https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/issue/feed วารสารเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ 2025-04-04T10:23:00+07:00 ดร.กฤษดา เชียรวัฒนสุข hsrnj.journal@gmail.com Open Journal Systems <p>วารสารมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการบริหารงานร่วมกันระหว่างสถาบัน ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในรูปแบบการจัดประชุมวิชาการ เผยแพร่ผลงานในวารสารวิชาการ การเพิ่มศักยภาพนักวิจัยให้มีความรู้ความเข้าใจในบริบทที่มีการปรับเปลี่ยนตามกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ รวมถึงการร่วมมือกันสร้างผลงานวิจัยเพื่อนำองค์ความรู้สู่ชุมชน สังคมและประเทศชาติให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน</p> https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/280500 การวิเคราะห์ภาระงานของครูในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุรี 2025-01-28T21:25:39+07:00 เกวลี รัมมะพัฒน์ kawalee.ru@ku.th สุมิตร สุวรรณ sumit.s@ku.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภาระงานของครูในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา และ 2) วิเคราะห์เปรียบเทียบภาระงานของครูในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา จำแนกตาม เพศ ช่วงอายุ วุฒิการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ และตำแหน่งวิทยฐานะ กลุ่มตัวอย่าง คือ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุรี จำนวน 192 คน และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นเทียบสัดส่วนตามโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.88 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว หากพบความแตกต่างจะทดสอบความแตกต่างรายคู่โดยใช้วิธีการเชฟเฟ่ ผลการวิจัย พบว่า 1) ภาระงานของครูผู้สอนในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับค่าค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านงานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ ด้านชั่วโมงสอนตามตารางสอน ด้านงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา และด้านงานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น ตามลำดับ และ 2) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบภาระงานของครูในกลุ่มสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษาสูงสุด และจำแนกตามวิทยฐานะ ทั้งในภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน แต่ในภาพรวมและรายด้าน เมื่อจำแนกตามช่วงอายุและกลุ่มสาระการเรียนรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> 2025-04-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 เกวลี รัมมะพัฒน์, สุมิตร สุวรรณ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/280581 ประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 2025-01-28T21:22:07+07:00 ณัฐวดี โพธิ์สุวรรณ nuttawadee.pho@ku.th สุมิตร สุวรรณ sumit.s@ku.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 และ 2) เปรียบเทียบประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 จำนวน 83 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครซี่และมอร์แกน สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นตามขนาดโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.95 สถิติที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และวิเคราะห์ความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธีเชฟเฟ่ ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 จำแนกตามเพศ ช่วงอายุ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน และจำแนกตามรายวิชาที่สอนตรงตามสาขาวิชาที่เรียนจบ ในภาพรวมไม่แตกต่างกัน แต่เมื่อวิเคราะห์จำแนกตามวิทยฐานะในภาพรวมและด้านรูปแบบการสอนที่หลากหลายมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p> 2025-04-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 ณัฐวดี โพธิ์สุวรรณ, สุมิตร สุวรรณ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/278975 ทัศนคติในการเลือกซื้อ การบอกต่อ และความพึงพอใจของลูกค้า มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารตามสั่งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 2024-11-24T13:31:54+07:00 วรวลัญช์ มงคลนันท์ธนิน worawaral5151@hotmail.com กนกอร บุญมาเกิด boonmakerd2559@gmail.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยทัศนคติในการเลือกซื้อ การบอกต่อ และความพึงพอใจของลูกค้ามีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารตามสั่งของผู้บริโภคในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริโภคในพื้นที่อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ซื้ออาหารตามสั่ง จำนวน 385 ตัวอย่าง โดยใช้วิธีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นและแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็น การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยทัศนคติในการเลือกซื้อ การบอกต่อ และความพึงพอใจของลูกค้ามีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารตามสั่งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ระหว่าง .530 - .644 มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (R) เท่ากับ .685 และมีค่าสัมประสิทธิ์การพยากรณ์ (R<sup>2</sup>) มีอำนาจในการพยากรณ์รวมเท่ากับร้อยละ 47.00</p> 2025-04-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วรวลัญช์ มงคลนันท์ธนิน, กนกอร บุญมาเกิด https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/279037 ทักษะในการทำงานข้ามวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมในการทำงานข้ามวัฒนธรรม ที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ 2025-04-04T10:23:00+07:00 วศิน โหรี wasin_h@mail.rmutt.ac.th สุรพร อ่อนพุทธา suraporn_o@rmutt.ac.th <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ 2) เพื่อศึกษาทักษะในการทำงานข้ามวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ และ 3) เพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ พนักงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ จำนวน 400 คน และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณาใช้สถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ความถี่ ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงอนุมานใช้สถิติ ได้แก่ การวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างตัวแปรที่มี 2 กลุ่ม การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลด้านเพศ อายุ อายุการทำงาน รายได้ และสัญชาติที่แตกต่างกันส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติแตกต่างกัน นอกจากนี้ ทักษะในการทำงานข้ามวัฒนธรรมได้แก่ ทักษะการปฏิบัติงาน ทักษะความรู้ความเข้าใจทางวัฒนธรรม และทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่างวัฒนธรรม ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ สุดท้ายนี้ สภาพแวดล้อมในการทำงานข้ามวัฒนธรรม ได้แก่ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน นโยบายองค์กร สวัสดิการ และวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นความหลากหลายแตกต่างกัน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .05</p> 2025-04-07T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วศิน โหรี, สุรพร อ่อนพุทธา https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/280898 ผลกระทบของนวัตกรรมการจัดการและบุพปัจจัยต่อการรับรู้ผลการดำเนินงาน ของกรมสรรพากรในประเทศไทย 2025-01-28T10:07:36+07:00 ทิษฏยา สงสวาสดิ์ pppna@hotmail.com ประยงค์ มีใจซื่อ p.meechaisue@gmail.com นรพล จินันท์เดช norapol9@yahoo.com <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของนวัตกรรมการจัดการและบุพปัจจัยต่อการรับรู้ผลการดำเนินงานของกรมสรรพากรในประเทศไทย โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสาน ข้อมูลเชิงคุณภาพถูกรวบรวมผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 9 ราย ขณะที่ข้อมูลเชิงปริมาณได้จากแบบสอบถามที่แจกจ่ายให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากรจำนวน 500 ราย การวิเคราะห์ข้อมูลดำเนินการโดยใช้การสร้างแบบจำลองสมการโครงสร้างด้วยซอฟต์แวร์วิเคราะห์ทางสถิติ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า วัฒนธรรมองค์การมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อการเรียนรู้ในองค์การ นวัตกรรมการจัดการ และการรับรู้ถึงผลการดำเนินงานของกรมสรรพากรในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมองค์การไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการรับรู้ผลการดำเนินงาน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์เส้นทางสูงสุดที่ 0.753 และค่า R² ที่ 0.767 ซึ่งบ่งชี้ว่าตัวแปรทั้งหมดสามารถอธิบายความแปรปรวนของผลการดำเนินงานได้ถึงร้อยละ 77.00 ผลการศึกษานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมให้องค์การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ผ่านการพัฒนาทักษะและการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบร่วมมือ นอกจากนี้ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและผลการดำเนินงานยังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในยุคดิจิทัล ข้อค้นพบเหล่านี้สามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐานในการวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาการดำเนินงานขององค์การ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการและปรับปรุงคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง</p> 2025-04-11T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 ทิษฏยา สงสวาสดิ์, ประยงค์ มีใจซื่อ, นรพล จินันท์เดช https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/278281 อิทธิพลของคุณภาพชีวิตในการทำงาน สมดุลชีวิตกับการทำงานที่มีต่อความสุข ในการทำงานหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19) 2024-10-12T10:39:33+07:00 ศกุนณชีพ ภู่ระหงษ์ 63920053@go.buu.ac.th วรรณวิชนี ถนอมชาติ wanvice@buu.ac.th อารีรัตน์ ลีฬหะพันธุ์ areerat.le@buu.ac.th <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) คุณภาพชีวิตในการทำงานที่มีอิทธิพลต่อความสุขในการทำงาน 2) คุณภาพชีวิตในการทำงานที่มีอิทธิพลต่อความสมดุลชีวิตกับการทำงาน 3) ความสมดุลชีวิตกับการทำงานที่มีอิทธิพลต่อความสุขในการทำงาน และ 4) อิทธิพลคั่นกลางของความสมดุลชีวิตกับการทำงานที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตในการทำงานกับความสุขในการทำงานภายหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 387 คน สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณด้วยวิธีกำลังสองน้อยสุด และการทดสอบโซเบล ผลการวิจัย พบว่า 1) คุณภาพชีวิตในการทำงานมีอิทธิพลทางบวกต่อความสุขในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2) คุณภาพชีวิตในการทำงานมีอิทธิพลทางบวกต่อความสมดุลชีวิตกับการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ความสมดุลชีวิตกับการทำงานมีอิทธิพลต่อความสุขในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) ความสมดุลชีวิตกับการทำงานอิทธิพลคั่นกลางเพียงบางส่วนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p> 2025-04-20T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 ศกุนณชีพ ภู่ระหงษ์, วรรณวิชนี ถนอมชาติ, อารีรัตน์ ลีฬหะพันธุ์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/278143 การบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์กับการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน อย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการในประเทศไทย 2024-11-11T08:42:04+07:00 กัญฐณา ดิษฐ์แก้ว dr.noon@rmutl.ac.th อโนทัย พลภาณุมาศ anothaipol@gmail.com <p>การบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์เป็นกระบวนการที่สำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาดโลก บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืนในบริบทของผู้ประกอบการไทย แนวคิดสำคัญที่กล่าวถึงประกอบด้วย การใช้เครื่องมือการบริหารต้นทุน เช่น การคำนวณต้นทุนตามกิจกรรม การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า และการจัดการต้นทุนตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ นอกจากนี้ บทความยังได้วิเคราะห์ตัวอย่างกรณีศึกษาของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ และทำให้ผู้ประกอบการสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความสรุปว่าการบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน</p> 2025-01-27T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 กัญฐณา ดิษฐ์แก้ว, อโนทัย พลภาณุมาศ