https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/issue/feedวารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์2025-08-29T13:21:28+07:00ผศ.ดร.ชัชญา สกุณา jca@rsu.ac.thOpen Journal Systems<p> วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์ เป็นวารสารวิชาการของวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกเผยแพร่ ปีละ 3 ฉบับ ฉบับที่ 1 ประจำเดือน มกราคม – เมษายน ฉบับที่ 2 ประจำเดือน พฤษภาคม – สิงหาคมฉบับที่ 3 ประจำเดือน กันยายน – ธันวาคม วารสารนำเสนอบทความทางวิชาการเกี่ยวกับการสื่อสารของมนุษย์ทุกลักษณะ ตั้งแต่การสื่อสารภายในบุคคลและระหว่างบุคคล การสื่อสารสาธารณะและการสื่อสารมวลชน ไปจนถึงการสื่อสารในระยะไกล ขอบข่ายของบทความครอบคลุมกิจกรรมการสื่อสารทุกรูปแบบ อาทิ การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา วารสารศาสตร์ วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ สื่อใหม่ รวมถึงงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม<span class="Apple-converted-space"> </span></p>https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287879การออกแบบแบนเนอร์โฆษณางานการแสดงสดประเภทต่างๆ บนสื่อออนไลน์ในประเทศไทยยุคดิจิทัล2025-08-27T14:54:29+07:00ภัทราพร เจริญรัตน์pattraporn.cha@kbu.ac.thเปรมินทร์ หงษ์โตperamintr.hon@kbu.ac.thสุเทพ เดชะชีพsuthep.dac@kbu.ac.th<p> การสื่อสารในปัจจุบันได้เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ดังจะเห็นได้ว่าการสื่อสารด้วยการโฆษณาที่ต้องเข้าถึงผู้รับสารเฉพาะกลุ่มก็มีแนวโน้มมาใช้รูปแบบงานโฆษณาออนไลน์ หากจะกล่าวถึงการโฆษณาเพื่องานการแสดงประเภทต่าง ๆ ที่ต้องการขายบัตรเข้าชมก็มีแนวโน้มที่เปลี่ยนไปจากการทำป้ายโฆษณาติดตั้งตามจุดที่มีผู้คนสนใจเป็นป้ายแบนเนอร์เพื่อทำการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ และให้ผู้รับสารได้เลือกรับเนื้อหาที่สนใจ จนกระทั่งต่อยอดไปถึงการขายบัตรเข้าชมการแสดง ซึ่งนับว่าเป็นการสื่อสารที่มีความหลากหลายในยุคดิจิทัล ในบทความนี้ได้กล่าวถึงช่องทางสื่อเว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่โฆษณารายละเอียดของงานการแสดงสด ซึ่งเป็นแหล่งสืบค้นข้อมูลสำหรับการหาชมงานการแสดง และได้มีข้อสังเกตว่างานการแสดงสดบางชุดที่มีราคาบัตรสูงมากก็ยังคงมีผู้เข้าชมการแสดงเต็มทุกรอบ ปัจจัยที่ผู้รับสารซึ่งเป็นผู้เข้าชมการแสดงได้ใช้ประกอบการตัดสินใจซื้อบัตรจะมาจากข้อความ ภาพถ่าย สีสัน และองค์ประกอบศิลป์ที่ถ่ายทอดออกมาผ่านงานการโฆษณา ซึ่งปัจจุบันองค์ประกอบศิลป์ที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารเนื้อหางานการแสดงแต่ละชุดได้มากที่สุดแต่ละชุดนั้นจะเน้นไปในการใช้องค์ประกอบศิลป์ที่เกี่ยวข้องกับแสงเงา พื้นที่ในการวางรูป การใช้ข้อความในรูปประโยค เป็นหลัก</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287880A Study of New Media and Chinese Generation Z Youth Subculture: A case of Chinese Digital Nomads Gathering in Chiang Mai, Thailand.2025-08-27T15:04:18+07:00Yingshan Zhangs64584946030@ssru.ac.thSomdech Rungsrisawatsomdech.ru@ssru.ac.th<p> This study used a questionnaire survey of Chinese Generation Z and in-depth interviews with Chinese digital nomads gathering in Chiang Mai, Thailand, to examine the relationship between new media and Chinese Generation Z youth subculture. The study finds that because of the symbolic understanding of self-knowledge and the need to use the Internet to satisfy the needs of Chinese Generation Z, the new media has become a structural force contributing to the emergence of Chinese Generation Z youth subcultures. Because of the interactive and decentralized nature of Internet communication, a new type of "DAO" (Decentralized Autonomous Organization) youth subculture has been formed. This youth subculture is characterized by spontaneity, identity, and virtual-real symbiosis, and its organization is characterized by digitization, de-neutralization, interest gathering, and a high degree of autonomy. The conclusion of this study, to a certain extent, extends the study of youth culture based on interest aggregation in the Internet era.</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287884Title: The Creation of Events During a Crisis: A Case Study of the "Covid...Rao-Tid-Pan-Daiii" (Relation-VID) Project2025-08-27T16:11:47+07:00Chonlathip Aswakanchonlatipswk@au.edu<p> This study explores the creation of events during the COVID-19 crisis, focusing on the "Covid...Rao-Tid-Pan-Daiii" (Relation-VID) project. Adopting a qualitative research design, the study employs interviews and participatory observations to examine methods of event creation. The primary objective is to study how event communicate the notion that positive outcomes can emerge from challenging circumstances. The findings underscore the need for production teams to adapt concepts, creative ideas, and procedures, ensuring alignment with audience expectations during crises. The research reveals that while most narrative elements remain stable, the "Concept" requires heightened innovation and adaptability. Additionally, the study incorporates Crisis Management Theory to highlight how strategic planning, effective communication, and proactive adaptation are essential in mitigating disruptions and ensuring event success during a crisis.