วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal
<p> วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร เป็นวารสารที่จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นสื่อกลางในการเผยแพร่ผลงานวิจัยและนวัตกรรม ในสาขาวิชาทางด้านเทคโนโลยี อุตสาหกรรม บริหารธุรกิจ สังคมศาสตร์ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรม สารสนเทศ คหกรรมศาสตร์ และศิลปกรรมของครู คณาจารย์ นักวิชาการ และนักวิจัยทั้งภายในและภายนอกสถาบัน เป็นวารสารราย 6 เดือน จัดพิมพ์เผยแพร่ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม – ธันวาคม โดยที่ผลงานวิชาการดังกล่าวต้องไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารใดมาก่อน และไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวารสารอื่น ทั้งนี้ทุกบทความจะได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการ และจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนอย่างน้อย 3 ท่านต่อบทความ โดยการประเมินเป็นแบบปกปิดรายชื่อทั้งผู้ประเมินและผู้เขียนบทความ (Double-Blind Peer Review)</p> <p> ปัจจุบันวารวารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารของสถาบัน เนื่องจากสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานครรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทั้งหมด</p> <p><br />ISSN 3088-151X (Print)<br />ISSN 3088-1528 (Online)</p>
สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
th-TH
วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
3088-151X
-
การผลิตครูสาขาอุตสาหกรรมศึกษาและคหกรรมศึกษาในศตวรรษที่ 21: โอกาส ความท้าทาย และแนวทางพัฒนา
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/284698
<p>บทความนี้เป็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาการผลิตครูสาขาอุตสาหกรรมศึกษาและคหกรรมศึกษาในบริบทของศตวรรษที่ 21 โดยวิเคราะห์โอกาส ความท้าทาย และแนวทางการพัฒนา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนไป จากข้อมูลพบว่า โอกาสในการพัฒนาหลักสูตรมีมากขึ้น จากนโยบายสนับสนุนการศึกษาด้านอาชีวะของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัล ในขณะที่ความท้าทายสำคัญประกอบด้วย การลดลงของผู้เรียนในสาขาวิชา การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม และการจัดการเรียนการสอนที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนยุคใหม่ การนำเสนอแนวทางการพัฒนาที่สำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงหลักสูตรให้มีความยืดหยุ่นและทันสมัย การร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและสถานประกอบการ การพัฒนาทักษะดิจิทัลและนวัตกรรมการสอนแบบใหม่ รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง ข้อมูลจากบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันการผลิตครูผู้สอนในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) รวมถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการวางแผนพัฒนาการศึกษาด้านอุตสาหกรรมศึกษาและคหกรรมศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายการปฏิรูปการศึกษาและสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงและความต้องการของสังคมในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p>
กิตติพันธ์ หันสมร
ทิพภาภรณ์ ทนงค์
ยอดขวัญ ซาไข
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
1
19
-
การทำงานวิจัยของอาจารย์ผู้สอนนักศึกษาระดับปริญญาตรี สังกัดสถาบันการอาชีวศึกษา ภาคกลาง 3 : กรณีศึกษา วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรี
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/282208
<p>การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อคิดเห็นการทำวิจัยของอาจารย์ผู้สอนนักศึกษาระดับปริญญาตรีในสังกัดสถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 3 : กรณีศึกษา วิทยาลัยเทคนิคปราจีนบุรีและ 2) พัฒนาแนวทางการทำวิจัยของอาจารย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้วิธีการสัมภาษณ์เชิงลึกและสังเกตการณ์ โดยเก็บข้อมูลจากอาจารย์ผู้สอน 9 คน ใน 3 สาขาวิชา ได้แก่ เทคโนโลยียานยนต์ เทคโนโลยีไฟฟ้า และเทคโนโลยีการจัดการสำนักงาน ใช้วิธีการตรวจสอบสามเส้าแบบแหล่งข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) สถาบันมีนโยบายและโครงการที่มุ่งสนับสนุนการทำวิจัยของอาจารย์ผู้สอน โดยให้การช่วยเหลือด้านงบประมาณสำหรับการเผยแพร่ผลงาน สนับสนุนค่าลงทะเบียนและค่าเดินทางสำหรับการนำเสนอผลงานทางวิชาการ การสนับสนุนให้ความช่วยเหลือในการตรวจสอบคุณภาพผลงานก่อนส่งตีพิมพ์ 2) ความต้องการของอาจารย์ผู้สอน