วารสารเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj <p>วารสารมีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการการบริหารงานร่วมกันระหว่างสถาบัน ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในรูปแบบการจัดประชุมวิชาการ เผยแพร่ผลงานในวารสารวิชาการ การเพิ่มศักยภาพนักวิจัยให้มีความรู้ความเข้าใจในบริบทที่มีการปรับเปลี่ยนตามกระแสการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาเพื่อสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการ รวมถึงการร่วมมือกันสร้างผลงานวิจัยเพื่อนำองค์ความรู้สู่ชุมชน สังคมและประเทศชาติให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ ผู้เขียน</p> <p>ทัศนะและความคิดเห็นที่ปรากฏในบทความในวารสารเครือข่ายส่งเสริมการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์จะถือเป็นความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความนั้น และไม่ถือเป็นทัศนะและความรับผิดชอบของกองบรรณาธิการ</p> hsrnj.journal@gmail.com (ดร.กฤษดา เชียรวัฒนสุข) nhat.jui@gmail.com (ดร.ณัฐปภัสษ์ จุ้ยเจริญ) Tue, 23 Apr 2024 22:34:42 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การวิเคราะห์บรรณานุกรมและการแสดงภาพของ สมรรถนะและบุคลากรในงานภาพยนตร์ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/267846 <p>บทความนี้เป็นการรวบรวมบทความและหนังสือจำนวน 61 ข้อมูลที่กล่าวถึงสมถรรถนะ ทักษะ พฤติกรรม และจริยธรรมสื่อที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรในงานภาพยนตร์เป็นหลัก ส่วนรองลงมาคืออุตสาหกรรมของภาพยนตร์ โดยเริ่มศึกษาจากฐานข้อมูล Elsevier ที่ผ่านมาตรฐานของ Scopus ทั้งหมดพบว่าข้อมูลแรกเริ่มกล่าวถึงความเป็นมืออาชีพในงานสื่อภาพและเสียงในปี พ.ศ. 2496 แล้วเริ่มมีการกล่าวถึงอย่างแพร่หลายและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในปี พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2565 จากใช้ VOSviewer การวิเคราะห์บรรณานุกรมและการแสดงภาพด้วยข้อมูลทั้งหมด พบว่า สมรรถนะและบุคลากรในงานภาพยนตร์มีช่องว่างของความรู้ที่สำคัญที่ยังไม่ค้นพบถึงความเกี่ยวข้องกัน รวมทั้งจุดสังเกตทั้งประสบการณ์ ความเป็นมืออาชีพ จริยธรรม และความท้าทาย ก็มีช่องว่างของความรู้กับสมรรถนะด้วยเช่นกัน</p> สุกกัญญา บูรณเดชาชัย, ขจรศักดิ์ กั้นใช้, ชนาภรณ์ ปัญญาการผล Copyright (c) 2024 สุกกัญญา บูรณเดชาชัย, ขจรศักดิ์ กั้นใช้, ชนาภรณ์ ปัญญาการผล https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/267846 Mon, 29 Apr 2024 00:00:00 +0700 ปรับบุคลิกเปลี่ยนเส้นทางสู่ความสำเร็จ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/273234 <p>หนังสือปรับบุคลิกเปลี่ยนเส้นทางสู่ความสำเร็จ เป็นหนังสือที่ผู้เขียนเรียบเรียงขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางการศึกษาสำหรับการพัฒนาบุคลิกภาพ เหมาะสมสำหรับผู้อ่านตั้งแต่วัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา จนถึงวัยผู้ใหญ่ รวมถึงบุคคลวัยทำงาน เพื่อให้ได้ทำความรู้จักกับคำว่า บุคลิกภาพ ซึ่งถือเป็นเรื่องใกล้ตัวและควรค่าแก่การติดตาม เริ่มต้นตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงจากภายในด้วยการสร้างเสริมบุคลิกทางกายภาพด้วยตนเอง เพื่อที่จะสามารถรับมือได้กับทุกสถานการณ์ในการเข้าสังคม เพื่อเสริมสร้างความประทับใจให้กับคู่สนทนา และเพื่อเปลี่ยนเส้นทางสู่ความสำเร็จ โดยเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้ต้องการนำเสนอว่าบุคลิกภาพที่น่ามองไม่ได้ขึ้นอยู่กับการมีหน้าตาที่ดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สามารถทำการขัดเกลา สร้างเสริมเติมแต่ง และทำการฝึกหัดให้มีเอกลักษณ์อันเป็นที่ น่าจดจำในแบบฉบับของตนเอง ทั้งบุคลิกภาพจากภายใน (Internal Personality) และบุคลิกภาพจากภายนอก (External Personality)</p> ปวริศ อนุสรณ์พานิช Copyright (c) 2024 ปวริศ อนุสรณ์พานิช https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/273234 Mon, 29 Apr 2024 00:00:00 +0700 “ทำไมคนไทยถึงต้องช่วยกันเอง” การเป็นอาสาสมัครภาคประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019: กรณีศึกษากลุ่มเส้นด้าย https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/269401 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยคือ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาการเป็นอาสาสมัครภาคของภาคประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกลุ่มเส้นด้าย และ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาการเป็นอาสาสมัครของภาคประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อที่อาจจะเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันในอนาคต การศึกษานี้เป็นการวิจัยแบบกรณีศึกษาการวิจัยเชิงคุณภาพ แบบกรณีศึกษา โดยใช้เทคนิควิธีการสังเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ และการทำสัมภาษณ์เชิงลึก เพื่อยืนยันข้อมูล เอกสารทุติยภูมิอยู่ในรูปของเอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ ข่าว บทสัมภาษณ์ของสื่อมวลชน ฯลฯ จำนวน 24 รายการ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วยวิธีการตรวจสอบแบบสามเส้าโดยวิธีการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการวิเคราะห์แก่นสาระ และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยแสดงสภาพปัญหาของการเป็นอาสาสมัครภาคของภาคประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกลุ่มเส้นด้ายที่มาจากสภาวการณ์และเงื่อนไขในด้านนโยบายของรัฐ สภาพแวดล้อมภายนอกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานและแรงจูงใจ ซึ่งเป็นเงื่อนไขเชิงลบ แนวทางการพัฒนาการเป็นอาสาสมัครของภาคประชาชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกรณีศึกษา ได้แก่ พัฒนาระบบ Primary Care อาสาสมัครรูปแบบใหม่ และการเสริมสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงานอาสาสมัคร</p> สุวิดา นวมเจริญ Copyright (c) 2024 สุวิดา นวมเจริญ https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/269401 Tue, 23 Apr 2024 00:00:00 +0700 กลยุทธ์การจัดการทรัพยากรมนุษย์แบบคล่องตัว: ปัจจัยการเห็นคุณค่าการทำงาน การเน้นเป้าหมาย และการสื่อสารแบบเครือข่าย https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/268938 <p>การจัดการองค์กรเพื่อให้มีความคล่องตัวสำหรับธุรกิจเป็นแนวทางหนึ่งที่พัฒนามาจากการเป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญหนึ่งคือการจัดการแรงงานเชิงกลยุทธ์ให้มีความคล่องตัวอันประกอบด้วยการเน้นค่าของงาน การมุ่งเป้าหมายและการสื่อสารแบบเครือข่าย ด้วยปัญหาของธุรกิจขนาดเล็กและกลางในด้านทรัพยากร รวมทั้งยังเป็นธุรกิจที่เน้นการใช้แรงงานเป็นหลักส่งผลให้การจัดการเพื่อพัฒนาให้แรงงานมีความคล่องตัว ในการปรับตัวการทำงานอย่างว่องไวภายใต้การเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ งานศึกษานี้ใช้ตัวแทนผู้บริหารจากธุรกิจ SME’s ของไทยมาเป็นตัวแทนจำนวน 250 ราย เพื่อทดสอบกับตัวแบบสมการโครงสร้างที่สังเคราะห์จากวรรณกรรม ผลการวิเคราะห์พบว่า ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคในการที่จะสร้างความคล่องตัวให้แรงงาน คือ การสื่อสารแบบเครือข่ายที่ยังไม่ตอบสนองต่อแนวทางการจัดการทรัพยากรมนุษย์แบบคล่องตัว ส่วนปัจจัยการเห็นคุณค่าการทำงานนั้นยังมีอิทธิพลรวมเชิงบวกต่อปัจจัยผลลัพธ์ คือ พนักงานที่มีความคล่องตัว ในระดับต่ำคือค่าสัมประสิทธิ์สัมพันธ์เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น</p> ชรัณ เลิศธีรพจน์, ระพีพรรณ พิริยะกุล, นรพล จินันท์เดช Copyright (c) 2024 ชรัณ เลิศธีรพจน์, ระพีพรรณ พิริยะกุล, นรพล จินันท์เดช https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/268938 Tue, 23 Apr 2024 00:00:00 +0700 ความเกี่ยวข้องของข้อมูลทางบัญชีในการกำหนดมูลค่าหลักทรัพย์ ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 หลักฐานจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/270675 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเกี่ยวข้องของข้อมูลทางบัญชีในการกำหนดมูลค่าหลักทรัพย์และเปรียบเทียบความเกี่ยวข้องในการกำหนดมูลค่าหลักทรัพย์ช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดและระหว่างการแพร่ระบาดของ COVID-19 ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาคือ ข้อมูลรายปีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 254 บริษัท จำนวน 6 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2560 – 2565 ใช้สมการถดถอยพหุคูณสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล โดยวิเคราะห์ด้วยช่วงเวลารวม รวมทั้งแบ่งช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดฯ (พ.ศ. 2560 – 2562) และช่วงเวลาระหว่างการแพร่ระบาดฯ (พ.ศ. 2563 – 2565) ผลการวิจัยพบว่า กำไรต่อหุ้นและกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานต่อหุ้น มีความเกี่ยวข้องเชิงบวกต่อราคาหลักทรัพย์ที่วิเคราะห์ด้วยช่วงเวลารวม โดยที่กำไรต่อหุ้นมีความเกี่ยวข้องในการกำหนดมูลค่าหลักทรัพย์สูงกว่ากระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานต่อหุ้น แต่ในช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดฯ กำไรต่อหุ้นมีความเกี่ยวข้องเชิงบวก ในขณะที่มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นมีความเกี่ยวข้องเชิงลบต่อราคาหลักทรัพย์ สำหรับช่วงเวลาระหว่างการแพร่ระบาดฯ ทั้งกำไรต่อหุ้น มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น และกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานต่อหุ้นมีความเกี่ยวข้องในการกำหนดมูลค่าหลักทรัพย์ แต่มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นมีความเกี่ยวข้องเชิงลบ โดยที่กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานต่อหุ้นมีความเกี่ยวข้องในการกำหนดมูลค่าหลักทรัพย์มากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดฯ สำหรับสินทรัพย์ไม่มีตัวตนต่อหุ้นไม่มีความเกี่ยวข้องในการกำหนดมูลค่าหลักทรัพย์ไม่ว่าจะวิเคราะห์ด้วยช่วงเวลารวมและการแบ่งช่วงเวลาการวิเคราะห์ทั้ง 2 ช่วง</p> พิเชษฐ์ สิทธิโชคสกุลชัย, สุวิทย์ ไวยทิพย์, พัทรียา เห็นกลาง Copyright (c) 2024 พิเชษฐ์ สิทธิโชคสกุลชัย, สุวิทย์ ไวยทิพย์, พัทรียา เห็นกลาง https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/270675 Tue, 23 Apr 2024 00:00:00 +0700 ผลกระทบของคุณภาพชีวิตการทำงานและบุพปัจจัยต่อความผูกพันกับองค์การ ของบุคลากรในเครือโรงพยาบาลมหาชนแห่งหนึ่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/270713 <p>การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาผลกระทบของภาระงานต่อความเครียดจากการทำงานและความพึงพอใจในงาน 2) เพื่อศึกษาผลกระทบของความเครียดจากการทำงานต่อความพึงพอใจในงานและคุณภาพชีวิตการทำงาน 3) เพื่อศึกษาผลกระทบของความพึงพอใจในงานต่อคุณภาพชีวิตการทำงาน 4) เพื่อศึกษาผลกระทบของความพึงพอใจในงานต่อความผูกพันองค์การ และ 5) เพื่อศึกษาผลกระทบของคุณภาพชีวิตการทำงานต่อความผูกพันองค์การ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหารและบุคลากรในเครือโรงพยาบาลมหาชนแห่งหนึ่งจำนวน 437 ตัวอย่าง เครื่องมือในการเก็บข้อมูลคือ แบบสอบถาม ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสม ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์ตัวแบบจำลองสมการโครงสร้างด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์ ผลการวิจัยพบว่า ภาระงานส่งผลกระทบเชิงบวกต่อความเครียดจากการทำงาน (Gamma = - 0.913, t-statistics = - 5.621) และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อความพึงพอใจในงาน (Gamma = - 0.260, t-statistics = - 1.017) ความเครียดจากการทำงานส่งผลกระทบเชิงลบต่อความพึงพอใจในงาน (Beta = 0.529, t-statistics = 2.141) และคุณภาพชีวิตการทำงาน (Beta = 0.427, t-statistics = 2.741) ความพึงพอใจในงานส่งผลกระทบเชิงลบต่อคุณภาพชีวิตการทำงาน (Beta = 0.257, t-statistics = 1.500) และส่งผลกระทบเชิงบวกต่อความผูกพันกับองค์การ (Beta = 0.237, t-statistics = 2.723) คุณภาพชีวิตการทำงานส่งผลกระทบเชิงบวกกับความผูกพันองค์การ (Beta = 0.427, t-statistics = 5.070)</p> ณมน ทรัพย์บุญญาโชติ, ประยงค์ มีใจซื่อ, นรพล จินันท์เดช Copyright (c) 2024 Namon Sapboonyachot, Prayong Meechaisue, Norapol Chinundech https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/270713 Tue, 23 Apr 2024 00:00:00 +0700 ผลกระทบของความสามารถในการแข่งขันและบุพปัจจัยต่อการรับรู้ ผลการดำเนินการองค์การในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าไทย https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/269868 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ผลกระทบของการมุ่งเน้นความเป็นผู้ประกอบการต่อทีมที่ทรงพลัง การมุ่งเน้นนวัตกรรม ความสามารถในการแข่งขัน และการรับรู้ผลการดำเนินการองค์การ 2) ผลกระทบของทีมที่ทรงพลังต่อการมุ่งเน้นนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขัน 3) ผลกระทบของการมุ่งเน้นนวัตกรรมต่อความสามารถในการแข่งขันและการรับรู้ผลการดำเนินการองค์การ และ 4) ผลกระทบของความสามารถในการแข่งขันต่อการรับรู้ผลการดำเนินการองค์การในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าไทย รวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์จากพนักงานระดับผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ และหัวหน้างานในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าไทย จำนวน 9 ราย ข้อมูลเชิงปริมาณรวบรวมจากพนักงานระดับปฏิบัติการ ในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าไทย จำนวน 539 คน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยแบบจำลองสมการโครงสร้าง ผลการศึกษาพบว่า การมุ่งเน้นความเป็นผู้ประกอบการส่งผลกระทบเชิงบวกต่อทีมที่ทรงพลังและต่อการมุ่งเน้นนวัตกรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่ไม่ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันและการรับรู้ผลการดำเนินการองค์การ ทีมที่ทรงพลังส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการมุ่งเน้นนวัตกรรมและต่อความสามารถในการแข่งขัน การมุ่งเน้นนวัตกรรมส่งผลกระทบเชิงบวกต่อความสามารถในการแข่งขันและการรับรู้ผลการดำเนินการองค์การ ความสามารถในการแข่งขันส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการรับรู้ผลการดำเนินการองค์การตามลำดับ ซึ่งผู้บริหารในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์สามารถนำผลการวิจัยนี้ไปประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสมเพื่อยกระดับคุณภาพผลงานให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป</p> พรสิทธิ์ สุริยาวุฒิธรรม, ประยงค์ มีใจซื่อ, นรพล จินันท์เดช Copyright (c) 2024 พรสิทธิ์ สุริยาวุฒิธรรม, ประยงค์ มีใจซื่อ, นรพล จินันท์เดช https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/269868 Tue, 23 Apr 2024 00:00:00 +0700 บุพปัจจัยเชิงสาเหตุของความผูกพันในงานของแพทย์ที่มีความสามารถโดดเด่น ของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยท่ามกลางการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/269832 <p>การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ผลกระทบของแรงจูงใจในการปฏิบัติงานต่อความสมดุลของการปฏิบัติงานและชีวิตส่วนตัว