ผลของโปรแกรมการสอนทักษะการสื่อสารทางสังคมนักเรียนประถมศึกษาที่มีภาวะออทิซึมสเปกตรัมต่อการรับรู้ของบิดามารดาที่บุตรมีภาวะออทิซึมสเปกตรัม

ผู้แต่ง

  • พรมณี หาญหัก นักศึกษาปริญญาเอก, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น Corresponding author: Pornmanee Hanhak; Email: hpronm@kku.ac.th
  • ปิยะวรรณ ศรีสุรักษ์ นักศึกษาปริญญาเอก, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น Corresponding author: Pornmanee Hanhak; Email: hpronm@kku.ac.th
  • เพ็ญณี แนรอท นักศึกษาปริญญาเอก, คณะศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น Corresponding author: Pornmanee Hanhak; Email: hpronm@kku.ac.th

คำสำคัญ:

ออทิซึมสเปกตรัม, ทักษะการสื่อสารทางสังคม, การรับรู้ของผู้ปกครอง, พหุวัฒนธรรม, นวัตกรรมการเรียนรู้

บทคัดย่อ

     การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาการรับรู้ของผู้ปกครองในการพัฒนาทักษะการสื่อสารทางสังคมของบุตรที่มีภาวะออทิซึมสเปกตรัม (Autism Spectrum Disorder: ASD) และเพื่อประเมินผลของโปรแกรมการสอนทักษะการสื่อสารทางสังคมที่ออกแบบขึ้นต่อการรับรู้ของผู้ปกครอง และพฤติกรรมการสื่อสารของเด็ก ภายใต้บริบทพหุวัฒนธรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย การวิจัยนี้ใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research: PAR) โดยมีกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ปกครอง และบุตรที่มีภาวะออทิซึมสเปกตรัมระดับประถมศึกษา จำนวน 60 ครอบครัว แบ่งออกเป็น 2 วัฒนธรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มออสโตรเอเชียติค และกลุ่มไต-กะได กลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุมกลุ่มละ 30 ครอบครัว เครื่องมือวิจัยประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ ภูมิหลังครอบครัว แบบประเมินการรับรู้ของผู้ปกครอง แบบประเมินทักษะการสื่อสารของนักเรียนออทิซึม และนวัตกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ คู่มือ แอปพลิเคชัน และหนังสือเสริมทักษะการสื่อสาร

     ผลการวิจัยพบว่า ก่อนการใช้นวัตกรรม ผู้ปกครองมีการรับรู้อยู่ในระดับปานกลาง โดยเฉพาะด้านแนวทางการพัฒนาทักษะการสื่อสารของบุตรที่ได้คะแนนต่ำที่สุด ส่วนทักษะการสื่อสารของนักเรียนอยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง หลังจากใช้นวัตกรรมติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ผลการทดสอบ Paired t-test แสดงให้เห็นว่าการรับรู้ของผู้ปกครองและทักษะการสื่อสารของนักเรียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < .001) ทั้งในมิติของการสื่อสารภายในครอบครัว โรงเรียน และสังคม นอกจากนี้ ข้อมูลเชิงคุณภาพสะท้อนว่าผู้ปกครองมีความเข้าใจและความมั่นใจในการดูแลบุตรมากขึ้น ขณะที่เด็กมีความกล้าแสดงออกและเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้ดีขึ้น

เอกสารอ้างอิง

นิภาพรรณ เจนสันติกุล.(2558). ความหลากหลายทางชาติพันธุ์กับประชาคมอาเซียน: ปัญหาและข้อพิจารณา. วารสารนักบริหาร 2558;35(2):33-45.

โครงการพระราชดำริ.(2550). สารานุกรมสำหรับเยาวชนไทย. เล่ม 12. กรุงเทพฯ: โครงการพระราชดำริ; 2550.