ให้มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำและตรวจสอบคุณภาพงานวิจัยก่อนที่จะส่งไปยังวารสารวิชาการ นอกจากนี้ยังต้องการให้สถาบันส่งเสริมและจัดอบรมเกี่ยวกับการทำวิจัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสนับสนุนวัสดุ อุปกรณ์ และครุภัณฑ์ที่จำเป็น สำหรับการดำเนินงานวิจัยในแต่ละสาขาวิชา 3) ปัญหาและอุปสรรคของอาจารย์ผู้สอน มีภาระงานด้านการสอนที่มากทำให้มีเวลาสำหรับการทำวิจัยอย่างจำกัด ขาดงบประมาณสนับสนุนในการดำเนินงานวิจัย 4) แนวทางการพัฒนาการทำวิจัย สถาบันควรกำหนดแนวทางที่ชัดเจน โดยส่งเสริมให้ครูผู้สอนและนักศึกษาร่วมกันสร้างผลงานวิจัยใหม่ และต่อยอดให้สอดคล้องกับหลักสูตรที่ต้องการพัฒนา นอกจากนี้ยังควรให้การสนับสนุนในด้านการเลือกหัวข้องานวิจัยที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถผลิตผลงานที่มีคุณภาพและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ผลวิจัยนี้สามารถใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงนโยบายการสนับสนุนการวิจัยในสถาบันการศึกษาช่วยยกระดับคุณภาพงานวิจัยของอาจารย์และสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนในระดับอาชีวศึกษา</p>
กรศิลป์ ชมพูชัย
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
21
41
-
การพัฒนาชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อส่งเสริมการรับรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่อง ระบำสุธาภิรมย์ (อาหารไทยสี่ภาค)
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/280609
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อส่งเสริมการรับรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่อง ระบำสุธาภิรมย์ (อาหารไทยสี่ภาค) 2) ประเมินคุณภาพของชุดดิจิทัลคอนเทนต์ 3) ประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อชุดดิจิทัลคอนเทนต์ และ 4) ประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อชุดดิจิทัลคอนเทนต์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อส่งเสริมการรับรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่อง ชุดระบำสุธาภิรมย์ (อาหารไทยสี่ภาค) 2) แบบประเมินคุณภาพ 3) แบบประเมินผลการรับรู้ และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นสมาชิกที่ติดตามเพจเฟซบุ๊ก นาฏยโขนละคร มจธ. และให้ความร่วมมือในการทำแบบสอบถาม จำนวน 50 คน จากวิธีการสุ่มแบบบังเอิญ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย ได้พัฒนาสื่อโปสเตอร์อินโฟกราฟิก 2 ชุด สื่อวีดิทัศน์ 1 ชุด และได้นำสื่อไปประเมินคุณภาพ ผลการประเมินพบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจำนวน 3 ท่าน ผลการประเมินอยู่ในระดับดี ( <img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 4.25, S.D. = 0.51) โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อการนำเสนอจำนวน 3 ท่าน ผลการประเมินอยู่ในระดับดีมาก (<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.75, S.D. = 0.34) ผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ในระดับมากที่สุด (<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.67, S.D. = 0.61) และผลการประเมินความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด (<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.73, S.D. = 0.54) สรุปได้ว่า ชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อส่งเสริมการรับรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่อง ระบำสุธาภิรมย์ (อาหารไทยสี่ภาค) ที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปใช้เผยแพร่ได้จริง</p>
กุลธิดา ธรรมวิภัชน์
พรปภัสสร ปริญชาญกล
ศิวกร อมรสถิตย์
สุดารัตน์ จงประสาทสมบัติ
อาราภา ยอดยิ่งวรพันธุ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
42
59
-
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชางานความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ เรื่อง ป้ายจราจร ป้ายเตือน ป้ายบังคับ ของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคพังงา โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/281271