</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287885จาก “Donkey Kong” (1996) สู่ “Black Myth: Wukong” (2024): วิวัฒนาการและบทบาทการเล่าเรื่องในวิดีโอเกม2025-08-27T16:16:52+07:00โชติอนันต์ เกษมวงศ์หงส์chot-anan.k@rumail.ru.ac.th<p> บทความนี้มุ่งศึกษาและสำรวจพลวัตของการเล่าเรื่องในวิดีโอเกม ทั้งมิติของเครื่องมือและบทบาทของการเล่าเรื่อง โดยแบ่งยุคสมัยของวิวัฒนาการและบทบาทของการเล่าเรื่องในวิดีโอเกมออกเป็น 3 ยุค ได้แก่ (1) ยุคเริ่มต้น: การก่อตัวของเรื่องเล่าและการเล่าเรื่องในวิดีโอเกม (1970s – 1980s) ที่เรื่องเล่าถูกเล่าอย่างง่าย ๆ ผ่านตัวอักษรและการวางโครงเรื่องตามลำดับ เรื่องเล่ามีบทบาทเป็นเพียงสิ่งที่กำหนดบริบทพื้นฐานให้ผู้เล่นเข้าใจเกม (2) ยุคการเล่าเรื่องเชิงโต้ตอบ: การบูรณาการระหว่างการเล่าเรื่องและการเล่นเกม (1990s – 2000s) การออกแบบการเล่าเรื่องคำนึงถึงการปฏิสัมพันธ์ทางเรื่องราวมากขึ้น ผู้เล่นสามารถกำหนดทิศทางของเรื่องราวได้ การเล่าเรื่องมีความซับซ้อนผ่านเครื่องมือที่หลากหลายมากขึ้น และวิดีโอเกมได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดทำให้การเล่าเรื่องและการเล่นเกมถูกผสมผสานกันอย่างแท้จริง (3) ยุคแห่งการเล่าเรื่องเชิงดื่มด่ำ (2010s) ที่เน้นให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำกับเรื่องเล่าหรือโลกภายในเกมด้วยตัวเองมากกว่าที่จะถูกกำหนดเส้นทางโดยผู้พัฒนาเกม ผ่านเครื่องมือที่สำคัญอย่างการเล่าเรื่องผ่านสิ่งแวดล้อม</p> <p> </p> <p> ทั้งนี้วิวัฒนาการการเล่าเรื่องในวิดีโอเกมสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างเทคโนโลยีและศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะการเล่าเรื่อง วิดีโอเกมสมัยใหม่ได้พัฒนาการเล่าเรื่องในเป็นพื้นที่แห่งการหลอมรวมศิลปะหลายแขนงจนกลายเป็นศิลปะแขนงใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อิทธิพลของเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในปัจจุบันจะทำให้วิดีโอเกมกลายเป็นสื่อที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่มีความลึกซึ้งและมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้นไปอีกในอนาคต</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287886การสื่อสารการตลาดออนไลน์บนเฟซบุ๊กที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการของผู้บริโภคร้านคาเฟ่: กรณีศึกษา ร้านแชทเทอร์บ๊อกส์คาเฟ่ 2025-08-27T16:21:45+07:00อินทัช คีรีวิเชียร5403019.com226@gmail.comลักษณา คล้ายแก้วgaiglaw@gmail.com<p> การศึกษา “การสื่อสารการตลาดออนไลน์บนเฟซบุ๊กที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้บริการของผู้บริโภคต่อร้านคาเฟ่: กรณีศึกษา ร้านแชทเทอร์บ๊อกส์คาเฟ่” มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการสื่อสารการตลาดออนไลน์ของร้านแชทเทอร์บ๊อกส์คาเฟ่ 2) เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคในการใช้สื่อออนไลน์เฟซบุ๊กของร้านแชทเทอร์บ๊อกส์คาเฟ่ และ 3) เพื่อวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อสื่อออนไลน์เฟซบุ๊กที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการร้านแชทเทอร์บ๊อกส์คาเฟ่ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการศึกษาคอนเทนต์บนเฟซบุ๊กแฟนเพจ และการสัมภาษณ์แบบกลุ่ม ผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการร้านแชทเทอร์บ๊อกส์คาเฟ่ การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลในรูปแบบการบรรยายเชิงพรรณนา</p> <p> </p> <p> ผลการวิจัย พบว่า การสื่อสารการตลาดออนไลน์ของร้านแชทเทอร์บ๊อกส์คาเฟ่ ร้านใช้การสื่อสารการตลาดออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊กแฟนเพจไปยังผู้บริโภค มีการใช้บริการเดลิเวอรี่อย่าง Lineman, Robinhood ด้านกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดออนไลน์ของร้าน ได้แก่ กลยุทธ์ปากต่อปาก กลยุทธ์การตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์ กลยุทธ์การตลาดผ่านการสื่อสารด้วยคอนเทนต์ กลยุทธ์การส่งถึงที่ กลยุทธ์ออนไลน์และสื่อสังคม ด้านความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อสื่อออนไลน์เฟซบุ๊กของร้าน ได้แก่ ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ทางร้านจะยึดถือคุณภาพของสินค้าและการบริการ ปัจจัยด้านราคา ราคาของอาหารและเครื่องดื่ม มีความเหมาะสมกับคุณภาพของสินค้าและการบริการ ปัจจัยด้านช่องทางการจัดจำหน่าย สินค้าและบริการของร้านสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ ปัจจัยด้านการส่งเสริมการตลาด มีการใช้กลยุทธ์ที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ถึงสินค้าและบริการของร้าน และปัจจัยด้านกระบวนการให้บริการ คุณภาพและรสชาติของอาหารมีคุณภาพสูงและมีเอกลักษณ์ มีเมนูกาแฟที่หลากหลาย รูปแบบและบรรยากาศของร้านมีเอกลักษณ์</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287902The Influence of Wechat on Cross-cultural Communication: An Analysis of Language Learning, Cultural Understanding, and Social Connectivity Among International Users2025-08-28T08:53:24+07:00Wenchong Xu876927093@qq.comDuangtip ChareonrookDoungtip.p@rsu.ac.th<p> This study investigates the influence of WeChat on cross-cultural communication, focusing on its impact on language learning, cultural understanding, and social connectivity among international users. With over 1.3 billion active users globally, WeChat is a central platform for cross-cultural interactions. The research aims to explore how WeChat facilitates language acquisition, enhances cultural exchange, and fosters social connections through its unique features.