https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/issue/feed
วารสารศาสตร์
2025-08-27T14:46:42+07:00
รองศาสตราจารย์ ดร.สมสุข หินวิมาน
acfb2@hotmail.com
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารศาสตร์</strong> เป็นวารสารวิชาการรายสี่เดือน ด้านวารสารศาสตร์ นิเทศศาสตร์และสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้องกับแวดวงการสื่อสาร</p> <p>อันได้แก่ สาขาสื่อสารมวลชน สาขาโฆษณาและประชาสัมพันธ์ สาขาสื่อสารองค์กร และสาขาสื่อสารศึกษาในมุมมองต่างๆ</p> <p>ทั้งนี้ บทความวิชาการและบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในเล่มได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิต่างสถาบันจำนวนอย่างน้อย 3 ท่าน</p> <p>วางจำหน่ายปีละ 3 ฉบับ คือ ฉบับเดือน มกราคม–เมษายน, ฉบับเดือน พฤษภาคม–สิงหาคม และฉบับเดือน กันยายน–ธันวาคม</p> <p><strong>การส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ “วารสารศาสตร์”</strong></p> <p><strong> </strong><strong>คุณลักษณะของบทความ</strong></p> <ul> <li class="show">เป็นบทความที่มีคุณลักษณะตามเกณฑ์ของ อ.ก.ม. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้แก่</li> </ul> <ol> <li class="show">1. บทความวิเคราะห์วิจัย (Research Article)</li> <li class="show">2. เอกสารกรณีศึกษา (Case Material)</li> <li class="show">3. บทความสำรวจวิชา (Survey Article)</li> <li class="show">4. บทความวิจารณ์ (Review Article)</li> <li class="show">5. บทความทางวิชาการ (Theoretical Article)</li> <li class="show">6. รายงานสำรวจ (Survey Report)</li> </ol> <p>ทั้งนี้ ไม่รวมงานวิทยานิพนธ์ของผู้เขียนบทความ บทความประเภทงานแปล และเอกสารประกอบคำบรรยาย</p> <ul> <li class="show">ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากสำนักพิมพ์อื่น</li> <li class="show">หากเป็นงานวิจัยดีเด่นที่เคยตีพิมพ์มาก่อนแล้ว ต้องมีการนำมาวิเคราะห์ด้วยมุมมองใหม่ นำเสนอข้อมูลใหม่โดยได้รับอนุญาตจากผู้เขียน</li> <li class="show">ผู้เขียนหรือผู้เขียนร่วมได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลในวารสารวิชาการ</li> <li class="show">ผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ และ/หรือ การอ่านเพื่อปรับแก้ไขจากบรรณาธิการ หรือบรรณาธิการรับเชิญ</li> </ul> <p> ตามกำหนดเวลาของกองบรรณาธิการ</p> <p><strong>การส่งต้นฉบับเนื้อหา</strong></p> <p>o เนื้อหาจัดพิมพ์ด้วยอักษร Cordia New ขนาด 15 pt</p> <p>o ความยาวประมาณ 15-20 หน้า ขนาด A4 พร้อมจัดเรียงภาพประกอบสีขาวดำลงในไฟล์ Microsoft Word</p> <p>o จัดต้นฉบับเป็นเอกสารเวิร์ดส (นามสกุล .doc, .docx, .rtf, txt) ไม่รับเอกสาร .pdf</p> <p>o ส่งพร้อมบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งประวัติสั้นๆ ของผู้เขียน</p> <p>o ตรวจทานความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ และจัดส่งต้นฉบับภายในระยะเวลาที่กำหนด</p> <p>o ส่งต้นฉบับพร้อมไฟล์ภาพประกอบ (เช่น ภาพประกอบ ตาราง แผนภูมิ)</p> <p> ให้ครบถ้วนลงแผ่นดิสก์หรือแผ่นซีดีทางไปรษณีย์หรืออีเมล์มายังกองบรรณาธิการ หรือ ส่งผ่านระบบออนไลน์ ทาง https://tci-thaijo.org/index.php/jcmag</p> <p><strong>การส่งไฟล์ภาพประกอบ </strong></p> <p>o ส่งไฟล์คุณภาพดีแยกต่างหากจากเนื้อหา</p> <p>o