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน ในรายวิชางานความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ เรื่อง ป้ายจราจร ป้ายเตือน ป้ายบังคับ โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน และ 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคพังงา ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ในรายวิชางานความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนที่กำลังศึกษาในระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่1 สาขาวิชาช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคพังงา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน17 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบง่าย คือ การจับฉลาก จาก 2 ห้อง ให้เหลือ 1 ห้อง ใช้แบบแผนการทดลองแบบหนึ่งกลุ่ม โดยมีการทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน (One Group Pre-test Post-test Design) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน10 แผน ผลการประเมินคุณภาพแผนการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับดีมาก 2) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัย จำนวน 40 ข้อ มีค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) อยู่ที่ 1.00 ค่าความยากอยู่ระหว่าง 0.50-0.75 ค่าอำนาจจำแนก อยู่ระหว่าง 0.2-0.4 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ ทั้งฉบับเท่ากับ .086 และ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน มีค่าความตรงเชิงเนื้อหาอยู่ระหว่าง 0.67-1.0 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสถิติค่าทีแบบกลุ่มไม่อิสระกัน แบบกลุ่มเดียวเทียบกับเกณฑ์ t-test dependent</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน สาขาวิชาช่างยนต์ ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และ 2) ความพึงพอใจของนักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้เกม Kahoot ร่วมกับวิธีการเรียนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน ประกอบด้วย 1.ด้านเนื้อหาความรู้ ระดับความ พึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 2 .ด้านกิจกรรม ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 3.ด้านสื่อการเรียนการสอน ระดับความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด และ 4.ด้านการวัดและการประเมิน ระดับความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด</p>
ชลชญา สินบรรเทา
กริชนันท์ ใจชื่น
กิจจา บานชื่น
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
60
75
-
การศึกษารูปแบบการสอนเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/280132
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)เพื่อศึกษารูปแบบการสอนเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม 2) เพื่อสร้างรูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม และ 3) เพื่อเปรียบเทียบการใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของการใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม ขั้นตอนการวิจัย 1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิเคราะห์รูปแบบการสอนและเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญ การทดลองใช้รูปแบบการสอนเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรมกับนักศึกษาระดับชั้นอนุปริญญาตรี สาขาเทคนิคการผลิต โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 15 คน รวม 30 คน วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเปรียบเทียบ 2 กลุ่มตัวอย่าง</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1)องค์ประกอบที่เหมาะสมของรูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม มีทั้งหมด 9 องค์ประกอบ ได้แก่ 1.ที่มาของรูปแบบ 2.หลักการของรูปแบบ 3.วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 4.หน่วยการเรียนรู้ 5.กิจกรรมการเรียนการสอน 6.ขั้นตอนการประเมินด้านความรู้ 7.ขั้นตอนการประเมินด้านความทักษะ 8.ขั้นตอนการประเมินด้านเจตคติและคุณลักษณะ 9.สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ 2) ผลการประเมินรูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม โดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.66 , S.D.= 0.59) ผลประเมินคู่มือการสอนและเอกสารประกอบสอนเที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม พบว่า มีค่าเฉลี่ยรวม (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=4.66 , S.D.=0.59) มากที่สุด 3) ผลการเปรียบเทียบการใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรมกับการเรียนการสอนแบบปกติ รูปแบบการสอนที่ส่งเสิรมสมรรถนะมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงการเรียนแบบปกติ (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />=74.40 , S.D.= 2.028) 4) พึงพอใจของการใช้รูปแบบการสอนที่ส่งเสริมสมรรถนะพื้นฐานทักษะงานมาตรวิทยาอุตสาหกรรม โดยรวม <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.84 , S.D. = 0.40 มีความพึงพอใจมากที่สุด</p>
ชูชาติ จุลพันธ์
วิชัย คุ้มมณี
วันชัย ชูเชื้อ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
76
92
-
