ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อความร่วมมือในการรักษาของผู้ป่วยโรคต้อหิน โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
คำสำคัญ:
ความร่วมมือในการรักษา, การจัดการตนเอง, ผู้ป่วยโรคต้อหินบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi experimental research) แบบสองกลุ่ม คือกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม วัดก่อนและหลังการทดลอง (two group pre- posttest design) เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อความร่วมมือในการรักษผู้ป่วยโรคต้อหิน ณ ห้องตรวจตา งานผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี ระหว่างเดือนธันวาคม 2566 ถึง กุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 60 รายเครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้สถิติ Paired Sample T-Test และ สถิติ independent t-test
ผลการวิจัยพบว่า คะแนนเฉลี่ยความร่วมมือในการรักษาของผู้ป่วยโรคต้อหินกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมการจัดการตนเองก่อนการทดลองเท่ากับ 60.00 หลังการทดลองเท่ากับ 86.65 เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันด้วยวิธีทางสถิติด้วย Paired t-test พบว่า หลังการทดลองค่าคะแนนเฉลี่ยความร่วมมือในการรักษาของผู้ป่วยโรคต้อหินกลุ่มได้รับโปรแกรมการจัดการตนเองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<.05) นั่นคือ ผู้ป่วยโรคต้อหินมีความร่วมมือในการรักษาภายหลังการทดลองอยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนการทดลอง และค่าเฉลี่ยความต่างของคะแนนความร่วมมือในการรักษาของผู้ป่วยโรคต้อหินระหว่างกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมการจัดการตนเองและกลุ่มควบคุมที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันด้วยวิธีทางสถิติด้วย Independent t-test พบว่า ค่าเฉลี่ยความต่างของคะแนนความร่วมมือในการรักษาของผู้ป่วยโรคต้อหินสูงของกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (<.05)
เอกสารอ้างอิง
ญาณิน สุวรรณ, วสุ ศุภกรธนสาร, ชัยวัฒน์ ทีฆเสนีย์. (2560). การวินิจฉัยและรักษาต้อหินมุนปิดปฐมภูมิแนวใหม่. ใน ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ (บ.ก.), ตำราจักษุวิชาการ. กรุงเทพฯ: ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย; 2560: 3-32.
Kristen L. Buehne, Jullia A. Rosdahl. Aaron M. Hein. (2023). How Medication Adherence Affects Disease Management in Veterans with Glaucoma: Lessons Learned from a Clinical Trial. Ophthalmic Res. 66 (1): 489 495. https://doi.org/10.1159/000528857.
Stefanie Frech, Rudolf F. Guthoff, Amin Gamael, Christian Helbig. (2021). Patterns and Facilitators for the Promotion of Glaucoma Medication Adherence- A Qualitative Study. Healthcare, 9(4), 426; https://doi.org/10.3390/healthcare9040426.
Shannan G. Moore., Grace Richter., Bobeck S. Modjtahedi. (2023). Factors Affecting Glaucoma Medication Adherence and Interventions to Improve Adherence: A Narrative Review. Ophthalmology and Therapy. https://doi.org/10.1007/s40123-023-00797-8.
เดือนเพ็ญ ตั้งเมตตาจิตตกุล. (2554). ผลของโปรแกรมการให้ข้อมูล การสร้างแรงจูงใจและการพัฒนาทักษะความร่วมมือในการรักษาของผู้สูงอายุโรคต้อหิน. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต. สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Masaki Tanito., Mihoko Mochiji., Aika Tsutsui., Akiko Harano., et al., (2023). Factors Associated with Topical Medication Instillation Failure in Glaucoma: VRAMS-QPiG Study. Advances in Therapy. 40:4907–491.
https://doi.org/10.1007/s12325-023-02646-3.
Jay K. Rathinavelu., Kelly W. Muir., Nadya T. Majette., et al. (2023). Qualitative Analysis of Barriers and Facilitators to Glaucoma Medication Adherence in Randomized Controlled Trial Intervention. Ophthalmology Glaucoma. https://doi.org/10.1016/j.ogla.2023.06.002.
รัตนา ค้าขาย และภาวนา ดาวงศ์ศรี. (2565). ผลของการใช้โปรแกรมการให้ข้อมูล การสร้างแรงจูงใจ และการพัฒนาทักษะการใช้ยาหยอดตาต่อพฤติกรรมความร่วมมือในการรักษาของผู้ป่วยสูงอายุโรคต้อหิน โรงพยาบาลอุดรธานี. วารสารการแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี. 30(3).
วรรณา จันทร์ดา และบุญทิวา สู่วิทย์. (2566). ผลของโปรแกรมการส่งเสริมพฤติกรรมการใช้ยาร่วมกับการใช้แอปพลิเคชันในผู้ป่วยต้อหินมุมเปิดที่มีระดับความดันตาสูง. วารสารมหาวิทยาลัยคริสเตียน. 29(3): 1-15.
Newman-Casey PA, Niziol, L. M., Mackenzie, C. K., Resnicow, K., Lee, P. P., Musch, D. C., & Heisler, M. (2018). Personalized behavior change program for glaucoma patients with poor adherence: A pilot interventional cohort study with a pre-post design. Pilot and Feasibility Studies, 4(1), 1-13.
สุธิดา นครเรียบ, ดวงรัตน วัฒนกิจไกรเลิศ, วิชชุดา เจริญกิจการ, สงคราม โชติกอนุชิต และวชิระศักดิ์ วานิชชา. (2560). ประสิทธิผลของโมบายแอพพลิเคชั่นต่อความร่วมมือในการรักษาในการรับประทานยาในผู้ป่วยโรค หลอดเลือดสมอง. วารสารพยาบาลศาสตร. 35(3), 58-69.
ขวัญฤดี ฮวดหุ่น. (2560). อิทธิพลของแอพพลิเคชันไลน์ในการสื่อสารยุคปัจจุบัน. วารสารศิลปการจัดการ, 1(2), 75-88.
พรรณรพี ฟูนฤนารถ. (2562). Glaucoma. ใน อรวสี จตุทอง (บ.ก.), Basic ophthalmology (น.164- 179). กรุงเทพฯ: นําอักษรการพิมพ.
Kanfer, F. H., & Gaelick-Buys, L. (1991). Self-management methods. In F. Kanfer & A. Goldtein (Eds.), Helping people change: A text book of methods. (4th ed.). New York: Pergamonpress.
วรางคณา ไชยวรรณ, รังสิยา นารินทร์ และวิลาวัณย์ เตือนราษฎร์. (2565). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองต่อความร่วมมือในการรักษาด้วยยาและระดับความดันโลหิตในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงในชุมชน. พยาบาลสาร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 49(3).
ปิยะพร ศิษย์กุลอนันต์ และพรสวรรค์ คำทิพย์. (2563). ผลของโปรแกรมการจัดการตนเองและการติดตามด้วยแอพพลิเคชั่น LINE ต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายแกว่งแขนและระดับน้ำตาลในเลือดของสตรีที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์. วารสารสภาการพยาบาล. 35(2): 52-69.
วริศรา ปั่นทองหลาง, ปานจิต นามพลกรัง, และวินัฐ ดวงแสงจันทร์. (2018). ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้. วารสารพยาบาลสงขลานครินทร์ ปีที่ 38 ฉบับที่ 4 ตุลาคม - ธันวาคม 2561 หน้า