</p> <p> </p> <p> A quantitative methodology was employed, with data collected from a structured online questionnaire targeting a stratified sample of 400 international WeChat users. Participants were selected based on their active engagement in cross-cultural communication, representing diverse demographics such as students, expatriates, and professionals. Statistical analysis, including descriptive and inferential statistics, was used to measure the influence of WeChat on language learning, cultural understanding, and social connectivity.</p> <p> </p> <p> Key findings indicate that WeChat significantly supports language learning through features like voice and video calls, although vocabulary exposure through Moments showed less impact. Regarding cultural understanding, participation in cultural exchange groups was highly valued by users, though the effectiveness of translation features varied. Social connectivity emerged as one of WeChat’s strongest aspects, with users reporting enhanced ability to establish and maintain cross-cultural relationships.</p> <p> </p> <p> In conclusion, the study highlights that WeChat plays a vital role in facilitating cross-cultural communication, offering tools that enhance language skills, cultural exchange, and social interaction. However, the findings also suggest areas for improvement, particularly in vocabulary exposure and translation features, to better serve users' needs. These insights contribute to understanding the potential of digital platforms like WeChat in promoting global connectivity and bridging cultural gaps.</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287905แนวทางการเป็นผู้นำภาครัฐในการสื่อสารภาวะวิกฤต2025-08-28T10:25:05+07:00รุจินันท์ เอื้อพิทักษ์สกุลrujinan.eu@up.ac.thกิตติคุณ ค้าขายdoctorkittikun@gmail.com<p> บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางการเป็นผู้นำภาครัฐในการสื่อสารภาวะวิกฤต ด้วยบริบทของโลกยุคใหม่ หลายประเทศเผชิญกับเหตุการณ์เกิดขึ้นโดยคาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ ไม่แน่นอน มีความซับซ้อน เข้าใจยาก (Bani Word) โดยที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับเหตุการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และอุทกภัยน้ำท่วมในหลายจังหวัด ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน หน่วยงานภาครัฐทั้งผู้นำภาครัฐในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น จำเป็นต้องนำความรู้ด้านการสื่อสารในภาวะวิกฤตมาประยุกต์ใช้เพื่อการสื่อสารสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน และบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น </p> <p> </p> <p> การเป็นผู้นำภาครัฐเพื่อสื่อสารในภาวะวิกฤตถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน เหตุการณ์วิกฤตในอนาคต เนื่องจากเป็นการช่วยคลี่คลายเหตุการณ์วิกฤตให้บรรเทาลง และยังสามารถตอบสนองความพึงพอใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้เงื่อนไขด้านเวลาที่ต้องดำเนินการสื่อสารอย่างรวดเร็ว บทความวิชาการนี้จึงอธิบายแนวทางของการเป็นผู้นำภาครัฐในการสื่อสารภาวะวิกฤตในหลายมิติ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของผู้นำในภาวะวิกฤต จริยธรรมของผู้นำภาครัฐในการสื่อสารภาวะวิกฤต การสื่อสารกับสื่อมวลชนในภาวะวิกฤต และการสื่อสารภาวะวิกฤตโดยใช้สื่อสังคมออนไลน์</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287906การพัฒนาแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการจัดการเกษตรสมัยใหม่จากทุนทางสังคมและวัฒนธรรม กรณีศึกษาชุมชน ต.คลองนิยมยาตรา อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ2025-08-28T10:34:10+07:00พิมพ์ชญา ฟักเปี่ยมpimchaya.f@dru.ac.thเอกรงค์ ปั้นพงษ์akkarong.p@psru.ac.th<p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1.เพื่อศึกษาความต้องการแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการจัดการเกษตรสมัยใหม่ของกลุ่มเกษตรกรในชุมชน 2. เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการจัดการเกษตรสมัยใหม่ของกลุ่มเกษตรกรในชุมชน และ 3.เพื่อประเมินผลการพัฒนาแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการจัดการเกษตรสมัยใหม่ โดยนำไปประยุกต์กับทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรภายในชุมชนให้มีความยั่งยืน ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ มีรูปแบบการวิจัยแบบผสมผสาน เเบ่งเป็น การวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นกลุ่มเกษตรกรในตำบลคลองนิยมยาตรา อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ทั้งหมด 300 คน สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมถึงการทดสอบหาค่าที (Paired t-test) และการวิจัยเชิงคุณภาพ ทำการสัมภาษณ์ กับกลุ่มตัวอย่าง จำนวนทั้งสิ้น 9 คน โดยแบ่งเป็นเกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน 7 คน ผู้นำชุมชน 1 คน และตัวแทนหน่วยงานราชในพื้นที่ 1 คน</p> <p> </p> <p> ผลการวิจัย พบว่า ทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีภายในชุมชนคอลงนิยมยาตราสามารถแบ่งได้ดังนี้ 1) เป็นสิ่งที่ฝังในตัวคนหรือกลุ่มคน ได้แก่ ความคิด ความริเริ่ม ความเชื่อที่ฝังรากเหง้ามาตั้งแต่ก่อร่างสร้างชุมชนมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่ ภูมิปัญญาจากการเกษตรกรรม, ปศุสัตว์, การชลประทาน และศิลปะหัตถกรรมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น 2) เป็นสิ่งที่มีรูปลักษณ์เป็นตัวตน อาทิ การขุดคลองภายในพื้นที่เพื่อพัฒนาการเกษตรและการประมง, ผลิตผลทางการเกษตร เลี้ยงสัตว์ และการแปรรูปสินค้าต่าง ๆ เพื่อการค้าขายในการสร้างรายได้ให้กลุ่มประชาชนภายในในพื้นที่ และ 3) ความเป็นสถาบัน ได้แก่ อบต.