การศึกษาแนวทางและปัจจัยในการใช้ระบบสารสนเทศในการบริหารองค์กรที่ประสบความสำเร็จ ของผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาเอกชน : กรณีศึกษา วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค)
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/282502
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาแนวทางการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารองค์กรของวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก (อี.เทค) และ 2) วิเคราะห์ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ในการบริหารองค์กร ใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 6 คน หัวหน้างานหรือหัวหน้าฝ่ายที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 5 คนครูผู้สอน 10 คน นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ 6 คน และนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง 4 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 31 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์ แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้วิธีวิเคราะห์เอกสาร การสัมภาษณ์และการอภิปรายสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหา และสร้างข้อสรุปแบบอุปนัย</p> <p>ผลการวิจัยพบว่าแนวทางการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารองค์กรที่ประสบความสำเร็จ ของผู้บริหารสถานศึกษา ประกอบด้วย 1) การจัดการข้อมูลนักเรียน 2) การพัฒนาการเรียนการสอน 3) การพัฒนาทักษะบุคลากร 4) การสื่อสารภายในองค์กร และปัจจัยแห่งความสำเร็จของการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารองค์กรของวิทยาลัยเทคโนโลยีภาคตะวันออก ประกอบด้วย 1) การสนับสนุนจากผู้บริหาร คือ การมีส่วนร่วมและการสนับสนุนอย่างจริงจังจากผู้บริหารระดับสูงเพื่อขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยี 2) การจัดสรรงบประมาณ คือ การจัดสรรทรัพยากรทางการเงินอย่างเพียงพอในการสนับสนุนโครงการเทคโนโลยี 3) โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับระบบและเครื่องมือเทคโนโลยี 4) ระบบงานที่ใช้ได้จริง คือ การออกแบบและพัฒนาระบบที่ตอบสนองความต้องการและใช้งานได้จริง 5) ความเข้าใจร่วมกัน คือการสร้างการสื่อสารและความเข้าใจที่ชัดเจนในองค์กร</p>
วิกรม ดังก้อง
ธัญญลักษณ์ จีระออน
นงนุช พุทธคุณบวร
สมชาย ทิพย์ประเสริฐสุข
สุธิดา ภักดีบุญ
ชัยวิชิต เชียรชนะ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
93
110
-
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องระบบส่งกําลังรถจักรยานยนต์ออโตเมติก ร่วมกับสื่อความเป็นจริงเสริมสำหรับนักเรียนช่างอุตสาหกรรม
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/287796
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับสื่อความเป็นจริงเสริมสำหรับนักเรียนช่างอุตสาหกรรม 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับสื่อความเป็นจริงเสริมสำหรับนักเรียนช่างอุตสาหกรรม กับเกณฑ์ เป็นการวิจัยเชิงทดลอง กลุ่มทดลองในครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชายานยนต์ ชั้นปีที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 25 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล 1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับสื่อความเป็นจริงเสริม 2) แบบประเมินความเหมาะสมของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และ3) แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่า IOC อยู่ 0.60 - 1.00 ค่าความยากอยู่ที่ระหว่าง 0.21- 0.79 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ที่ระหว่าง 0.25 – 0.43 ค่าเชื่อมั่นเท่ากับ 0.94 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ Wilcoxon signed-rank test ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการประเมินความเหมาะสมของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับสื่อความเป็นจริงเสริมสำหรับนักเรียนช่างอุตสาหกรรม โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.44, S.D. = 0.12) และผลการหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 85.82 /88.80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับสื่อความเป็นจริงเสริมสำหรับนักเรียนช่างอุตสาหกรรม สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
อธิวัฒน์ บัวทอง
สุรวุฒิ ยะนิล
เมธา อึ่งทอง
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
111
124
-
แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมจีนน้ำยากะทิกรอบชนิดแท่งเสริมเมล็ดขนุนทอดกรอบ
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/282227