บูรณ์เชน สุขคุ้ม และธนพล วิยาสิงห์.(2556). วัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านของกลุ่มชาติพันธุ์กูยจังหวัดศรีสะเกษ[อินเทอร์เน็ต]. ศรีสะเกษ: คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ; 2556 [เข้าถึงเมื่อ 2568 ส.ค. 21]. เข้าถึงได้จาก: https://ethnicredb.sac.or.th/research_detail.php?id=2033

พิมพ์ปฏิมา นเรศศิริกล.(2559). การธำรงชาติพันธุ์และการปรับตัวของญัฮกุร บ้านวังกำแพง จังหวัดชัยภูมิ. [วิทยานิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ; 2559.

American Psychiatric Association.(2013). Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders. 5th ed. Arlington (VA): American Psychiatric Association; [Internet]. 2013 [cited 2025 Jun 21]. Available from: https://doi.org/10.1176/appi.books.9780890425596.

ชูศักดิ์ จันทยานนท์.(2568). สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม (ไทย) [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 2568 ส.ค. 21]. เข้าถึงได้จาก: https://autism.autisticthai.com/

ดวงกมล ทองอยู่.(2557). แนวทางการพัฒนาการเห็นคุณค่าในตนเองของวัยรุ่นตามทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตน. วารสารวไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ 2557;4(2):179-90.

จิราภา ศรีรัตน์, ประนอม รอดคำดี และสุนิศา สุขตระกูล.(2561). ประสบการณ์ของมารดาเด็กออทิสติกวัยเรียนที่รับรู้การถูกตีตรา. วารสารพยาบาลทหารบก 2561;19(2):211-19.

ธิรากร มณีรัตน์, พัชราภรณ์ เจนใจวิทย์, ภัทรา ฤชุวรารักษ์, ภัทราภรณ์ กาบกลาง, ปิยะวรรณ ศรีสุรักษ์ และพรมณี หาญหัก.(2563). การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตครอบครัวที่มีบุคคลออทิสติกในจังหวัดขอนแก่นด้วยโปรแกรมฝึกทักษะสังคม. วารสารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น 2563;2(1):107-24.

Huang M, Zhou Z.(2016). Perceived self-efficacy, cultural values, and coping styles among Chinese families of children with autism. Int J Sch Educ Psychol. 2016;4(2):61-70. doi:10.1080/21683603.2016.1130562.

นพวรรณ ศรีวงค์พานิช, จันทร์อาภา สุขทัพภ์, วนิดา ชนินทยุทธวงศ์ และอัมพร เบญจพลพิทักษ์.(2562). ความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงต่อโรคสมาธิสั้น ออทิซึม ภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้และภาวะบกพร่องทางสติปัญญาจากการสังเกตพฤติกรรมโดยครูกับระดับสติปัญญา (IQ) ของเด็กไทยชั้นประถมศึกษาปีที่ 1. วารสารสุขภาพจิต 2562; 27(3):159-70.

Pickles A, Harris V, Green J, et al.(2015). Treatment mechanism in the MRC preschool autism communication trial: implications for study design and parent-focussed therapy for children. J Child Psychol Psychiatry. 2015;56:162-70.

Grynszpan O, Weiss PL, Perez-Diaz F, Gal E.(2014). Innovative technology-based interventions for autism spectrum disorders: a meta-analysis. Autism. 2014;18(4):346-61.

Fernández Batanero, J.M.; Tadeu, P.; Cabero, J. ICT and disability.(2018). Design, construction and validation of a diagnostic tool. J. Soc. Stud. Educ. Res. 2018, 9, 332–350. [Google Scholar] [CrossRef].

The National Autistic Society.(2018). Employment and Autism Report. London: The National Autistic Society; 2018.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-09-30

รูปแบบการอ้างอิง

หาญหัก พ. . ., ศรีสุรักษ์ ป. ., & แนรอท เ. . (2025). ผลของโปรแกรมการสอนทักษะการสื่อสารทางสังคมนักเรียนประถมศึกษาที่มีภาวะออทิซึมสเปกตรัมต่อการรับรู้ของบิดามารดาที่บุตรมีภาวะออทิซึมสเปกตรัม. วารสารสิ่งแวดล้อมศึกษาการแพทย์และสุขภาพ, 10(3), 340–349. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hej/article/view/287713