คลองนิยมยาตรา, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ทั้งนี้จากการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการจัดการเกษตรสมัยใหม่ ทีมผู้วิจัยและชาวบ้านได้สร้างช่องทางเชื่อม (ลิ้งค์) จาก Tiktok channel: อบต. คลองนิยมยาตรา, Facebook Fanpage: องค์การบริหารส่วนตำบล คลองนิยมยาตรา และ Youtube channel: U2T Dru คลองนิยมยาตรา ไปสู่เว็บไซต์ขององค์การบริหารส่วนตำบล คลองนิยมยาตรา ทั้งนี้กลุ่มเกษตรกรมีระดับความพึงพอใจในการจัดกิจกรรมบริการวิชาการเชิงปฏิบัติการในการให้ความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการใช้งานแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ทั้งนี้องค์ความรู้และการประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ก่อนและหลังการอบรมของกลุ่มเกษตรกรนั้นเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนอบรม โดยหลังการอบรมจะสังเกตได้ว่ากลุ่มเกษตรกรภายในชุมชนส่วนใหญ่สามารถปรับปรุงและประยุกต์ช่องทางสื่อออนไลน์ที่ท่านมีอยู่แล้วสำหรับการเกษตร รวมถึงสามารถปรับปรุงช่องทางสื่อออนไลน์สำหรับการเกษตรที่สร้างขึ้นให้มีความสวยงาม</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287912พลวัตและแนวโน้มของอุตสาหกรรมโฆษณาในปี พ.ศ. 2543-25672025-08-28T11:44:47+07:00วรพงษ์ ปลอดมูสิกworapong.plo@dpu.ac.th<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพลวัตของอุตสาหกรรมโฆษณาในปี พ.ศ. 2543-2567 และเพื่อศึกษาแนวโน้มการผลิตสื่อโฆษณาในยุคดิจิทัล เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้กระบวนการวิจัยเอกสารตามแนวคิดของ Scott (1990; 2006) โดยศึกษาบทความวิจัยและวิชาการในระดับสากลที่มีความน่าเชื่อถือ จำนวน 30 ฉบับ ผลการศึกษาพบว่า เนื้อหาโฆษณาที่มีความคิดสร้างสรรค์และเชื่อมโยงกับคุณค่าของแบรนด์สามารถกระตุ้นความรู้สึกและแรงจูงใจของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่เอเจนซี่โฆษณาต้องปรับบทบาทจากผู้ผลิตสื่อไปเป็นนักวางกลยุทธ์เชิงเทคโนโลยีเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสื่อดิจิทัล การมีส่วนร่วมของผู้บริโภคผ่านคอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ทั้งนี้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี คลังข้อมูลขนาดใหญ่ และปัญญาประดิษฐ์ ส่งผลต่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกันอิทธิพลของโฆษณามีผลต่อพฤติกรรมและค่านิยมของผู้บริโภคเชิงลึก การโฆษณาในอนาคตควรมุ่งสร้างคุณค่าทางสังคมควบคู่กับการปรับตัวเชิงเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน</p> <p> </p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287913การเล่าเรื่องและภาษาภาพยนตร์แนวแทรจิคคอเมดี (Tragicomedy) โดย Wes Anderson2025-08-28T11:57:52+07:00อิสรียา สุนทราวงศ์isareeya.s63@rsu.ac.thสรพงษ์ วงศ์ธีระธรณ์isareeya.s63@rsu.ac.th<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการเล่าเรื่องของภาพยนตร์แนวแทรจิคคอเมดี (Tragicomedy) โดย Wes Anderson และ 2) เพื่อศึกษาการใช้ภาษาภาพยนตร์แนวแทรจิคคอเมดี (Tragicomedy) โดย Wes Anderson เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การวิเคราะห์ตัวบท (Textual Analysis) ภาพยนตร์แทรจิคคอเมดี (Tragicomedy) ซึ่งกำกับโดย Wes Anderson ระหว่างปี ค.ศ. 1998-2021 มีจำนวน 7 เรื่อง วิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลการวิจัยเชิงพรรณนา ผลการวิจัยพบว่า</p> <p> </p> <p> การเล่าเรื่องของภาพยนตร์แนวแทรจิคคอเมดี (Tragicomedy) โดย Wes Anderson มีกลวิธีการเล่าเรื่องดังนี้ 1) โครงเรื่อง มีการลำดับเหตุการณ์ในการเล่าเรื่อง 5 ขั้นตอน ได้แก่ การเริ่มเรื่อง การพัฒนาเหตุการณ์ ภาวะวิกฤต ภาวะคลี่คลาย และการปิดเรื่อง มีการจบเรื่อง 2 แบบ ได้แก่ จบอย่างเป็นสุข และการจบแบบสมจริง 2) แก่นเรื่องสื่อถึง การสูญเสีย และการปล่อยวางจากอดีต 3) ความขัดแย้ง มี 3 ลักษณะ ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างคนกับคน ความขัดแย้งภายในจิตใจ และความขัดแย้งกับพลังภายนอก 4) ตัวละคร จำแนกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ Static หรือ Flat Character และ Round Character 5) ฉาก มี 5 ประเภท ได้แก่ ฉากที่เป็นธรรมชาติ ฉากที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ ฉากที่เป็นช่วงเวลาหรือยุคสมัย ฉากที่เป็นการดำเนินชีวิตของตัวละคร และฉากที่เป็นสภาพแวดล้อมเชิงนามธรรม 6) สัญลักษณ์ที่ปรากฏสื่อถึงบาดแผลทางจิตใจจากในอดีต หรือการรับมือกับปัญหาที่เข้ามาเพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปสู่อนาคตข้างหน้า 7) มุมมองในการเล่าเรื่องมี 4 ลักษณะ ได้แก่ การเล่าเรื่องจากมุมมองบุคคลที่ 1 มุมมองบุคคลที่ 3 การเล่าเรื่องแบบรู้รอบด้าน และมุมมองที่เป็นกลาง</p> <p> </p> <p> การใช้ภาษาภาพยนตร์แนวแทรจิคคอเมดี (Tragicomedy) โดย Wes Anderson พบว่า 1) แสง มีการใช้แสงจากธรรมชาติ และแสงประดิษฐ์ ได้แก่ การจัดแสงแบบไฮคีย์ แสงแบบโลว์คีย์ และจัดแสงแบบใช้ทิศทาง 2) สี มี 3 ลักษณะ คือ สีที่เกิดจากฉาก สีที่เกิดจากการจัดแสง และสีเทคนิคพิเศษทางภาพ 3) การแสดง คือ นักแสดงมีสีหน้าเรียบเฉย และเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างบทสนทนาค่อนข้างน้อย 4) การถ่ายภาพยนตร์ เน้นความสมมาตรของภาพ เน้นใช้ระยะของภาพปานกลางและระยะใกล้ มุมภาพระดับสายตา เคลื่อนกล้องรวดเร็ว 5) เสียง คือ เสียงในบทสนทนา เสียงประกอบ และเสียงดนตรี และ 6) การตัดต่อและลำดับภาพแบบต่อเนื่อง และการตัดต่อแบบเรียบเรียง</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287914การประกอบสร้างความเป็นเควียร์ผ่านการเล่าเรื่องในนิยายโอเมก้าเวิร์ส2025-08-28T12:14:33+07:00ปัญญรัตน์ วันทองpunyarat.w@gmail.comพัชนี เชยจรรยาpatchaneec@hotmail.comพิทักษ์ ชูมงคลc.pitak@yahoo.com<p> งานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์การประกอบสร้างความเป็นเควียร์ผ่านองค์ประกอบและกลวิธีการเล่าเรื่องในนิยายโอเมก้าเวิร์ส และเพื่อศึกษากระบวนการถอดรหัสและการตีความความหมายทางเพศของผู้อ่าน โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ประกอบด้วยการวิเคราะห์ตัวบทนิยายจำนวน 12 เรื่อง และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้อ่าน 24 คน ผลการวิจัยพบว่านิยายโอเมก้าเวิร์สมีการท้าทายขนบเพศสภาพแบบทวิลักษณ์ผ่านการสร้างระบบเพศรองที่หลากหลาย แต่ยังคงผลิตซ้ำโครงสร้างอำนาจในรูปแบบใหม่ ด้านการถอดรหัสความหมาย พบความแตกต่างระหว่างผู้อ่านทั่วไปที่มองในแง่ความบันเทิง และผู้อ่านที่มีความหลากหลายทางเพศที่ใช้เป็นพื้นที่แสดงออกและต่อรองอัตลักษณ์ สะท้อนให้เห็นทั้งศักยภาพและข้อจำกัดของวรรณกรรมในการท้าทายบรรทัดฐานทางเพศในสังคมร่วมสมัย อันนำไปสู่การเปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรมใหม่ที่ท้าทายวาทกรรมกระแสหลักและสร้างความเข้าใจเชิงวิพากษ์ต่อระบบความสัมพันธ์เชิงอำนาจทางเพศในสังคมไทย</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287915The Influence of Television Media Exposure on Cognitive Processing and Perceived Appeal of Tourist Destinations in China2025-08-28T12:37:16+07:00Zhou Xiaoxuanxiaoxuan.z66@rsu.ac.thDoungtip Chareonrookdoungtip.p@rsu.ac.th<p> This study examines the influence of Chinese TV media exposure on tourists' cognitive processing and perceived appeal of tourist destinations. Television shapes public perceptions by portraying narratives, images, and emotions, allowing potential visitors to process information and discover new travel experiences.</p> <p> </p> <p> Using quantitative research method, 400 respondents participated in a questionnaire survey, providing strong empirical evidence. The study analyzed viewers' TV media exposure habits, cognitive processing, and perceived appeal toward tourist destinations. Through statistical calculation, regression analysis showed that there was a significant positive correlation between TV media exposure and cognitive processing (R²=0.819, p < 0.01), and a significant positive correlation between TV media exposure and perceived appeal (R²=0.78, p < 0.01). Chinese TV media exposure significantly affects the relationship between cognitive processing and the perceived appeal of tourist destinations.</p> <p> </p> <p> Findings reveal that extensive TV media exposure significantly enhances cognitive engagement, improving information processing, memory retention, and knowledge acquisition. It also strengthens emotional and aesthetic perceptions, increasing destination appeal through cultural identity and emotional resonance. Overall, the study confirms that television media exposure plays a crucial role in shaping cognitive processes and the perceived appeal of travel destinations, especially among tourists aged 18-35. These insights highlight that TV media is not only a channel for information dissemination, but also an important medium for influencing tourists' psychological and behavioral decisions. With the continuous evolution of the media environment, tourism managers should pay more attention to the potential of TV media, combine content creativity with communication strategies, deepen audience cognition and stimulate tourism interest. Future research can further explore the synergistic effect of different types of media, and provide more comprehensive theoretical support and practical guidance for the image building and marketing of tourist destinations.</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287917การเปิดรับสื่อและปัจจัยที่มีผลต่อการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน เจเนอเรชันแซดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ2025-08-28T12:44:02+07:00ณัชชา อาจารยุตต์natcha.a@msu.ac.th<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเปิดรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านสื่อ ปัจจัยที่มีผลต่อการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งของประชาชนเจเนอเรชันแซดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามประชาชนกลุ่มเจเนอเรชันแซด (อายุ 18-26 ปี) ที่มีภูมิลำเนาในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้ง 20 จังหวัด จำนวน 400 กลุ่มตัวอย่าง พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นเจเนอเรชันแซด เปิดรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งผ่านสื่อดิจิทัล ได้แก่ เว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ยูทูบ ติ๊กต๊อก และกลุ่มไลน์ อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\large&space;\bar{x}" alt="equation">) เท่ากับ 4.69 ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการไปใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชนกลุ่มเจเนอเรชันแซด คือด้านความชื่นชอบในคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง และคาดหวังว่าผู้สมัครที่เลือกจะชนะการเลือกตั้ง อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\large&space;\bar{x}" alt="equation">) เท่ากับ 4.76 และระดับการมีส่วนร่วมทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งของประชาชนกลุ่มเจเนอเรชันแซด คือการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งในระดับต่างๆ เช่น ระดับชาติ (ส.