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ขนมจีนน้ำยากะทิกรอบชนิดแท่งให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มอย่างสมบูรณ์ (Completely Randomized Design; CRD) ทำการเปรียบเทียบคุณภาพทางประสาทสัมผัสของซอสน้ำยากะทิ 3 สูตร ด้วยวิธีการให้คะแนนความชอบแบบ 9 ระดับ (9-point hedonic scale) ในคุณลักษณะด้านลักษณะที่ปรากฏ สี กลิ่น ระดับความเผ็ด รสชาติ และความชอบโดยรวม ผลการศึกษาพบว่าสูตรซอสน้ำยากะทิสูตรที่ 3 ได้รับคะแนนความชอบสูงที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.68, 7.86, 7.88, 7.52, 7.56 และ 8.04 ตามลำดับ ในขณะที่การศึกษาปริมาณเม็ดขนุนทอดกรอบ 3 ระดับ ได้แก่ ร้อยละ 10, 15 และ 20 โดยน้ำหนักของส่วนผสมทั้งหมด ผลการศึกษาพบว่า การเพิ่มปริมาณเม็ดขนุนมากขึ้นส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ได้รับคะแนนความชอบในคุณลักษณะด้านกลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และความชอบโดยรวมสูงขึ้น โดยปริมาณเม็ดขนุนทอดร้อยละ 20 ได้รับคะแนนความชอบสูงที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 7.96, 8.00, 8.11 และ 8.02 ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับชอบปานกลางและชอบมาก ซึ่งผลิตภัณฑ์ขนมจีนน้ำยากะทิกรอบชนิดแท่งที่พัฒนาได้นี้มีปริมาณโปรตีน ร้อยละ 7.89 และมีปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมด ยีสต์และรา ปลอดภัยสำหรับการบริโภคตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน 153/2546</p>
นิภาพร กุลณา
วีรยุทธ เปลี่ยนสำโรง
วรรณวิภา โคกครุฑ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
125
139
-
คุณภาพการบริการที่ส่งผลต่อความภักดีของลูกค้าธุรกิจโรงแรม ในเขตนิคมอุตสาหกรรม 304 จังหวัดปราจีนบุรี
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/287797
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับความคิดเห็นของลูกค้าเกี่ยวกับคุณภาพการบริการและความภักดีของลูกค้าธุรกิจโรงแรมในเขตนิคมอุตสาหกรรม 304 จังหวัดปราจีนบุรี 2) เปรียบเทียบระดับความคาดหวังและประสบการณ์จริงของลูกค้าที่มีต่อคุณภาพการบริการของโรงแรม และ 3) ศึกษาคุณภาพการบริการที่ส่งผลต่อความภักดีของลูกค้าธุรกิจโรงแรม เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 335 คน คำนวณจากประชากรทั้งหมด 1,264 คน และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้างกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 8 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยเชิงพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความคิดเห็นของลูกค้าเกี่ยวกับคุณภาพการบริการและความภักดีโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเฉพาะด้านการตอบสนอง (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.81) ความมั่นใจ <strong>(<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /></strong> = 4.75) และความภักดีของลูกค้าอยู่ในระดับมากที่สุด การประเมินคุณภาพบริการโดยรวมของโรงแรม (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.72) ความตั้งใจกลับมาใช้บริการ (<strong><img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /></strong> = 4.57) การแนะนำหรือบอกต่อ <strong>(<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /></strong> = 4.55) 2) เมื่อนำความคาดหวังมาเปรียบเทียบกับประสบการณ์จริงหลังใช้บริการ พบว่า คุณภาพการบริการโดยรวมสูงกว่าที่คาดหวัง <strong>(</strong>x̄ = 0.16) โดยเฉพาะด้านการตอบสนอง <strong>(<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /></strong> = 0.24) 3) คุณภาพการบริการที่ส่งผลต่อความภักดีของลูกค้าธุรกิจโรงแรม ในเขตนิคมอุตสาหกรรม 304 จังหวัดปราจีนบุรี พบว่าคุณภาพการบริการทั้ง 5 ด้านมีอิทธิผลต่อความภักดี คือ ด้านการตอบสนอง (B = 0.650, t = 12.35) ด้านความมั่นใจ (B = 0.630, t = 11.88) ด้านความเอาใจใส่ (B = 0.260, <br />t = 5.12) ด้านรูปลักษณ์ทางกายภาพ (B = 0.190, t = 4.01) และด้านความน่าเชื่อถือ (B = 0.170, t = 3.55)</p>
พชรพร ขำหรุ่น
อารีย์ เลิศกิจเจริญผล
ปรวีร์ คีรี
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
140
158
-
การออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ควบคุมเครื่องฟอกอากาศแบบ DIY อัตโนมัติด้วยระบบ IoT
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/286723
