ประสิทธิผลของสื่ออินโฟกราฟิกในการให้ความรู้ด้านทันตสุภาพของ ผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง

ผู้แต่ง

  • ไกร แก้วทิพย์ ทันตแพทย์ชำนาญการพิเศษ โรงพยาบาลศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง

คำสำคัญ:

อินโฟกราฟิก, ทันตสุขภาพเด็ก, LINE Application

บทคัดย่อ

     การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของสื่ออินโฟกราฟิกผ่านแอปพลิเคชัน LINE ในการเพิ่มความรู้ด้านทันตสุขภาพของผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียนในอำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง และเพื่อประเมินระดับความพึงพอใจต่อสื่อดังกล่าว ใช้รูปแบบการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (one group pretest-posttest design) กลุ่มตัวอย่างคือผู้ปกครองเด็กอนุบาล 1–3 จาก 3 ตำบลในพื้นที่ รวม 169 คน ได้รับการคัดเลือกโดยวิธีสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือวิจัยประกอบด้วยสื่ออินโฟกราฟิก 2 ประเภท (วิดีโอแบบ static และ animated) แบบทดสอบความรู้ แบบสอบถามความพึงพอใจ และแบบประเมินพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปาก การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนาและการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบวัดซ้ำ (repeated-measures ANOVA) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนความรู้ 3 ช่วงเวลา ได้แก่ ก่อนโปรแกรม หลังโปรแกรมทันที และหลัง 3 เดือน

     ผลการวิจัยพบว่า คะแนนความรู้โดยรวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปานกลาง (9.73±0.87) ก่อนเข้าร่วมโปรแกรม เป็นระดับสูงทันทีหลังจบโปรแกรม (12.62±0.36) และยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงติดตาม 3 เดือน (11.96±0.89) โดยมีอัตราการคงอยู่ของความรู้ร้อยละ 94.8 ทุกมิติของความรู้ (ฟันผุ การแปรงฟัน และการดูแลสุขภาพช่องปาก) แสดงการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การประเมินพฤติกรรมพบว่าผู้ปกครองสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง (81.5%) และการควบคุมการบริโภคของหวาน (82.1%) นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมวิจัยแสดงความพึงพอใจต่อสื่อในระดับมากถึงมากที่สุด โดยเฉพาะด้านเนื้อหาและประโยชน์ที่ได้รับ

เอกสารอ้างอิง

World Health Organization.(2022). Oral health. Geneva: WHO; 2022.

Petersen PE.(2003). The World Oral Health Report 2003: continuous improvement of oral health in the 21st century–the approach of the WHO Global Oral Health Programme. Community Dent Oral Epidemiol. 2003;31(Suppl 1):3–23.

Kabilan V, et al.(2022). Early childhood caries: prevalence, risk factors, and preventive strategies. J Int Soc Prev Community Dent. 2022;12(2):125–131.

Edelstein BL.(2006). The dental caries pandemic and disparities problem. BMC Oral Health. 2006;6(Suppl 1):S2.

กรมอนามัย.(2561). รายงานผลการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพช่องปากระดับประเทศ ครั้งที่ 9 ปี 2560. กรุงเทพฯ: สำนักทันตสาธารณสุข; 2561.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง.(2566). รายงานสถานการณ์โรคฟันผุเด็กก่อนวัยเรียน จังหวัดพัทลุง ปี 2566. พัทลุง: กลุ่มงานทันตสาธารณสุข; 2566.

วรรณี นาคสุข.(2564). ความรู้และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากของผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน. วารสารสาธารณสุขชุมชน. 2564;17(2):35–42.

ศิริพร ศรีสุข.(2563). ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดฟันผุในเด็กปฐมวัย. วารสารวิจัยสาธารณสุข. 2563;29(3):45–52.

สำนักงานสถิติแห่งชาติ.(2566). รายงานการสำรวจการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2566. กรุงเทพฯ: กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม; 2566.

สุภาวดี พัฒนสมพร.(2565). ประสิทธิผลของสื่ออินโฟกราฟิกในการสื่อสารสุขภาพ. วารสารนิเทศศาสตร์. 2565;40(1):22–34.

ชุติมา ศิริวัฒนา.(2564). การใช้สื่อออนไลน์ในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชนไทยยุคดิจิทัล. วารสารสุขศึกษา. 2564;44(2):61–72.

อัญชลีพร อิษฎากร.(2564). ผลของสื่ออินโฟกราฟิกผ่านแอปพลิเคชันไลน์ต่อความรู้ด้านทันตสุขภาพของหญิงตั้งครรภ์. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาทันตสาธารณสุขศาสตร์: มหาวิทยาลัยมหิดล; 2564.

อัสมาพร สุรินทร์.(2563). โปรแกรมส่งเสริมบทบาทผู้ปกครองในการป้องกันโรคฟันผุในเด็กวัยก่อนเรียน. วิทยานิพนธ์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสาธารณสุข: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์; 2563.

Cohen J.(1988). Statistical power analysis for the behavioral sciences. 2nd ed. Hillsdale, NJ: Lawrence Erlbaum Associates; 1988.

Faul F, Erdfelder E, Lang AG, Buchner A.(2007). G*Power 3: A flexible statistical power analysis program for the social, behavioral, and biomedical sciences. Behav Res Methods. 2007;39(2):175–91. https://doi.org/10.3758/BF03193146

Lakens D.(2013). Calculating and reporting effect sizes to facilitate cumulative science: A practical primer for t-tests and ANOVAs. Front Psychol. 2013;4:863. https://doi.org/10.3389/fpsyg.2013.00863

Mayer RE.(2014). Cognitive theory of multimedia learning. In: Mayer RE, editor. The Cambridge Handbook of Multimedia Learning. 2nd ed. Cambridge: Cambridge University Press; 2014. p. 43–71. doi:10.1017/CBO9781139547369.005.

Rosenstock IM.(1974). Historical origins of the health belief model. Health Educ Monogr. 1974;2(4):328–35.

Nutbeam D, Lloyd JE.(2021). Understanding and responding to health literacy as a social determinant of health. Annual Review of Public Health. 2021;42:159-173. https://doi.org/10.1146/annurev-publhealth-090419-102529

Galmarini E, Marciano L, Schulz PJ.(2024). The effectiveness of visual-based interventions on health literacy in health care: A systematic review and meta-analysis. BMC Health Services Research. 2024;24:718. https://doi.org/10.1186/s12913-024-11138-1

Morrison KE, DeBrabander KM, Jones DR, Faso DJ, Ackerman RA, Sasson NJ.(2020). Outcomes of real-world social interaction for autistic adults paired with autistic compared to typically developing partners. Autism. 2020 Jul;24(5):1067-1080. doi: 10.1177/1362361319892701. Epub 2019 Dec 11. PMID: 31823656.

รัตนา จันทร.(2559). ผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทันตสุขภาพของนักเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัดเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา. วารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า. 2559;33(4):340-53.

จิรารัตน์ เอมแย้ม และวุฒิชัย จริยา.(2566). ผลของโปรแกรมทันตสุขศึกษาต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุและโรคเหงือกอักเสบของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-6 อำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์. วารสารวิชาการสาธารณสุข. 2566;32(1):96-108.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-09-30

รูปแบบการอ้างอิง

แก้วทิพย์ ไ. . (2025). ประสิทธิผลของสื่ออินโฟกราฟิกในการให้ความรู้ด้านทันตสุภาพของ ผู้ปกครองเด็กก่อนวัยเรียน อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง. วารสารสิ่งแวดล้อมศึกษาการแพทย์และสุขภาพ, 10(3), 350–359. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hej/article/view/287751