ส.) หรือระดับท้องถิ่น (อบต. อบจ.) มีค่าเฉลี่ย (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\large&space;\bar{x}" alt="equation">) เท่ากับ 4.53 อยู่ในระดับมากที่สุด</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287918กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสินค้าโอทอปไทยในเวียดนาม2025-08-28T13:03:13+07:00TA THI MYtathimy77@outlook.comสุกัญญา บูรณเดชาชัยsukanya.bur@bkkthon.ac.th ศักดินา บุญเปี่ยมsakdina55@gmail.com<p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการเปรียบเทียบลักษณะประชากรศาสตร์กับการสื่อสารการตลาดดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสินค้าโอทอปไทยในเวียดนาม 2) วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการตลาดดิจิทัลกับกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสินค้าโอทอปไทยในเวียดนาม และ 3) นำเสนอรูปแบบกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสินค้าโอทอปไทยในเวียดนาม การวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี ประกอบด้วยการวิจัยเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคชาวเวียดนามจำนวน 400 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนา การทดสอบค่าที การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์ สำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพได้ทำการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ให้ข้อมูลสำคัญจำนวน 20 คน ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านนิเทศศาสตร์ ผู้ประกอบการสินค้าโอทอป ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างไทย-เวียดนาม และผู้บริโภคชาวเวียดนาม ผลการวิจัยพบว่า เพศที่แตกต่างกันมีกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดดิจิทัลที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ขณะที่อายุ อาชีพ การศึกษา และรายได้ไม่มีผลต่อความแตกต่างของกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดดิจิทัล นอกจากนี้ยังพบว่าการตลาดดิจิทัลในทุกด้าน ได้แก่ ด้านเว็บไซต์ ด้านสื่อสังคมออนไลน์ ด้านการครองหน้าแรกในเครื่องมือค้นหา ด้านการตลาดเชิงเนื้อหา และด้านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดดิจิทัลเพื่อส่งเสริมสินค้าโอทอปไทยในเวียดนาม โดยด้านจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มีความสัมพันธ์สูงที่สุด สำหรับรูปแบบกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดดิจิทัลที่เหมาะสมประกอบด้วย การใช้สื่อดิจิทัลแบบบูรณาการ การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า การถ่ายทอดอัตลักษณ์และจุดเด่นของสินค้าผ่านการเล่าเรื่อง การทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และการสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้า ผลการวิจัยนี้มีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการสินค้าโอทอปและหน่วยงานภาครัฐในการวางแผนกลยุทธ์และกำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าโอทอปไทยไปยังตลาดเวียดนามผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287929การสื่อสารเพื่อส่งเสริมแฟชั่นของนิตยสารแฟชั่นต่างประเทศในยุคดิจิทัล: กรณีศึกษา L'Officiel Thailand2025-08-28T15:04:30+07:00สุทธิเกียรติ บุดดีsuttikiat.b@ku.thณัฏฐ์ชุดา วิจิตรจามรีnatchuda.w@ku.th<p> การวิจัยเรื่อง "การสื่อสารเพื่อส่งเสริมแฟชั่นของนิตยสารแฟชั่นต่างประเทศในยุคดิจิทัล" <br>มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) กลยุทธ์การนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับแฟชั่นของนิตยสารแฟชั่นต่างประเทศ และ 2) กลยุทธ์การสื่อสารการตลาดของนิตยสารแฟชั่นต่างประเทศ โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพผ่านการวิเคราะห์นิตยสาร L'Officiel Thailand จำนวน 12 ฉบับในปี 2567 และการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมแฟชั่น</p> <p> </p> <p> ผลการวิจัยพบว่า กลยุทธ์การนำเสนอเนื้อหาประกอบด้วย 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) กลยุทธ์การเล่าเรื่อง ที่เน้นการใช้ภาษาที่มีเอกลักษณ์และการวิเคราะห์เชิงลึก 2) กลยุทธ์การนำเสนอมิติทางวัฒนธรรมและสังคม ที่เชื่อมโยงแฟชั่นกับบริบททางสังคมและศิลปะ 3) กลยุทธ์การนำเสนอตามช่วงเวลา ที่สอดคล้องกับปฏิทินแฟชั่นและพฤติกรรมผู้บริโภค 4) กลยุทธ์การสร้างความร่วมมือกับผู้มีบทบาทสำคัญในวงการแฟชั่น และ 5) กลยุทธ์การปรับตัวสู่ดิจิทัล ที่พัฒนาการนำเสนอเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม ด้านกลยุทธ์การสื่อสารการตลาด พบ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1) กลยุทธ์การสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าโฆษณาที่ยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ 2) กลยุทธ์การจัดการพื้นที่โฆษณา ที่จัดสรรพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล 3) กลยุทธ์การสร้างรายได้ในยุคดิจิทัล โดยใช้โมเดลธุรกิจแบบผสมผสาน และ 4) กลยุทธ์การรักษาฐานลูกค้าโฆษณาระยะยาว ทั้งนี้ ผลการวิจัยนี้ได้ชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการบูรณาการกลยุทธ์การสื่อสารแฟชั่นในยุคดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการผสมผสานระหว่างคุณค่าเชิงวัฒนธรรมของเนื้อหากับเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจสื่อและอุตสาหกรรมแฟชั่นเพื่อรับมือกับความท้าทายในยุคดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287930การเปิดรับสื่อ ทัศนคติ และพฤติกรรมการชมคอนเสิร์ตศิลปินไทยของผู้บริโภค Gen Y 2025-08-28T15:12:29+07:00ปิ่นปรากรม ก้อนทองpinpragrom.g@ku.thณัฏฐ์ชุดา วิจิตรจามรีnatchuda.w@ku.th<p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับคอนเสิร์ตศิลปินไทยของผู้บริโภค Gen Y 2) ศึกษาทัศนคติของผู้บริโภค Gen Y ที่มีต่อคอนเสิร์ตศิลปินไทย 3) ศึกษาพฤติกรรมการชมคอนเสิร์ตศิลปินไทยของผู้บริโภค Gen Y 4) ศึกษาความแตกต่างของการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับคอนเสิร์ตศิลปินไทยจำแนกตามคุณลักษณะทางประชากรของผู้บริโภค Gen Y 5) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับคอนเสิร์ตศิลปินไทย และทัศนคติต่อคอนเสิร์ตศิลปินไทยของผู้บริโภค Gen Y 6) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเปิดรับสื่อเกี่ยวกับคอนเสิร์ตศิลปินไทยกับพฤติกรรมการชมคอนเสิร์ตศิลปินไทยของกลุ่มผู้บริโภค Gen Yและ 7) ศึกษาความสัมพันธ์ของทัศนคติต่อคอนเสิร์ตศิลปินไทยและพฤติกรรมการชมคอนเสิร์ตศิลปินไทยของผู้บริโภค Gen Y เป็นวิจัยเชิงปริมาณ และใช้แบบสอบถามออนไลน์เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยผู้วิจัยส่งแบบสอบถามออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊กผู้ที่มีประสบการณ์ชมคอนเสิร์ตศิลปินไทย จำนวน 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มคอนเสิร์ตในประเทศไทย 2) กลุ่มรวมพลคนชอบคอนเสิร์ต 3) หาเพื่อนไปคอนเสิร์ต Find Friends For a Concert 4) คอนเสิร์ต/แสดงสด/ละครเวที กลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน เพื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเชิงพรรณนา หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานการวิจัยด้วยการวิเคราะห์สถิติเชิงอนุมาน โดยใช้การทดสอบ <br>t-test และ One-Way ANOVA เพื่อหาค่าความแตกต่างระหว่างคะแนนเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่าง ความแปรปรวนทางเดียว และค่าสถิติสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน</p> <p> </p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ลักษณะทางประชากรของผู้บริโภค Gen Y ได้แก่ อายุ อาชีพ รายได้และสถานภาพ ที่แตกต่างกันมีการเปิดรับสื่อคอนเสิร์ตศิลปินไทยที่แตกต่างกัน 2) การเปิดรับสื่อคอนเสิร์ตศิลปินไทย ได้แก่ X Instagram Facebook TikTok และ YouTube มีความสัมพันธ์กับทัศนคติที่มีต่อคอนเสิร์ตศิลปินไทยของผู้บริโภค Gen Y 3) การเปิดรับสื่อคอนเสิร์ตศิลปินไทย มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการชมคอนเสิร์ตศิลปินไทยของผู้บริโภค Gen Y และ 4) ทัศนคติที่มีต่อสื่อคอนเสิร์ตศิลปินไทย มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการชมคอนเสิร์ตศิลปินไทยของผู้บริโภค Gen Y อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287931ปัจจัยที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของการรีวิวร้านชาบูหม่าล่าผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดย PEACH EAT LAEK กับคุณค่าของตราสินค้าและความตั้งใจซื้อของผู้บริโภค2025-08-28T16:11:03+07:00ธัญณิชา กิตติธนคุณานันต์Thannicha.kitty@gmail.comพัชนี เชยจรรยาPatchaneec@hotmail.com<p> ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมากกว่าครึ่งหนึ่ง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อายุ 21-30 ปี เพศหญิง และมีการศึกษาในระดับปริญญาตรี จากการทดสอบสมติฐานพบว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของรีวิว ได้แก่ ความเชี่ยวชาญ (Expertise) ความน่าไว้วางใจ (Trustworthiness) และความน่าดึงดูดใจ (Attractiveness) ของผู้รีวิว นอกจากนี้ ความน่าเชื่อถือของรีวิวมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับ คุณค่าของตราสินค้า (Brand Equity) ในด้านการรู้จักตราสินค้า (Brand Awareness) การเชื่อมโยงกับตราสินค้า (Brand Association) คุณภาพที่ถูกรับรู้ (Perceived Quality) และความภักดีต่อตราสินค้า (Brand Loyalty) ยิ่งไปกว่านั้น คุณค่าของตราสินค้ายังมีอิทธิพลต่อความตั้งใจซื้อ (Purchase Intention) ของผู้บริโภคอย่างมีนัยสำคัญ ผลการวิจัยนี้สามารถใช้เป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารในการเลือกผู้รีวิวที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างคุณค่าของตราสินค้า รวมถึงช่วยวางกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในอุตสาหกรรม</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287946ความคาดหวัง ความพึงพอใจ และการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการที่มีต่อเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ2025-08-29T11:20:19+07:00มหิตถีห์ จักราบาตรmahittee.c@ku.thวราพรรณ อภิศุภะโชคwarapan.a@ku.thศรัณย์ธร ศศิธนากรแก้วfhumsts@ku.ac.th<p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ลักษณะประชากร ความคาดหวัง ความพึงพอใจ และการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการที่มีต่อเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. 2) ความแตกต่างลักษณะทางประชากรกับความคาดหวังที่มีต่อเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. 3) ความแตกต่างลักษณะทางประชากรกับความพึงพอใจที่มีต่อเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. 4) ความแตกต่างลักษณะทางประชากรกับการใช้ประโยชน์เว็บไซต์สำนักงาน กสทช. 5) ความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจกับการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการที่มีต่อเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. 