ความละเอียดไฟล์ภาพอย่างต่ำ 300 dpi</p> <p>o ขนาดของไฟล์ภาพไม่ควรเกิน 1M</p> <p>o นามสกุลไฟล .tif หรือ .jpg</p> <p>o ปรับโหมดไฟล์ภาพเป็นขาวดำ </p> <p> </p> <p><strong>กองบรรณาธิการวารสารวิชาการ “วารสารศาสตร์”</strong></p> <p>คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</p> <p>99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12121</p> <p>โทรศัพท์ 02-696-6267 อีเมล์ <a href="mailto:jaruneejc@gmail.com">jaruneejc@gmail.com</a></p> <p> </p>
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287875
เกมศึกษา: การศึกษารอยต่อ-รอยแยกเชิงวัฒนธรรมเรื่องเกม
2025-08-27T14:46:42+07:00
กาญจนา แก้วเทพ
jaruneejc@gmail.com
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287862
วาทกรรมความพิการในวรรณกรรมเยาวชนไทย
2025-08-27T11:59:08+07:00
เกศราพร ทองพุ่มพฤกษา
jaruneejc@gmail.com
<p> หนังสือเป็นสื่อหนึ่งที่สำคัญในการติดตั้งจิตสำนึกหรืออุดมการณ์ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นการศึกษาในครั้งนี้จึงสนใจที่จะศึกษาว่า วรรณกรรมเยาวชนไทยที่ประพันธ์โดยผู้แต่งชาวไทยที่เป็นเยาวชนและเป็นคนพิการเล่าเรื่องความพิการและคนพิการภายใต้ชุดวาทกรรมแบบใด เป็นพื้นที่ในการต่อสู้ของคนพิการ พื้นที่ในการสะท้อนหรือสร้างให้เหมือนจริง หรือพื้นที่แห่งการตอกย้ำภาพตัวแทนความพิการและคนพิการ โดยมีแนวคิดสำคัญคือ แนวคิดเกี่ยวกับความพิการ การเล่าเรื่อง และการประกอบสร้างความหมาย ทั้งนี้ การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพโดยใช้การวิเคราะห์ตัวบท สำหรับผลการศึกษาพบวาทกรรมความพิการใน 6 มิติ ได้แก่ มิติทางการแพทย์ที่มองว่า ความพิการเป็นความบกพร่อง คนพิการต้องเข้ารับการรักษา มิติของการสงเคราะห์หรือการกุศลที่มองคนพิการในฐานะที่ต่ำกว่า สังคมต้องช่วยเหลือเกื้อกูล มิติทางสังคมที่มองว่า ปัญหาของความพิการเกิดจากสังคมและสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย มิติทางวัฒนธรรมที่มองว่า ความพิการเป็นการประกอบสร้างของสังคม มิติของกฎหมาย สิทธิ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ที่ให้ความสำคัญกับสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนพิการให้เท่าเทียมกับคนทั่วไป และมิติทางศาสนาที่มองว่า ความพิการคือบททดสอบหนึ่งในชีวิตที่พระเจ้าประทานให้ โดยวาทกรรมความพิการหลักในวรรณกรรมเยาวชนแต่ละชื่อเรื่องมีความแตกต่างกัน ขึ้นกับประเภทของความพิการ ส่วนมุมมองของผู้แต่งต่อวาทกรรมความพิการพบว่า มีทั้งมุมมองสนับสนุน มุมมองวิพากษ์หรือโต้แย้ง และมุมมองต่อรอง</p> <p> </p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287864
การประกอบสร้างความหมายของผู้สูงอายุผ่านตระกูลรายการเกมโชว์แสดงความสามารถของผู้สูงอายุทางโทรทัศน์
2025-08-27T12:12:22+07:00
พรชัย ฉันต์วิเศษลักษณ์
jaruneejc@gmail.com
<p> การศึกษาตัวสารหรือวิเคราะห์ตัวบทรายการเกมโชว์แสดงความสามารถของผู้สูงอายุทางโทรทัศน์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเข้าใจถึงการประกอบสร้างความหมายของผู้สูงอายุ โดยใช้แนวคิดตระกูลรายการเกมโชว์ทางโทรทัศน์ ผู้สูงอายุกับสื่อโทรทัศน์ การประกอบสร้างความเป็นจริง และภาพตัวแทน พบว่า รายการมีแนวคิดหลักคือ เป็นช่วงเวลาสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมผ่านการแสดงความสามารถที่เกิดจากการมุ่งมั่นฝึกซ้อมจนชำนาญของผู้สูงอายุ ออกแบบโครงสร้างรายการชัดเจนตายตัว ทั้งแบบแข่งขันต่อเนื่องเป็นฤดูกาลและจบในตอน มุ่งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ผู้สูงวัยผ่านองค์ประกอบรายการโทรทัศน์ นับจากชื่อและสโลแกนรายการที่เลือกใช้คำบ่งชี้ภาพลักษณ์เชิงบวกของผู้สูงอายุ แก่นเรื่องที่ชูความสามารถและประสบการณ์ชีวิต ให้คุณค่าของเนื้อหาเพื่อผู้สูงอายุด้านสุขภาพ ภูมิปัญญา ครอบครัว และสังคม ผ่านขนบและนวัตกรรมของตระกูลรายการเกมโชว์ ได้แก่ ผู้เข้าแข่งขันสูงวัยที่ยังคงแข็งแรงและมีความสามารถเฉพาะตัว กติกาที่ไม่ซับซ้อนและสร้างความสนุก น่าติดตาม พิธีกรและกรรมการที่ให้กำลังใจ ช่วยเหลือและดึงศักยภาพของผู้อายุให้เด่นชัด ผู้ชม และรางวัล โดยใช้เทคนิคการผลิตรายการโทรทัศน์ด้านงานศิลปกรรม มุมกล้องและการเคลื่อนกล้อง ฉากภาพสื่อความหมาย เพื่อตอกย้ำว่า ผู้สูงอายุมีความแข็งแรง ทั้งร่างกาย ความคิด จิตใจ มีความสามารถ เป็นหลักพึ่งพิงของครอบครัว ถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น และมีจิตสาธารณะ เป็นภาพตัวแทนของผู้สูงอายุที่ชัดเจนให้กับผู้ชมรายการโทรทัศน์</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287866
แนวทางการพัฒนาการออกแบบเว็บไซต์เพื่อสังคมคนทั้งมวล
2025-08-27T12:18:17+07:00
วิศวัส ปัญญาวงศ์สถาพร
jaruneejc@gmail.com
<p> กลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการถือเป็นกลุ่มเปราะบางที่มักเผชิญกับความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (digital divide) เนื่องด้ายข้อจำกัดหลายประการ เช่น ความหลากหลายทางร่างกาย และความหลากหลายทางวัย ข้อจำกัดเหล่านี้ส่งผลให้กลุ่มดังกล่าวขาดโอกาสการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต อันนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลที่ถ่างกว้างขึ้นในสังคมไทย งานวิจัยชิ้นนี้จึงมุ่งศึกษาหลักการและกระบวนการออกแบบเว็บไซต์เพื่อสังคมคนทั้งมวล เพื่อสร้างโมเดลการออกแบบเว็บไซต์เพื่อสังคมคนทั้งมวล เพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล ผ่านกระบวนการวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (qualitative research) เริ่มจากการวิเคราะห์เนื้อหา สัมภาษณ์กลุ่มผู้พิการทางสายตา ทางหู และผู้มีความแตกต่างทางวัย จากนั้นจึงสร้างโมเดลการออกแบบเว็บไซต์เบื้องต้น (prototype) เพื่อสร้างเว็บไซต์ทดลองขึ้น เพื่อนำไปทดสอบกับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลเดิมอีกครั้ง นำไปสู่แคนวาสการออกแบบเว็บไซต์เพื่อสังคมคนทั้งมวล (Inclusive Website Design Canvas) ที่จะเป็นแนวทางสำหรับนักออกแบบเว็บไซต์ในวงการวิชาชีพและวิชาการเพื่อลดความเลื่อมล้ำทางดิจิทัลต่อไป</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287867
การรายงานข่าวการประท้วง: บทบาทของสื่อมวลชนไทยในการชุมนุมและความรุนแรงทางการเมือง
2025-08-27T12:23:13+07:00
พรรษาสิริ กุหลาบ
jaruneejc@gmail.com
