าการทำหน้าที่ของครอบครัวและความพึงพอใจ หลังการทดลองใช้รูปแบบกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นและกลุ่มทดลองมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < .05)
เอกสารอ้างอิง
United Nations Office on Drugs and Crime. (2022). World Drug Report 2022. Available Source:: https://www.unodc.org/unodc/en/data-and-analysis/world-drug-report-2022.html December 30, 2024.
กระทรวงสาธารณสุข. (2567). ระบบการบำบัดรักษายาเสพติด(บสต.) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 -2567. สืบค้น 17 ตุลาคม 2567, จาก https://antidrug.moph.go.th/_
ราชกิจจานุเบกษา 8 พฤศจิกายน 2564. พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด ฉบับปี 2564. สืบค้น 17 มีนาคม 2567, https://ockt.dtam.moph.go.th/index.php/law/268-law2564-1
กระทรวงสาธารณสุข. (2567). การดำเนินงานเพื่อการบำบัดดูแลผู้ป่วยยาเสพติดโดยมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Based Treatment and x.. (CBTx) ภายใต้กลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.). สืบค้น 17 มีนาคม 2567, https://ncmc.moph.go.th/home/upload/web_download/1u3m0cybpj9c4skgk4.pdf
สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี. (2567). สถิติผู้ป่วย. สืบค้น 17 มีนาคม 2567, http://www.pmnidat.go.th/thai/index.php?option=com_content&task=category§ionid=2&id=9&Itemid=53
ศิริลักษณ์ ปัญญา. (2560). ศึกษาปัจจัยเสี่ยงของการกลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำของผู้รับการบำบัดยาเสพติดในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. สืบค้น 20 มีนาคม 2567, จาก https://mis.ratchathani.ac.th/file_re/HVGOWM6Wed103104.pdf
ศูนย์วิจัยยาเสพติด สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สมองและกลไกการเสพติด; 2560 [อินเตอร์เน็ต]. สืบค้น 17 มีนาคม 2567,.จาก http://www.ihr.chula.ac.th/t3_files/brain_drug.pdf
G. Alan Marlatt, George A, J.R., EDS. (1985). Relapse Prevention: Maintenance Strategies in the Treatment of Addictive Behaviors. New York: Guilford Press
กองบริหารระบบบริการสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางการติดตามดูแลต่อเนื่องผู้ป่วยจิตเวชสุรา/ยา/สารเสพติด (ฉบับทดลองใช้). กรุงเทพฯ: บริษัท พรอสเพอรัส พลัส จำากัด.
Jame R. Mckay. (2021). Impact of Continuing Care on Recovery From Substance Use Disorder. Retrieved March 21, 2023, form https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7813220/
St. Joseph Institute. (2018). Understanding the Continuum of Care in Addiction Treatment. Retrieved March 21, 2023, form https://stjosephinstitute.com/understanding-the-continuum-of-care-in-addiction-treatment/
กรมการแพทย์. (2565). แนวทางการคัดกรอง การประเมินความรุนแรงการบำบัดรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดสำหรับศูนย์คัดกรอง สถานพยาบาลยาเสพติดและสถานฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด. สืบค้น 20 ตุลาคม 2565, จาก https://www.chiangmaihealth.go.th/cmpho_web/document/221101166727744069.pdf
ลชา เรืองกิจและคณะ. (2560). ผลของแรงสนับสนุนทางสังคมที่มีต่อการเข้ารับการดูแลอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ติด Methamphetamine. สืบค้น 20 มีนาคม 2566, จาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/MKHJ/article/view/204592
ธนิตา หิรัญเทพและคณะ. (2013). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการไม่เสพยาเสพติดซ้ำในผู้เข้ารับการบำบัดในระบบบังคับบำบัด. สืบค้น 20 ตุลาคม 2565, https://www.psychiatry.or.th/JOURNAL/58-2/03-Thanita.pdf
อรพรรณ โตสิงห์. (2546). การดูแลอย่างต่อเนื่องและบทบาทของพยาบาลในยุคปฏิรูประบบสุขภาพ. ในวันเพ็ญ พิชิตพรชัย และอุษาวดี อัศดรวิเศษ. (2546). การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วย: แนวคิดและการประยุกต์ใช้. กรุงเทพฯ: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สายสุดา โภชนากรณ์. (2563). การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจผู้ป่วยเสพติดและครอบครัวเพื่อป้องกันการกลับไปเสพซ้ำ. วิทยานิพนธ์ ปร.ด. (พัฒนศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร.
นันท์ชัตสัณห์ สกุลพงศ์. (2559). พลังสุขภาพจิตในผู้ติดยาเสพติดหญิง: การวิจัยแบบผสานวิธีพหุระยะเพื่อพัฒนาเครื่องมือวัดและประสิทธิผลการปรึกษาแบบกลุ่มบูรณาการ. ปริญญานิพนธ์ วท.ด. (การวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ศักดินา บุญเปี่ยม. (2548). การศึกษาการเปลี่ยนแปลงจิตลักษณะของผู้ติดยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน)ในระหว่างกระบวนการบำบัดตามแนวจิตบำบัดในระบบบังคับแบบผู้ป่วยใน.ปริญญานิพนธ์ วท.ด. (การวิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
สุกุมา แสงเดือนฉาย. (2557). ผลของการบำบัดความคิดและพฤติกรรมเพื่อป้องกันการติดซ้ำของผู้ป่วยเมทแอมเฟตามีนที่เข้ารับการบำบัดรักษาแบบผู้ป่วยใน. นนทบุรี: บริษัทเดอะกราฟฟิกชิดเต็มจำกัด.
วรรณภา สุทธิอำนวยกูล. (2547). แนวคิดหลักการเกี่ยวกับองค์ประกอบและแบบโครงสร้างในการทำหน้าที่ของครอบครัว. วารสารศึกษาพยาบาล. 15(3): 8-19
จินดามาศ โกศลชื่นวิจิตร. (2551). การพัฒนารูปแบบการดูการเรียนการสอนโดยบูรณาการหลัก พุทธธรรมเพื่อปลูกฝัง พฤติกรรมการดูแลอย่างเอื้ออาทรของนักศึกษาพยาบาล. ปริญญานิพนธ์ กศ.ด. (การวิจัยและพัฒนาหลักสูตร). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
คณิวรรณ ภูษาและณัชมนพรรณ ปลื้มรุ่งโรจน์. การวางแผนจำหน่ายผู้ป่วยโรคจิตเภทที่ใช้สารเสพติดระยะต่อเนื่องโดยการมีส่วนร่วมของผู้ดูแล. วารสารอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชน; 9(1), 453-462. สืบค้น 20 ตุลาคม 2567, https://he03.tci-thaijo.org/index.php/ech/article/view/2214/1626
Glanz, K. and Bishop, D. (2010). The Role of Behavioral Science Theory in Development and Implementation of Public Health Interventions. Annual Review of Public Health, 31, 399-418. Retrieved November 20, 2024, https://www.scirp.org/reference/referencespapers?referenceid=1606400