6) ความสัมพันธ์ระหว่างความคาดหวังกับการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการจากการใช้งานเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. เป็นการวิจัยชิงสำรวจ เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 400 คน ใช้สถิติเชิงพรรณณา คือ การแจกแจงความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน คือ t-test และ f-test พบว่า ความคาดหวัง ความพึงพอใจ และการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการจากการใช้งานเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง พบว่า ความคาดหวังต่อการใช้งานเว็บไซต์ด้านอายุและรายได้แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 กลุ่มตัวอย่างที่มีอายุ ระดับการศึกษาและรายได้แตกต่างกันมีความพึงพอใจต่อเว็บไซต์แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 กลุ่มอายุและอาชีพที่แตกต่างกันมีการใช้ประโยชน์เว็บไซต์แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ในส่วนความพึงพอใจมีความสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการจากการใช้งานเว็บไซต์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และความคาดหวังมีความสัมพันธ์กับการใช้ประโยชน์ของผู้ใช้บริการจากการใช้งานเว็บไซต์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287948การรับรู้คุณค่า ผลกระทบ กับการตัดสินใจใช้บัญชีนิรนาม ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์2025-08-29T12:57:30+07:00ปองปรารถน์ สุนทรเภสัชpongprad@g.lpru.ac.thสุคนทิพย์ สุภาจันทร์suphachan@yahoo.com<p> การวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความสัมพันธ์ของการรับรู้คุณค่า ผลกระทบ กับการตัดสินใจใช้บัญชีนิรนามของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ และ 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บัญชีนิรนามของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปางที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง จำนวน 385 คน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน รวมถึงสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ ใช้วิธี Stepwise ในการคัดเลือกตัวแปรอิสระ เพื่อสร้างสมการถดถอยที่เหมาะสมในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของตัวแปรที่ศึกษา</p> <p> </p> <p> ผลการวิเคราะห์พบว่า การรับรู้คุณค่าของการใช้บัญชีนิรนามมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการตัดสินใจใช้บัญชีนิรนาม การรับรู้ผลกระทบของการใช้บัญชีนิรนามมีความสัมพันธ์ทางบวกกับการตัดสินใจใช้บัญชีนิรนาม ส่วนปัจจัยที่มีประสิทธิภาพที่สามารถทำนายการตัดสินใจใช้บัญชีนิรนาม คือ การรับรู้คุณค่าของการใช้บัญชีนิรนาม โดยสามารถทำนายการตัดสินใจใช้บัญชีนิรนามได้ร้อยละ 35.9 ในภาพรวมนักศึกษาเห็นด้วยว่าบัญชีนิรนามมีคุณค่า ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\large&space;\bar{x}" alt="equation"> = 3.71) โดยประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ การสื่อสารนิรนามสามารถนำมาสร้างความมีตัวตน ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\large&space;\bar{x}" alt="equation"> = 3.81) ส่วนผลกระทบของการใช้บัญชีนิรนามประเด็นที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ การสื่อสารแบบนิรนามเป็นช่องทางของมิจฉาชีพ ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\large&space;\bar{x}" alt="equation"> = 3.96)</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jca/article/view/287949การสื่อสารยุทธศาสตร์และนโยบาย การสร้างสื่อดิจิทัลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุไทย2025-08-29T13:10:40+07:00ปุริมปรัชญ์ อำพันPurimprat.am@gmail.comชัชญา สกุณาChachaya.s@rsu.ac.th<p> บทความวิจัยนี้มุ่งวิเคราะห์พลวัตการสื่อสารยุทธศาสตร์และนโยบาย การสร้างสื่อดิจิทัลเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุไทย โดยครอบคลุมถึงบทบาทหน้าที่ของสถาบันสื่อและการเปิดรับข่าวสารและความคาดหวังของผู้รับสารปลายทาง ระเบียบวิธีวิจัยเป็นแบบเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยบูรณาการการวิเคราะห์เอกสาร (Document Analysis) นโยบายภาครัฐ, การวิเคราะห์ตัวบทสื่อ (Textual Analysis) ที่เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2567, และการสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) กับผู้สูงอายุสองกลุ่มที่มีลักษณะแตกต่างกันคือ กลุ่มที่เปิดรับเทคโนโลยี และกลุ่มที่ไม่สนใจเทคโนโลยี</p> <p> </p> <p> ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์การสื่อสารของภาครัฐซึ่งมุ่งเน้นช่องทางดิจิทัลเป็นหลักได้ก่อให้เกิด "ช่องว่างในการสื่อสาร" (Communication Gap) อย่างมีนัยสำคัญกับผู้สูงอายุกลุ่มที่ยังคงพึ่งพาสื่อดั้งเดิมและเครือข่ายบุคคลในพื้นที่ (Interpersonal Networks) ซึ่งผู้สูงอายุกลุ่มหลังนี้ส่วนใหญ่ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบโดยตรง ขณะเดียวกันสถาบันสื่อทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจได้ทำหน้าที่เป็นผู้แปลสารนโยบาย (Interpreter) ไปสู่เนื้อหาที่หลากหลาย ตั้งแต่การให้ข้อมูลสวัสดิการไปจนถึงการสร้างแรงบันดาลใจเชิงวัฒนธรรม จากข้อค้นพบดังกล่าว งานวิจัยนี้นำเสนอองค์ความรู้ใหม่ในรูปของ "โมเดลการสื่อสารยุทธศาสตร์สู่ผู้สูงอายุไทยแบบสองช่องทางในยุคเปลี่ยนผ่านเชิงดิจิทัล" (Dual-Track Strategic Communication Model for Thai Elderly in the Digital Transition Era) ซึ่งเสนอให้ดำเนินกลยุทธ์สองเส้นทางควบคู่กัน ได้แก่ เส้นทางดิจิทัล (Digital Track) สำหรับผู้สูงอายุที่เชื่อมต่อโลกออนไลน์ และ เส้นทางชุมชน (Community Track) ที่มุ่งเสริมพลังเครือข่ายมนุษย์และสื่อท้องถิ่น เพื่อให้การสื่อสารนโยบายสาธารณะครอบคลุมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง</p>2025-08-29T00:00:00+07:00ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนิเทศศาสตรปริทัศน์