การพัฒนาระบบการติดตามการขาดนัดในผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์
คำสำคัญ:
ระบบการติดตามการขาดนัด, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงบทคัดย่อ
การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การติดตามการขาดนัดในผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และศึกษาการพัฒนาระบบการติดตามการขาดนัดในผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ มีระยะเวลาในการดำเนินการวิจัย ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ 2568 – เดือนสิงหาคม 2568 รวม 7 เดือน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จำนวน 1,299 รายและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 1,953 ราย ที่ได้รับการนัดมาที่โรงพยาบาลร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์ 2568 – เดือนสิงหาคม 2568 รวมทั้งสิ้น จำนวน 3,252 ราย เก็บข้อมูลจากเวชระเบียนและแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis) ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ Dependent t – test
ผลการศึกษา พบว่า พฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังการดำเนินการ โดยรวมและรายด้าน อยู่ในระดับ เหมาะสมมาก และไม่มีความแตกต่างของพฤติกรรมสุขภาพระหว่างผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง และเมื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ก่อนและหลัง พบว่า โดยรวมและรายด้านมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยที่หลังการดำเนินการ พฤติกรรมสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ดีขึ้นกว่าก่อนการดำเนินการ นอกจากนี้ยังพบว่า ไม่มีผู้ป่วยขาดนัดในผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง โรงพยาบาลร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังดำเนินการ
เอกสารอ้างอิง
สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ. (2566). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวานฉบับปรับปรุง 2566. สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ.
สมาคมโรคความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย. (2566). แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูงฉบับปรับปรุง. สมาคมโรคความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย.
Wagner, E. H. (1998). The Chronic Care Model: What is it, and does it work? The Permanente Journal, 2(3), 7-10.
Hochbaum, G. M., Rosenstock, I. M., & Kegeles, S. S. (1950s). The health belief model.
Gibson, S. B. (1991). Empowerment: Concepts and perspectives. Journal of Community Health, 15(2), 85-94.
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข. (2563). แนวทางปฏิบัติ 3อ 2ส 1น เพื่อการส่งเสริมสุขภาพสำหรับประชาชน. กรมอนามัย.
Best, J. W. (1991). Research in education. Prentice Hall.
กัญญา พฤฒิสืบ. (2564). การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการขาดนัดของผู้ป่วยโรคเบาหวานในโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารสาธารณสุขศาสตร์, 21(3), 45-56.
ปฐวี สาระติ. (2568). บทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง: ความท้าทายและแนวทางการพัฒนา. วารสารวิจัยระบบสุขภาพ, 15(1), 78-90.
สายรุ้ง แซ่อึ้ง. (2568). การพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการสื่อสารเพื่อลดอัตราการขาดนัดของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในสถานพยาบาลปฐมภูมิ. วารสารการบริหารจัดการสุขภาพ, 11(3), 25-40.
กติยา นิธรรม. (2568). การพัฒนาระบบนัดหมายและติดตามผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูงแบบรายกลุ่มในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล: กรณีศึกษาตำบลแห่งหนึ่ง. วารสารการพยาบาลชุมชน, 31(2), 12-25.
ปรีดา สุทธิประภา. (2568). ปัจจัยทางสังคมและเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการขาดนัดของผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง: กรณีศึกษาในพื้นที่ชนบท. วารสารการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก, 22(1), 33-45.
จรรยา โยตะศรี. (2567). ประสิทธิผลของการใช้โปรแกรมติดตามทางโมบายแอปพลิเคชันตามแนวทางการจัดการเมื่อพบผู้ที่มีความดันโลหิตสูงในโรงพยาบาล แผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลวานรนิวาส. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสู่ชุมชน, 2(4), 45-59.
ประนอม กาญจนวณิชย. (2564). ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองเพื่อป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จังหวัดสุพรรณบุรี. วารสารสาธารณสุขมูลฐานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, 36(2), 20–33.
วันเพ็ญ บุญรัตน์. (2568). อิทธิพลของแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพที่มีต่อพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ. วารสารการพยาบาลศาสตร์, 18(1), 50-65.
ศุภาวดี พันธ์หนองโพน. (2563). การประยุกต์ใช้ Chronic Care Model ในการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงในชุมชน. วารสารวิชาการสาธารณสุข, 30(4), 89-102.
นิภา สุทธิพันธ์. (2568). การส่งเสริมการจัดการตนเองในผู้ป่วยเบาหวาน: แนวคิดและบทบาทของทีมสุขภาพ. วารสารเวชศาสตร์ครอบครัว, 21(2), 15-30.