<p> บทความนี้นำเสนอผลการวิจัยส่วนหนึ่งจากโครงการวิจัยเรื่อง <em>การรายงานข่าวการประท้วง: บทบาทของสื่อมวลชนไทยในการชุมนุมและความรุนแรงทางการเมือง</em> โดยบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาการดำเนินงานในการรายงานข่าวการชุมนุมทางการเมืองของสื่อมวลชน (2) ศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการรายงานข่าวการชุมนุมทางการเมืองของสื่อมวลชน และ (3) ศึกษาแนวทางการรายงานข่าวการชุมนุมทางการเมืองของสื่อมวลชนที่สร้างความชอบธรรมให้กับการใช้ความรุนแรงและแนวทางที่ขจัดเงื่อนไขที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง ผู้วิจัยใช้แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับบทบาทของสื่อมวลชนในการรายงานการประท้วง วารสารศาสตร์สันติภาพ และสังคมวิทยาของวารสารศาสตร์ เป็นกรอบการวิเคราะห์ และใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ การวิจัยเอกสาร การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม เพื่อศึกษาการทำงานของสื่อมวลชนในการชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่ 5 ครั้งในไทย ตั้งแต่ปี 2535 ถึง 2564</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า สื่อมวลชนมักวางแผนการรายงานข่าวการชุมนุมเนื่องจากเป็นเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก โดยจะประเมินสถานการณ์และเตรียมการเพื่อรักษาสวัสดิภาพของคนทำงานภาคสนาม และมีแนวปฏิบัติในการรายงานข่าวโดยเฉพาะ ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการรายงานข่าวมีทั้งปัจจัยภายในองค์กรสื่อและปัจจัยภายนอกองค์กรสื่อ ทั้งนี้ แนวทางการรายงานข่าวการชุมนุมที่สร้างความชอบธรรมต่อการใช้ความรุนแรง คือ การอธิบายว่าการชุมนุมเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญ แต่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ และมักส่งผลกระทบต่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคม โดยเน้นเกาะติดสถานการณ์การชุมนุม การแข่งขันรัฐบาลกับผู้ชุมนุม โดยเฉพาะผู้จัดกิจกรรมหลักหรือแกนนำการชุมนุม รวมถึงเน้นนำเสนอความรุนแรงเชิงกายภาพ ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สื่อมวลชนเลือกใช้แนวทางนี้คือ กิจวัตรในการผลิตข่าวที่เน้นการรายงานเหตุการณ์มากกว่าการรายงานเชิงลึก และการที่สื่อมวลชนถูกแทรกแซงและได้รับผลกระทบจากความรุนแรงจนกองบรรณาธิการขาดความเป็นอิสระ ส่วนแนวทางการรายงานข่าวที่ลดเงื่อนไขการใช้ความรุนแรงคือ การอธิบายว่าการชุมนุมเป็นสิทธิการสื่อสารและการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยพยายามรายงานข้อเท็จจริงจากผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย เน้นการรายงานเชิงลึกที่อธิบายปมความขัดแย้ง ฐานคิดของข้อเรียกร้องจากผู้ชุมนุม เหตุแห่งการใช้ความรุนแรงทั้งโดยรัฐและผู้ชุมนุม และผลกระทบจากความรุนแรงต่อฝ่ายต่างๆ รวมถึงเฝ้าระวัง บันทึก และตรวจสอบการใช้ความรุนแรง ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สื่อมวลชนดำเนินแนวทางเช่นนี้ได้คือ ความเป็นอิสระและความปลอดภัยในการทำงาน ผลการศึกษายังพบว่า การรับประกันเสรีภาพสื่อและสิทธิการสื่อสารของประชาชนจะส่งเสริมให้สื่อมวลชนลดการให้ความชอบธรรมและเงื่อนไขในการใช้ความรุนแรงได้</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287871
แผล ผี และความเงียบในภาพยนตร์ ดาวคะนอง: การศึกษา 6 ตุลาในชีวิตประจำวัน
2025-08-27T14:08:51+07:00
ชุติมา ประกาศวุฒิสาร
jaruneejc@gmail.com
<p> บทความวิจัยชิ้นนี้มุ่งศึกษาภาพยนตร์เรื่อง <em>ดาวคะนอง</em> ของ อโนชา สุวิชากรพงศ์ ภาพยนตร์นำเสนอเหตุการณ์ 6 ตุลาในมุมมองใหม่ ต่างจากการศึกษาเหตุการณ์นี้ในมุมมองประวัติศาสตร์ โดยเปลี่ยนจากการมองย้อนไปยังเหตุการณ์ในอดีต มาสู่การวิเคราะห์ชีวิตประจำวันของสามัญชนในปัจจุบัน การปรับเปลี่ยนความสนใจจากอดีตมายังปัจจุบัน สอดคล้องกับตัวตนของอโนชาซึ่งเป็นคนรุ่นหลังที่ไม่มีประสบการณ์ตรงกับเหตุการณ์ 6 ตุลา สำหรับคนกลุ่มนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเปรียบเสมือนสิ่งที่ จูดิธ บัตเลอร์ เรียกว่า “ความสูญเสียในความสูญเสีย” (loss of loss) ดังนั้น สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความสำคัญจึงไม่ใช่การค้นหาความจริงทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า บาดแผลและความรุนแรงในอดีตยังคงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน นอกจากนี้ ความเงียบที่ปกคลุมเหตุการณ์ 6 ตุลาทำให้การหลอนเป็นเครื่องมือสำคัญในการศึกษา ทั้งนี้เพราะบาดแผลที่ดำรงอยู่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า การเล่าเรื่อง “6 ตุลา” จึงไม่ต่างจากการบอกเล่าเรื่องราวของ “ผี” ในการศึกษาประเด็นเหล่านี้ ผู้วิจัยชี้ให้เห็นว่าการศึกษาเหตุการณ์ 6 ตุลาในบริบทของชีวิตประจำวันเป็นการมองที่สร้างความหวัง เนื่องจากชีวิตประจำวันมีลักษณะเป็นวัฏจักร บาดแผลจากอดีตจึงไม่ได้เลือนหาย แต่แปรเปลี่ยนมาเป็นพลังขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงที่แฝงอยู่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287872
หวาดบุหลัน หวั่นดวงเดือน: พิธีกรรมสังเวยมนุษย์และระบอบแห่งภาพลักษณ์ ในสกรีนคติชนสยองขวัญไทยและอินโดนีเซีย
2025-08-27T14:17:19+07:00
วันชนะ ทองคำเภา
jaruneejc@gmail.com
<p> งานวิจัยเรื่องนี้เปรียบเทียบคติชนสยองขวัญเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในละครโทรทัศน์ไทยเรื่อง <em>ฤกษ์สังหาร </em>และภาพยนตร์อินโดนีเซียเรื่อง <em>บ้านเกิดปีศาจ</em> ในประเด็นเรื่องคติวิญญาณนิยมที่นำเสนอผ่านพิธีกรรมสังเวยมนุษย์ เพื่อวิเคราะห์ความคิดทางสังคมการเมืองที่คล้ายคลึงกันของทั้งสองชาติ ผลการวิจัยพบว่า ตัวบททั้งสองเรื่องใช้จินตนาการและความทรงจำส่วนบุคคลผสมผสานกัน เพื่อประกอบสร้างคติชนโบราณขึ้นมาใหม่ในลักษณะของความทรงจำเทียมที่อาจจะกลายเป็นความเชื่อใหม่ที่สืบทอดต่อไปข้างหน้า นอกจากนี้ การเปรียบเทียบด้วยทฤษฎี “ระบอบแห่งภาพลักษณ์” ชี้ให้เห็นลักษณะร่วมทางความคิดของตัวบททั้งสอง 3 ประการ คือ (1) การยอมให้มีผีและวิญญาณปรากฏอยู่ในโลกสมัยใหม่ แต่ให้ “ผีดี” สามารถปรากฏอยู่อย่างเปิดเผย แต่ “ผีร้าย” ต้องถูกกำจัดและซุกซ่อน (2) การวิพากษ์การเมืองโดยระมัดระวังไม่ให้เฉพาะเจาะจง และ (3) การใช้โครงเรื่องแบบสืบสวนสอบสวนเพื่อเผยให้เห็นช่องว่างระหว่างความรู้และความทรงจำของคนต่างรุ่น ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า การเปรียบเทียบคติชนสยองขวัญของสองชาติอาจเป็นจุดตั้งต้นในการเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมสกรีนกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมการเมืองในบริบทข้ามชาติและภูมิภาคได้</p>
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287861
“คุณพี่เจ้าขา…ดิฉันสื่อสารศึกษาในฝูงหงส์”
2025-08-27T11:28:21+07:00
สมสุข หินวิมาน
jaruneejc@gmail.com
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/287873
Lifestyle Journalism
2025-08-27T14:21:50+07:00
ถมทอง ทองนอก
jaruneejc@gmail.com
2025-08-27T00:00:00+07:00
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารศาสตร์