วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsudru
<p>วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อยู่ในฐานข้อมูล TCI กลุ่มที่ 2<br>มีวัตถุประสงค์เพื่อพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิชาการทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ <br>กำหนดจัดพิมพ์ออกเผยแพร่ ปีละ 2 ฉบับ (มกราคม-มิถุนายน และ กรกฎาคม-ธันวาคม)</p>Udon Thani Rajabhat Universityth-THวารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี2286-7139การศึกษาความต้องการเข้าศึกษาในหลักสูตรการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (แบบสะสมหน่วยกิต) ระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsudru/article/view/279652
<p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการเข้าศึกษาในหลักสูตรการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (แบบสะสมหน่วยกิต) ระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น ของนักเรียนที่กำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีการศึกษา 2567 เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยใช้แบบสอบถามความต้องการเข้าศึกษา ไม่ต้องการเข้าศึกษา และยังไม่แน่ใจเข้าศึกษา จำนวน 394 คน เพื่อหาความต้องการเข้าศึกษาในหลักสูตรการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (แบบสะสมหน่วยกิต) ระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น จากนักเรียนต้องการเข้าศึกษา และเหตุผลที่ยังไม่แน่ใจเข้าศึกษาจากนักเรียนที่ยังไม่แน่ใจเข้าศึกษา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนจำนวน 394 คน เป็นนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาทั้งหมด จำนวน 140 คน คิดเป็นร้อยละ 35.53 เป็นเพศชาย จำนวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 23.57 และเป็นเพศหญิง จำนวน 107 คน คิดเป็นร้อยละ 76.43 เมื่อพิจารณาเหตุผลที่เลือกเข้าศึกษาหลักสูตรการจัดการศึกษาตลอดชีวิต (แบบสะสมหน่วยกิต) ระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบว่าเชื่อมั่นในหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยเปิดสอนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเทียบโอนรายวิชาเมื่อเข้าศึกษาในหลักสูตรระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัย ขอนแก่นได้ในคณะ/สาขาวิชาด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เทคนิคการแพทย์ สาธารณสุขศาสตร์ ในส่วนของการจัดการศึกษาพบว่ารูปแบบของหลักสูตรที่ต้องการศึกษา ได้แก่ หลักสูตรปกติแบบรายวิชา (ภาษาไทย) ลักษณะการจัดการเรียนการสอนเป็นวันธรรมดาในเวลาราชการ แบบผสม (online และ onsite) และมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมในการศึกษาของรายวิชาบรรยาย 500 - 1,000 บาท ต่อหน่วยกิต รายวิชาปฏิบัติการ 500 - 1,000 บาท หรือ 1,000 - 2,000 บาทต่อหน่วยกิต ส่วนสาขาวิชาที่ต้องการให้เปิดสอนมากที่สุด อันดับที่ 1 ได้แก่ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ สำหรับช่องทางการประชาสัมพันธ์หลักสูตรที่ต้องการ คือ ทาง Facebook และค่าใช้จ่ายในการศึกษาจะได้จาก ผู้ปกครอง (พ่อ แม่) หรือ ญาติพี่น้อง</p> <p>ในขณะที่นักเรียนที่ไม่แน่ใจ ทั้งหมดจำนวน 190 คน คิดเป็นร้อยละ 48.22 พบว่านักเรียนที่ยังไม่แน่ใจเข้าศึกษาหรือยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าศึกษา ด้วยเหตุผลเพราะไม่เคยรู้จักหลักสูตรนี้มาก่อน และเดินทางไปศึกษาไม่สะดวกเสียค่าใช้จ่ายมาก</p>ธีรนุช หาญโสภาฐิติมา พรหมจักร์สุตาพัฒนรรท์ ฉัตร์ชำนาญไพร
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-06-262025-06-26141119USING COMMUNICATIVE LANGUAGE TEACHING AND SIGNPOST QUESTIONS TO IMPROVE ENGLISH READING COMPREHENSION ABILITY OF PRATHOMSUKSA 6 STUDENTS
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsudru/article/view/279928
<p>The objectives of this research were to investigate students’ English reading comprehension ability before and after using Communicative Language Teaching and Signpost Questions, and to investigate the attitude towards teaching English reading comprehension ability using Communicative Language Teaching and Signpost Questions. Twelve Prathomsuksa 6 students of Naklongnongsrikamwittaya School, under the Udon Thani Primary Educational Service Area Office 1 in the first semester of the academic year 2024 were obtained as the sample, using the cluster random sampling. A one-group pretest-posttest design was applied in this research. An English reading comprehension ability test, 12 lesson plans and an attitude questionnaire were used as research instruments. The duration of the experiment was 12 weeks, or 24 hours in total. For data analysis, the mean, percentage, standard deviation, One Sample t-test, and t-test for Dependent Sample were employed. The results were: 1) The pretest and the posttest mean scores on students’ English reading comprehension ability were 11.33 (S.D. = 3.50) or 28.33 percent and 31.33 (S.D. = 2.61) or 78.33 percent respectively. The posttest mean score on students’ English reading comprehension ability was significantly higher than the set criterion of 70 percent at the 0.01 level, and the students’ English reading comprehension ability after the experiment was significantly higher than the pretest mean score at the 0.01 level. 2) The attitude towards teaching English reading comprehension using Communicative Language Teaching and Signpost Questions was at a good level with mean score was 4.42 (S.D. = 0.13).</p>Supawadee ChuentaPrayong Klanrit
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-06-262025-06-261412136การพัฒนาสื่อสร้างสรรค์หนังสือป๊อปอัพ 3 มิติ เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึก รักษ์สิ่งแวดล้อม ในการคัดแยกและลดปริมาณขยะมูลฝอย โดยใช้หลัก 7R สำหรับนักเรียนด้อยโอกาส
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsudru/article/view/281422
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาสื่อสร้างสรรค์หนังสือป๊อปอัพ 3 มิติ เรื่องการคัดแยกและลดปริมาณขยะมูลฝอยโดยใช้หลัก 7R 2) เปรียบเทียบความรู้ก่อนและหลังการใช้หนังสือป๊อปอัพ 3) เปรียบเทียบจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ในการคัดแยกขยะและลดปริมาณขยะมูลฝอยโดยใช้หลัก 7R ก่อนและหลังการใช้หนังสือป๊อปอัพ เป็นการวิจัยเชิงพัฒนาและเชิงทดลอง กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเทพภูเงิน จังหวัดอุดรธานี ชั้นประถมศึกษา 27 คน แบ่งเป็นช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-3) จำนวน 9 คน และช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-6) จำนวน 18 คน เลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) หนังสือป๊อปอัพ จำนวน 4 เล่ม 2) แบบประเมินคุณภาพหนังสือป๊อปอัพ 3) แบบทดสอบความรู้ 4) แบบประเมินจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ t-test ผลการวิจัย 1) สื่อสร้างสรรค์หนังสือป๊อปอัพมีคุณภาพอยู่ในระดับดี (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\large&space;\overline{\textrm{x}}" alt="equation" /> = 4.44, S.D. = 0.46) 2) นักเรียนมีความรู้เรื่องการคัดแยกขยะและการลดปริมาณขยะมูลฝอยโดยใช้หลัก 7R หลังการใช้สื่อสูงกว่าก่อนการใช้สื่อ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 3) นักเรียนมีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ในการคัดแยกขยะและลดปริมาณขยะมูลฝอยโดยใช้หลัก 7R หลังการใช้สื่อสูงกว่าก่อนการใช้สื่อ อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 สื่อสร้างสรรค์หนังสือป๊อปอัพ 3 มิติ ที่พัฒนา ขึ้นสามารถเสริมสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม ในการคัดแยกและลดปริมาณขยะมูลฝอยโดยใช้หลัก 7R สำหรับนักเรียนด้อยโอกาสได้</p>ชมพูนุท สงกลาง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2025-06-262025-06-261413752USING PAIR WORK AND GROUP WORK ACTIVITIES BASED ON COLLABORATIVE LEARNING TO ENHANCE PRATHOMSUKSA 6 STUDENTS’ ENGLISH SPEAKING ABILITY
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hsudru/article/view/271873
<p>The purposes of this research were to study and compare English speaking ability of Grade 6 students before and after using the collaborative pairwork and group work and to investigate students’ attitude towards teaching English-speaking using pair work and group work activities based on collaborative learning. The sample consisted of 27 students studying in Grade 6 at Tessban 2 Mukkhamontri School, Udon Thani, under Udonthani Municipality in the first semester of the academic year 2023. They were selected using cluster random sampling. The research was a one group pretest-posttest design. Research instruments included 12 lesson plans, An English-speaking ability test and an attitude questionnaire. The experiment lasted twelve weeks, 2 hours a week, or 24 hours in total. The mean, percentage, standard deviation and t-test for Dependent samples were used for data analysis. The findings of this research indicated that the students’ pretest and posttest scores examining of English-speaking ability were 66.03 percent and 81.32 percent respectively. The students’ English-speaking ability was significantly different at the .01 level, and the mean score on the posttest was also significantly higher than that of the pretest. In addition, more than 70 percent of students gained a higher score on the English-speaking posttest, and the students’ attitude towards teaching English-speaking using pair work and group work activities based on collaborative learning was at a very good level.</p>อารียา สุวรรณชมภูประยงค์ กลั่นฤทธิ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
2024-06-302024-06-301415369