วารสารเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj
<p>วารสารมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการบริหารงานร่วมกันระหว่างสถาบัน ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในรูปแบบการจัดประชุมวิชาการ เผยแพร่ผลงานในวารสารวิชาการ การเพิ่มศักยภาพนักวิจัยให้มีความรู้ความเข้าใจในบริบทที่มีการปรับเปลี่ยนตามกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ รวมถึงการร่วมมือกันสร้างผลงานวิจัยเพื่อนำองค์ความรู้สู่ชุมชน สังคมและประเทศชาติให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน</p>
สมาคมเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
th-TH
วารสารเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
3056-9907
<p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ ผู้เขียน</p> <p>ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์จะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ</p>
-
การวิเคราะห์ภาระงานของครูในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุรี
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/280500
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภาระงานของครูในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา และ 2) วิเคราะห์เปรียบเทียบภาระงานของครูในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา จำแนกตาม เพศ ช่วงอายุ วุฒิการศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ และตำแหน่งวิทยฐานะ กลุ่มตัวอย่าง คือ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุพรรณบุรี จำนวน 192 คน และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นเทียบสัดส่วนตามโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.88 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว หากพบความแตกต่างจะทดสอบความแตกต่างรายคู่โดยใช้วิธีการเชฟเฟ่ ผลการวิจัย พบว่า 1) ภาระงานของครูผู้สอนในกลุ่มโรงเรียนสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงลำดับค่าค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านงานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ ด้านชั่วโมงสอนตามตารางสอน ด้านงานพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา และด้านงานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น ตามลำดับ และ 2) ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบภาระงานของครูในกลุ่มสหวิทยาเขตสุพรรณกัลยา จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษาสูงสุด และจำแนกตามวิทยฐานะ ทั้งในภาพรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน แต่ในภาพรวมและรายด้าน เมื่อจำแนกตามช่วงอายุและกลุ่มสาระการเรียนรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>
เกวลี รัมมะพัฒน์
สุมิตร สุวรรณ
Copyright (c) 2025 เกวลี รัมมะพัฒน์, สุมิตร สุวรรณ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-07
2025-04-07
8 1
19
34
-
ประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/280581
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 และ 2) เปรียบเทียบประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง จำแนกตามสถานภาพส่วนบุคคล เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 จำนวน 83 คน กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครซี่และมอร์แกน สุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นตามขนาดโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.95 สถิติที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และวิเคราะห์ความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธีเชฟเฟ่ ผลการวิจัยพบว่า 1) ประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) ผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการสอนของครูในโรงเรียนกลุ่มสระยายโสมอู่ทอง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 จำแนกตามเพศ ช่วงอายุ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์ในการทำงาน และจำแนกตามรายวิชาที่สอนตรงตามสาขาวิชาที่เรียนจบ ในภาพรวมไม่แตกต่างกัน แต่เมื่อวิเคราะห์จำแนกตามวิทยฐานะในภาพรวมและด้านรูปแบบการสอนที่หลากหลายมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>
ณัฐวดี โพธิ์สุวรรณ
สุมิตร สุวรรณ
Copyright (c) 2025 ณัฐวดี โพธิ์สุวรรณ, สุมิตร สุวรรณ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-07
2025-04-07
8 1
35
53
-
ทัศนคติในการเลือกซื้อ การบอกต่อ และความพึงพอใจของลูกค้า มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารตามสั่งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/278975
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยทัศนคติในการเลือกซื้อ การบอกต่อ และความพึงพอใจของลูกค้ามีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารตามสั่งของผู้บริโภคในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้บริโภคในพื้นที่อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ซื้ออาหารตามสั่ง จำนวน 385 ตัวอย่าง โดยใช้วิธีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้นและแบบบังเอิญ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็น การวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยทัศนคติในการเลือกซื้อ การบอกต่อ และความพึงพอใจของลูกค้ามีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารตามสั่งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ระหว่าง .530 - .644 มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ (R) เท่ากับ .685 และมีค่าสัมประสิทธิ์การพยากรณ์ (R<sup>2</sup>) มีอำนาจในการพยากรณ์รวมเท่ากับร้อยละ 47.00</p>
วรวลัญช์ มงคลนันท์ธนิน
กนกอร บุญมาเกิด
Copyright (c) 2025 วรวลัญช์ มงคลนันท์ธนิน, กนกอร บุญมาเกิด
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-07
2025-04-07
8 1
54
70
-
ทักษะในการทำงานข้ามวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมในการทำงานข้ามวัฒนธรรม ที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/279037
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ 2) เพื่อศึกษาทักษะในการทำงานข้ามวัฒนธรรมที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ และ 3) เพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ พนักงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ จำนวน 400 คน และใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณาใช้สถิติ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ความถี่ ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงอนุมานใช้สถิติ ได้แก่ การวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างตัวแปรที่มี 2 กลุ่ม การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยส่วนบุคคลด้านเพศ อายุ อายุการทำงาน รายได้ และสัญชาติที่แตกต่างกันส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติแตกต่างกัน นอกจากนี้ ทักษะในการทำงานข้ามวัฒนธรรมได้แก่ ทักษะการปฏิบัติงาน ทักษะความรู้ความเข้าใจทางวัฒนธรรม และทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต่างวัฒนธรรม ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติ สุดท้ายนี้ สภาพแวดล้อมในการทำงานข้ามวัฒนธรรม ได้แก่ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน นโยบายองค์กร สวัสดิการ และวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นความหลากหลายแตกต่างกัน ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานข้ามวัฒนธรรมของพนักงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้างข้ามชาติที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ .05</p>
วศิน โหรี
สุรพร อ่อนพุทธา
Copyright (c) 2025 วศิน โหรี, สุรพร อ่อนพุทธา
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-07
2025-04-07
8 1
71
89
-
ผลกระทบของนวัตกรรมการจัดการและบุพปัจจัยต่อการรับรู้ผลการดำเนินงาน ของกรมสรรพากรในประเทศไทย
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/280898
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของนวัตกรรมการจัดการและบุพปัจจัยต่อการรับรู้ผลการดำเนินงานของกรมสรรพากรในประเทศไทย โดยใช้การวิจัยแบบผสมผสาน ข้อมูลเชิงคุณภาพถูกรวบรวมผ่านการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญ 9 ราย ขณะที่ข้อมูลเชิงปริมาณได้จากแบบสอบถามที่แจกจ่ายให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกรมสรรพากรจำนวน 500 ราย การวิเคราะห์ข้อมูลดำเนินการโดยใช้การสร้างแบบจำลองสมการโครงสร้างด้วยซอฟต์แวร์วิเคราะห์ทางสถิติ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า วัฒนธรรมองค์การมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญต่อการเรียนรู้ในองค์การ นวัตกรรมการจัดการ และการรับรู้ถึงผลการดำเนินงานของกรมสรรพากรในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมองค์การไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการรับรู้ผลการดำเนินงาน โดยมีค่าสัมประสิทธิ์เส้นทางสูงสุดที่ 0.753 และค่า R² ที่ 0.767 ซึ่งบ่งชี้ว่าตัวแปรทั้งหมดสามารถอธิบายความแปรปรวนของผลการดำเนินงานได้ถึงร้อยละ 77.00 ผลการศึกษานี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการส่งเสริมให้องค์การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ผ่านการพัฒนาทักษะและการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้แบบร่วมมือ นอกจากนี้ การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและผลการดำเนินงานยังเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในยุคดิจิทัล ข้อค้นพบเหล่านี้สามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐานในการวางแผนกลยุทธ์และพัฒนาการดำเนินงานขององค์การ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการและปรับปรุงคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง</p>
ทิษฏยา สงสวาสดิ์
ประยงค์ มีใจซื่อ
นรพล จินันท์เดช
Copyright (c) 2025 ทิษฏยา สงสวาสดิ์, ประยงค์ มีใจซื่อ, นรพล จินันท์เดช
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-11
2025-04-11
8 1
90
113
-
อิทธิพลของคุณภาพชีวิตในการทำงาน สมดุลชีวิตกับการทำงานที่มีต่อความสุข ในการทำงานหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (Covid-19)
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/278281
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) คุณภาพชีวิตในการทำงานที่มีอิทธิพลต่อความสุขในการทำงาน 2) คุณภาพชีวิตในการทำงานที่มีอิทธิพลต่อความสมดุลชีวิตกับการทำงาน 3) ความสมดุลชีวิตกับการทำงานที่มีอิทธิพลต่อความสุขในการทำงาน และ 4) อิทธิพลคั่นกลางของความสมดุลชีวิตกับการทำงานที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างคุณภาพชีวิตในการทำงานกับความสุขในการทำงานภายหลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ของพนักงานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 387 คน สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การถดถอยเชิงเส้นแบบพหุคูณด้วยวิธีกำลังสองน้อยสุด และการทดสอบโซเบล ผลการวิจัย พบว่า 1) คุณภาพชีวิตในการทำงานมีอิทธิพลทางบวกต่อความสุขในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2) คุณภาพชีวิตในการทำงานมีอิทธิพลทางบวกต่อความสมดุลชีวิตกับการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3) ความสมดุลชีวิตกับการทำงานมีอิทธิพลต่อความสุขในการทำงานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 4) ความสมดุลชีวิตกับการทำงานอิทธิพลคั่นกลางเพียงบางส่วนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01</p>
ศกุนณชีพ ภู่ระหงษ์
วรรณวิชนี ถนอมชาติ
อารีรัตน์ ลีฬหะพันธุ์
Copyright (c) 2025 ศกุนณชีพ ภู่ระหงษ์, วรรณวิชนี ถนอมชาติ, อารีรัตน์ ลีฬหะพันธุ์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-04-20
2025-04-20
8 1
114
129
-
การบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์กับการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน อย่างยั่งยืนของผู้ประกอบการในประเทศไทย
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/278143
<p>การบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์เป็นกระบวนการที่สำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในตลาดโลก บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาวิธีการบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืนในบริบทของผู้ประกอบการไทย แนวคิดสำคัญที่กล่าวถึงประกอบด้วย การใช้เครื่องมือการบริหารต้นทุน เช่น การคำนวณต้นทุนตามกิจกรรม การวิเคราะห์ห่วงโซ่คุณค่า และการจัดการต้นทุนตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ นอกจากนี้ บทความยังได้วิเคราะห์ตัวอย่างกรณีศึกษาของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าการบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ และทำให้ผู้ประกอบการสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความสรุปว่าการบริหารต้นทุนเชิงกลยุทธ์เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน</p>
กัญฐณา ดิษฐ์แก้ว
อโนทัย พลภาณุมาศ
Copyright (c) 2025 กัญฐณา ดิษฐ์แก้ว, อโนทัย พลภาณุมาศ
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-01-27
2025-01-27
8 1
1
18