ต่อความพึงพอใจในงาน และต่อความผูกพันในงาน 2) ผลกระทบของความสมดุลของการปฏิบัติงานและชีวิตส่วนตัว ต่อความพึงพอใจในงาน และต่อความผูกพันในงาน และ 3) ผลกระทบของความพึงพอใจในงาน ต่อความผูกพันในงาน ระเบียบวิธีวิจัย เป็นแบบผสมเชิงคุณภาพที่และเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างคือ แพทย์ที่มีความสามารถโดดเด่นของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย โดยการสัมภาษณ์เชิงลึก 14 คน ตอบแบบสอบถาม 438 คน ผลการศึกษาพบว่า แรงจูงใจในการปฏิบัติงานมีผลกระทบเชิงบวกต่อความผูกพันในงาน ความพึงพอใจในงานมีผลกระทบเชิงบวกต่อความผูกพันในงาน ความสมดุลของชีวิตและการปฏิบัติงานไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความผูกพันในงาน คุณค่างานวิจัยนี้ ผู้บริหารระดับสูงควรให้ความสำคัญด้านแรงจูงใจในการปฏิบัติงาน และความพึงพอใจในงาน โดยควรรับฟังความคิดเห็นของแพทย์ รวมทั้งสนับสนุนวัฒนธรรมองค์การในด้านการปฏิบัติต่อผู้ป่วยด้วยความเข้าใจในความรู้สึก การดูแลค่าตอบแทนทางการเงินที่เหมาะสม เพื่อทำให้เกิดผูกพันในงานของแพทย์ที่มีความสามารถโดดเด่นของโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทย เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน</p> สุวรรณา ศรวณีย์, ประยงค์ มีใจซื่อ, นรพล จินันท์เดช Copyright (c) 2024 สุวรรณา ศรวณีย์, ประยงค์ มีใจซื่อ, นรพล จินันท์เดช https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/269832 Fri, 26 Apr 2024 00:00:00 +0700 การวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัท ABC จำกัด (มหาชน) https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/268671 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการวิเคราะห์ หลักทรัพย์ของบริษัท ABC จำกัด (มหาชน) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่มีผลต่อมูลค่าหลักทรัพย์ ABC เพื่อนำตัวแปรที่มีความสัมพันธ์มาใช้ในการคาดการณ์ผลการดำเนินงาน ฐานะการเงินและอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2566-2570 โดยมีตัวแปรที่มีความสัมพันธ์ ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SETIndex) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งใช้ข้อมูลแบบทุติยภูมิ (Secondary Data) รายไตรมาสตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี พ.ศ. 2556 ถึงไตรมาสที่ 4 ปี พ.ศ. 2565 โดยใช้วิธีการสร้างสมการถดถอยพหุคูณ (Multiple Linear Regression) ด้วยวิธีกำลังสองน้อยที่สุด (Ordinary Least Square: OLS)</p> <p>จากการศึกษาพบว่าปัจจัยที่ผลต่อรายได้ของบริษัท ABC จำกัด (มหาชน) ที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ได้แก่ ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มีทิศทางความสัมพันธ์เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ส่วน ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI Index) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายใหญ่ชั้นดี (MLR) ไม่ได้ส่งผลต่อรายได้ของบริษัทฯ และจากการประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัทฯ 2 วิธี พบว่าวิธีแรก การคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow: DCF) โดยการใช้กระแสเงินสดอิสระของกิจการ (Free Cash Flow to the Firm: FCFF) และวิธีที่สอง การประเมินด้วยวิธี Multiple Comparable พบว่า ได้ผลที่แตกต่างกัน โดยวิธีแรก การคิดลดกระแสเงินสด โดยการใช้กระแสเงินสดของกิจการ พบว่ามูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัท ABC มีค่า 13.18 บาทต่อหุ้น</p> เฉลิมพงษ์ อัครเศรษฐการ, นงนภัส แก้วพลอย Copyright (c) 2024 เฉลิมพงษ์ อัครเศรษฐการ, นงนภัส แก้วพลอย https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsrnj/article/view/268671 Tue, 30 Apr 2024 00:00:00 +0700