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ควบคุมเครื่องฟอกอากาศแบบ DIY อัตโนมัติด้วยระบบ IoT ออกแบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้อุปกรณ์ ประเมินประสิทธิภาพอุปกรณ์ และประเมินความพึงพอใจต่ออุปกรณ์ การวิจัยดำเนินการโดยออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์ควบคุมที่ใช้บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ ESP32 ร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดฝุ่น และโมดูลควบคุมความเร็วมอเตอร์ พร้อมพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันเพื่อควบคุมและแสดงผลการทำงานแบบเรียลไทม์ผ่านการแสดงผลบนหน้าแผงควบคุม (Dashboard) กลุ่มตัวอย่างจำนวน 30 คน เป็นอาจารย์และนักศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 2 ได้จากการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินประสิทธิภาพของอุปกรณ์และแบบประเมินความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการคำนวณร้อยละของประสิทธิภาพการฟอกอากาศ ผลการวิจัยพบว่า อุปกรณ์ควบคุมเครื่องฟอกอากาศ สามารถทำงานได้ตามการออกแบบ ทั้งในโหมดอัตโนมัติและการควบคุมจากระยะไกลผ่านเว็บแอปพลิเคชัน แสดงค่าฝุ่น PM2.5 อุณหภูมิ และความชื้นแบบเรียลไทม์ พร้อมปรับความเร็วพัดลมอัตโนมัติได้ถูกต้อง การทดสอบประสิทธิภาพในพื้นที่ควบคุมขนาด 1 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 4 ครั้ง พบว่ามีประสิทธิภาพเฉลี่ยสูงถึง 99.79% โดยลดค่าฝุ่น PM2.5 จากระดับเฉลี่ย 656 µg/m³ ให้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย (0–3 µg/m³) ภายในเวลาเฉลี่ย 48.71 วินาที และระบบสามารถแสดงผลและควบคุมได้ถูกต้องทุกครั้ง ผลการประเมินความพึงพอใจต่อการออกแบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้อุปกรณ์ควบคุมเครื่องฟอกอากาศ อยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย = 4.62) และผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยรวมอยู่ในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย = 4.50) โดยรายการที่ได้รับคะแนนสูงสุดคือด้านคุณค่าและประโยชน์ใช้สอย ด้านการออกแบบกระบวนการที่ใช้งานง่าย และด้านแนวคิดในการออกแบบและพัฒนาอุปกรณ์</p>
จินตนา นาคสมบูรณ์
ไพบูลย์ สมนึก
รณภูมิ นาคสมบูรณ์
จิตวัฒน์ เปิ่นวงษ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
159
176
-
การจัดการศึกษาทวิวุฒิ ไทย-จีน เพื่อพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง กรณีศึกษา วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา: การวิเคราะห์ปัญหาและข้อเสนอเชิงนโยบาย
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/283182
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัญหาของการจัดการศึกษารูปแบบทวิวุฒิ ไทย-จีน ที่เหมาะสมในการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง: กรณีศึกษา วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา และ 2) ศึกษาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายการจัดการศึกษารูปแบบทวิวุฒิ ไทย-จีน ที่เหมาะสมในการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง: กรณีศึกษา วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา เพื่อยกระดับกำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูงในบริบทความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าสาขาวิชา ครูผู้สอน และผู้ปกครองนักศึกษา ซึ่งคัดเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-structured Interview) การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลใช้การตรวจสอบแบบสามเส้า (Triangulation) และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li>ปัญหาในการจัดการศึกษาทวิวุฒิ สามารถจำแนกได้เป็น 6 ด้าน ได้แก่ งบประมาณและค่าใช้จ่าย หลักสูตรและมาตรฐานการเรียนรู้ การคัดเลือกและความพร้อมของนักเรียน การสนับสนุนจากภาครัฐ ทัศนคติและค่านิยมทางการศึกษา และโอกาสในการทำงาน ปัญหาที่ค้นพบทั้ง 6 ด้านนี้ ส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และความสามารถในการเข้าสู่ตลาดแรงงานของนักเรียนอาชีวะ</li> </ol> <p>2. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ได้ประกอบด้วย การจัดสรรงบประมาณอย่างยั่งยืน พัฒนาหลักสูตรร่วมให้มีความเท่าเทียม เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมความร่วมมือภาครัฐและเอกชน และสนับสนุนระบบติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ</p>
มยุรี ศรีระบุตร
ณรงค์ องศากิจบริบูรณ์
อภิวัฒน์ จันทวรรณ
จันทร์จิราภรณ์ องศากิจบริบูรณ์
สมปอง ยอดเงิน
ชัยวิชิต เชียรชนะ
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
177
189
-
การใช้ระบบบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน: มุมมองของ ครูที่ปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/285937
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคิดเห็นการใช้ระบบบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน: มุมมองของครูที่ปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี 2) เปรียบเทียบความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ระบบบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน: มุมมองของครูที่ปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี จำแนกตาม เพศ ประสบการณ์การทำงาน และวุฒิการศึกษา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ ครูที่ปรึกษา จำนวน 59 คน ใช้วิธีการสุ่มแบบ<strong>แบ่งชั้นตามสัดส่วน </strong>จากนั้นใช้วิธี<strong>การสุ่มแบบง่าย</strong>ภายในแต่ละชั้น เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม มีค่าความเที่ยงทั้งฉบับเท่ากับ 0.96 สถิติที่ใช้คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่า t-test การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA) และทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ด้วยวิธี LSD ผลการวิจัยพบว่า 1) การใช้ระบบบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน: มุมมองของครูที่ปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ด้านการส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียน 2) ครูที่ปรึกษาที่มีเพศ และประสบการณ์การทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ระบบบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนการดูแลช่วยเหลือผู้เรียน: มุมมองของครูที่ปรึกษาวิทยาลัยอาชีวศึกษาธนบุรี โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 สำหรับครูที่ปรึกษาที่มีวุฒิการศึกษาต่างกันมีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน</p>
อัญชลี เหลืองศรีชัย
วิลาวัลย์ วัชโรทัย
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
190
207
-
การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสำหรับระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ ของวิทยาลัยพณิชยการอินทราชัย
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/287286
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสำหรับระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ของวิทยาลัยพณิชยการอินทราชัย 2) ประเมินคุณภาพของเว็บแอปพลิเคชันสำหรับระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ของวิทยาลัยพณิชยการอินทราชัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) เว็บแอปพลิเคชันสำหรับระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ของวิทยาลัยพณิชยการอินทราชัย และ 2) แบบประเมินคุณภาพการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสำหรับระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ของวิทยาลัยพณิชยการอินทราชัย ประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ซึ่งประกอบด้วยครูสอนสาขาวิชาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัลในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) และอาจารย์ผู้สอนด้านคอมพิวเตอร์ศึกษา/เทคโนโลยีการศึกษาในระดับอุดมศึกษา โดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า ด้านคุณภาพของการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันสำหรับระบบการจองห้องประชุมออนไลน์วิทยาลัยพณิชยการอินทราชัย สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยภาพรวมมีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.78, S.D. = 0.19) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่าด้านประสิทธิภาพ มีคุณภาพอยู่ในระดับดีมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.84, S.D. = 0.15) รองลงมาคือด้านความน่าเชื่อถือ มีคุณภาพอยู่ในระดับ ดีมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.78, S.D. = 0.13) และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุดคือ ด้านความถูกต้อง มีคุณภาพอยู่ในระดับ ดีมาก ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.74, S.D. = 0.24)</p>
อนุชิต ตำราเรียง
เบญจวรรณ จันทร์ที
ปรัชญา วีรวรรณ
วาที บัวแก้ว
สมร ซันประสิทธิ์
วัชรินทร์ วิจิตต์พันธ์
ธารารัตน์ สมบัติ
กาญจนา เรืองสมบัติ
จักรินทร์ ดำรักษ์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
208
220
-
การพัฒนาชุดวิดีโอคอนเทนต์โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบ Feature Advantage Benefit เพื่อประชาสัมพันธ์ธนาคารแห่งประเทศไทยบนเพจเฟซบุ๊ก BOT Careers
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/286965
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ต่อไปนี้ 1) เพื่อพัฒนาชุดวิดีโอคอนเทนต์โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบ Feature Advantage Benefit เพื่อประชาสัมพันธ์ธนาคารแห่งประเทศไทยบนเพจเฟซบุ๊ก BOT Careers 2) เพื่อประเมินคุณภาพของชุดวิดีโอคอนเทนต์ 3) เพื่อประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง และ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1) ชุดวิดีโอคอนเทนต์โดยใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบ Feature Advantage Benefit เพื่อประชาสัมพันธ์ธนาคารแห่งประเทศไทยบนเพจเฟซบุ๊ก BOT Careers 2) แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านสื่อการนำเสนอ 3) แบบประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง และ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นผู้ติดตามเพจธนาคารแห่งประเทศไทย และให้ความร่วมมือในการทำแบบสอบถาม จำนวน 50 คน จากวิธีการสุ่มแบบบังเอิญโดยวิธีจับสลาก สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย 1) ได้พัฒนาวิดีโอคอนเทนต์ 4 ชุด และได้นำสื่อไปประเมินคุณภาพ โดยผู้เชี่ยวชาญ 2) ผลการประเมินด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.79, S.D. = 0.03) ผลการประเมินด้านสื่อการนำเสนอ อยู่ในระดับดีมาก ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.53, S.D. = 0.18) 3) ผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ในระดับมากที่สุด ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.73, S.D. = 0.12) และ 4) ผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.76, S.D. = 0.05) สรุปได้ว่า ชุดวิดีโอคอนเทนต์ที่พัฒนาขึ้นสามารถนำไปใช้เผยแพร่ได้จริง</p>
กุลธิดา ธรรมวิภัชน์
ศิวกร อมรสถิตย์
พรปภัสสร ปริญชาญกล
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
221
238
-
คุณภาพการบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ การยอมรับเทคโนโลยี การรับรู้ถึงความเสี่ยง ส่งผลต่อความตั้งใจใช้บริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ของผู้ใช้แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/ivebjournal/article/view/287352
<p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาคุณภาพการบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลต่อความตั้งใจใช้บริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ของผู้ใช้แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปัจจัยได้แก่ ปัจจัยส่วนบุคคล คุณภาพการให้บริการทาง อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ใช้แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 400 คน แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐาน ใช้สถิติการทดสอบแบบ t-test แบบสถิติความแปรปรวนทางเดียว (One - Way ANOVA) และสถิติการถดถอยพหุคุณ (Multiple Regression Analysis)</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า1) ระดับความตั้งใจใช้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.08) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ด้านการรู้จักและเข้าใจลูกค้า (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.27) การยอมรับเทคโนโลยี โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.27) เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ ด้านการรับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.28) การรับรู้ความเสี่ยง โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 3.51) และความตั้งใจใช้บริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ของผู้ใช้แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.29) 2) ปัจจัยส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อความตั้งใจใช้บริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ของผู้ใช้แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีเพศต่างกัน ส่งผลต่อความตั้งใจใช้บริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT โดยภาพรวมต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 <br />3) คุณภาพการบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้านการรู้จักและเข้าใจผู้รับบริการ ด้านการให้ความมั่นใจแก่ผู้รับบริการ ด้านความเป็นรูปธรรมของบริการ และด้านการตอบสนองต่อลูกค้า 4) คุณภาพการยอมรับเทคโนโลยี ด้านการรับรู้ถึงประโยชน์ในการใช้งาน ด้านการรับรู้ถึงความง่ายในการใช้งาน และ 5) การรับรู้ความเสี่ยง ส่งผลต่อความตั้งใจใช้บริการทางการเงินผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ของผู้ใช้แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>
นางสาวจีรนันท์ สุธิตานนท์
ณีรนุช ชัยศรีรัมย์
ธนิต คงวัฒนะ
ชญานนท์ บนแท่นทิพย์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัยและนวัตกรรม สถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-12-04
2025-12-04
8 2
239
259