https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/issue/feed
วารสารศาสตร์
2024-09-02T00:00:00+07:00
รองศาสตราจารย์ ดร.สมสุข หินวิมาน
acfb2@hotmail.com
Open Journal Systems
<p><strong>วารสารศาสตร์</strong> เป็นวารสารวิชาการรายสี่เดือน ด้านวารสารศาสตร์ นิเทศศาสตร์และสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้องกับแวดวงการสื่อสาร</p> <p>อันได้แก่ สาขาสื่อสารมวลชน สาขาโฆษณาและประชาสัมพันธ์ สาขาสื่อสารองค์กร และสาขาสื่อสารศึกษาในมุมมองต่างๆ</p> <p>ทั้งนี้ บทความวิชาการและบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในเล่มได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิต่างสถาบันจำนวนอย่างน้อย 3 ท่าน</p> <p>วางจำหน่ายปีละ 3 ฉบับ คือ ฉบับเดือน มกราคม–เมษายน, ฉบับเดือน พฤษภาคม–สิงหาคม และฉบับเดือน กันยายน–ธันวาคม</p> <p><strong>การส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ “วารสารศาสตร์”</strong></p> <p><strong> </strong><strong>คุณลักษณะของบทความ</strong></p> <ul> <li class="show">เป็นบทความที่มีคุณลักษณะตามเกณฑ์ของ อ.ก.ม. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้แก่</li> </ul> <ol> <li class="show">1. บทความวิเคราะห์วิจัย (Research Article)</li> <li class="show">2. เอกสารกรณีศึกษา (Case Material)</li> <li class="show">3. บทความสำรวจวิชา (Survey Article)</li> <li class="show">4. บทความวิจารณ์ (Review Article)</li> <li class="show">5. บทความทางวิชาการ (Theoretical Article)</li> <li class="show">6. รายงานสำรวจ (Survey Report)</li> </ol> <p>ทั้งนี้ ไม่รวมงานวิทยานิพนธ์ของผู้เขียนบทความ บทความประเภทงานแปล และเอกสารประกอบคำบรรยาย</p> <ul> <li class="show">ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากสำนักพิมพ์อื่น</li> <li class="show">หากเป็นงานวิจัยดีเด่นที่เคยตีพิมพ์มาก่อนแล้ว ต้องมีการนำมาวิเคราะห์ด้วยมุมมองใหม่ นำเสนอข้อมูลใหม่โดยได้รับอนุญาตจากผู้เขียน</li> <li class="show">ผู้เขียนหรือผู้เขียนร่วมได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลในวารสารวิชาการ</li> <li class="show">ผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ และ/หรือ การอ่านเพื่อปรับแก้ไขจากบรรณาธิการ หรือบรรณาธิการรับเชิญ</li> </ul> <p> ตามกำหนดเวลาของกองบรรณาธิการ</p> <p><strong>การส่งต้นฉบับเนื้อหา</strong></p> <p>o เนื้อหาจัดพิมพ์ด้วยอักษร Cordia New ขนาด 15 pt</p> <p>o ความยาวประมาณ 15-20 หน้า ขนาด A4 พร้อมจัดเรียงภาพประกอบสีขาวดำลงในไฟล์ Microsoft Word</p> <p>o จัดต้นฉบับเป็นเอกสารเวิร์ดส (นามสกุล .doc, .docx, .rtf, txt) ไม่รับเอกสาร .pdf</p> <p>o ส่งพร้อมบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งประวัติสั้นๆ ของผู้เขียน</p> <p>o ตรวจทานความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ และจัดส่งต้นฉบับภายในระยะเวลาที่กำหนด</p> <p>o ส่งต้นฉบับพร้อมไฟล์ภาพประกอบ (เช่น ภาพประกอบ ตาราง แผนภูมิ)</p> <p> ให้ครบถ้วนลงแผ่นดิสก์หรือแผ่นซีดีทางไปรษณีย์หรืออีเมล์มายังกองบรรณาธิการ หรือ ส่งผ่านระบบออนไลน์ ทาง https://tci-thaijo.org/index.php/jcmag</p> <p><strong>การส่งไฟล์ภาพประกอบ </strong></p> <p>o ส่งไฟล์คุณภาพดีแยกต่างหากจากเนื้อหา</p> <p>o ความละเอียดไฟล์ภาพอย่างต่ำ 300 dpi</p> <p>o ขนาดของไฟล์ภาพไม่ควรเกิน 1M</p> <p>o นามสกุลไฟล .tif หรือ .jpg</p> <p>o ปรับโหมดไฟล์ภาพเป็นขาวดำ </p> <p> </p> <p><strong>กองบรรณาธิการวารสารวิชาการ “วารสารศาสตร์”</strong></p> <p>คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</p> <p>99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12121</p> <p>โทรศัพท์ 02-696-6267 อีเมล์ <a href="mailto:jaruneejc@gmail.com">jaruneejc@gmail.com</a></p> <p> </p>
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277002
การเดินทางของฉันและเธอคือการเรียนรู้
2024-08-29T11:58:08+07:00
สมสุข หินวิมาน
jaruneejc@gmail.com
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277005
เหลียวหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้า ทบทวนพัฒนาการสื่อสารศึกษาในประเทศไทย
2024-08-29T13:10:10+07:00
วิศวัส ปัญญาวงศ์สถาพร
jaruneejc@gmail.com
<p> บทความ “เหลียวหลังเพื่อก้าวไปข้างหน้า ทบทวนพัฒนาการสื่อสารศึกษาในประเทศไทย” มุ่งเปิดเผยให้ผู้อ่านเห็นพลวัตรด้านการศึกษานิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์ของประเทศไทย อันขับเคลื่อนไปด้วยตัวแปรรายล้อมมากมาย อาทิ การเข้ามาของเทคโนโลยีการสื่อสารชนิดต่างๆ การส่งเสริมขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) การผลักดันของรัฐบาลผู้มีอำนาจในสังคม การประชันขันแข่งของธุรกิจการศึกษานิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์ในโลกยุคทุนนิยม ทั้งนี้ ผู้เขียนแบ่งพัฒนาการสื่อสารศึกษาออกเป็น 3 ช่วง อันได้แก่ ช่วงที่หนึ่ง การศึกษานิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์ในบริบทโลกยุคสงครามเย็น แสดงให้เห็นบทบาทและอิทธิพลของยูเนสโกต่อการส่งเสริมสื่อสารศึกษา และไล่เรียงพัฒนาการการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์ในต่างประเทศ ช่วงที่สอง การศึกษานิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์ในระยะ “ตั้งไข่” ของไทย แสดงให้เห็นอิทธิพลของต่างประเทศต่อสื่อสารศึกษาในประเทศไทย และช่วงที่สาม การศึกษานิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์ในบริบทการแข่งขันของธุรกิจการศึกษา แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างโลกาภิวัตน์ ธุรกิจ และสื่อสารศึกษาของประเทศไทย</p>
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277006
ความบันเทิง ความรู้ คู่โฆษณา Product Placement ในรายการสำหรับเด็กและเยาวชนทาง YouTube
2024-08-29T13:18:52+07:00
กัลยกร วรกุลลัฎฐานีย์
jaruneejc@gmail.com
<p> บทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับโฆษณาแฝงในรายการ หรือ product placement โดยรวบรวมบทความ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ product placement และกลุ่มผู้รับสารที่เป็นเด็กและเยาวชน ด้านรูปแบบ ผลกระทบ ความเป็นธรรมในการโฆษณา และแนวปฏิบัติในการใช้ product placement ในต่างประเทศ ในท้ายบทความได้รายงานการสำรวจเบื้องต้น เพื่อให้เห็นถึงสถานการณ์ของรายการของไทยที่มีกลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชนที่เผยแพร่ทาง YouTube ผลการสำรวจพบว่า มีการใช้ product placement ร้อยละ 30 ของรายการที่สำรวจ ส่วนใหญ่ถูกใช้ในรูปแบบ active placement อย่างกลมกลืนไปกับโครงเรื่อง</p>
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277007
อิทธิพลของการสื่อสารการตลาดโดยใช้ชื่อศิลปินในแฮชแท็กทวิตเตอร์ต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของกลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วไปและกลุ่มผู้ชื่นชอบศิลปิน
2024-08-29T13:31:44+07:00
สรรค์ โรจนทัพพะ
jaruneejc@gmail.com
ธาตรี ใต้ฟ้าพูล
jaruneejc@gmail.com
<p> การวิจัยครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากร การเปิดรับการสื่อสารการตลาดโดยใช้ชื่อศิลปินผ่านแฮชแท็กในทวิตเตอร์ ทัศนคติต่อตราสินค้า การรับรู้ตราสินค้าประเภทเกี่ยวพันต่ำ และการตัดสินใจซื้อสินค้าของกลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วไปและกลุ่มผู้ชื่นชอบศิลปิน รวมทั้งเพื่ออธิบายอิทธิพลของปัจจัยด้านการเปิดรับการสื่อสารการตลาด ทัศนคติต่อตราสินค้า และการรับรู้ตราสินค้าประเภทเกี่ยวพันต่ำที่มีต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของกลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วไปและกลุ่มผู้ชื่นชอบศิลปิน งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ โดยใช้วิธีวิจัยเชิงสำรวจ ด้วยการเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามออนไลน์ จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วไป จำนวน 200 คน และกลุ่มผู้ชื่นชอบศิลปิน จำนวน 200 คน โดยประมวลผลในโปรแกรม SPSS</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า (1) กลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วไปและกลุ่มผู้ชื่นชอบศิลปินมีการเปิดรับ ทัศนคติ การรับรู้ตราสินค้า และการตัดสินใจซื้อสินค้าแตกต่างกันอย่างนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001 โดยกลุ่มผู้ชื่นชอบศิลปินมีค่าเฉลี่ยสูงกว่ากลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วไปในทุกๆ ปัจจัย (2) กลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วไปที่มีอายุ 18-24 ปี จะมีทัศนคติ การรับรู้ตราสินค้า และการตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่าอายุ 25-31 ปี (3) กลุ่มผู้ใช้ทวิตเตอร์ทั่วไปที่มีระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีและปริญญาตรี จะมีทัศนคติ การรับรู้ตราสินค้า และการตัดสินใจซื้อสินค้ามากกว่าระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี (4) กลุ่มผู้ชื่นชอบศิลปินที่มีเพศและอายุที่ต่างกันมีทัศนคติต่อตราสินค้าแตกต่างกัน (5) ปัจจัยด้านการเปิดรับ ทัศนคติ และการรับรู้ตราสินค้ามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.001</p>
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277013
ความตายในภาพยนตร์ผีไทยในทศวรรษที่ 2550-ต้นทศวรรษที่ 2560
2024-08-29T15:53:35+07:00
กำจร หลุยยะพงศ์
jaruneejc@gmail.com
<p> ความตายในอดีตเป็นสิ่งที่ถูกทำให้ออกห่างจากมนุษย์ แต่ในปัจจุบันความตายกลับได้รับการเปิดเผยส่วนหนึ่งผ่านสื่อภาพยนตร์ ตามทัศนะของสำนักวัฒนธรรมศึกษาภาพยนตร์ยังประกอบสร้างความหมายของความตายบนอำนาจบางอย่าง ในที่นี้จะเพ่งพินิจความตายผ่านภาพยนตร์ผีไทยในช่วงทศวรรษที่ 2550-ครึ่งทศวรรษที่ 2560 จำนวน 12 เรื่อง เพื่อจะเผยให้เห็นว่า ภาพยนตร์ผีไทยมีศิลปะการเล่าเรื่องความตายอย่างไร อันนำไปสู่การประกอบสร้างภาพตัวแทนความตายว่าอย่างไร ภายใต้อุดมการณ์ใดที่กำหนด</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า ภาพยนตร์ผีไทยสามารถจำแนกได้เป็นสามกลุ่ม คือ ภาพยนตร์ผีกับการฆ่าตัวตาย ภาพยนตร์ผีกับการฆาตกรรม และภาพยนตร์ผีกับความตายแบบใหม่ โดยภาพยนตร์ผีกลุ่มแรกและภาพยนตร์ผีกลุ่มที่สอง มักจะนำเสนอความตายในเชิงความน่ากลัว เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่า หากเลือกการฆ่าตัวตายหรือการถูกฆาตกรรม โลกหลังความตายตัวละครจะกลายเป็นผีที่น่าเกลียดน่ากลัว ภาษาภาพยนตร์จะเน้นภาพที่มืด ทึม วังเวง หดหู่ อย่างไรก็ดี หากเป็นการฆ่าตัวตายเพื่อพลีชีพบนเงื่อนไขของความรักและความกตัญญูกลับได้รับการยอมรับ ส่วนภาพยนตร์ผีในกลุ่มที่สาม ยังสามารถจำแนกได้เป็นกลุ่มย่อยอีก 3 กลุ่ม คือ ผีกับเพศ โรค และการเมือง ผีกับการแหวกขนบเรื่องเพศ และผีกับการต่อสู้ของวัยรุ่น จุดร่วมของภาพยนตร์กลุ่มนี้ล้วนเป็นภาพยนตร์ผีที่ท้าทายความหมายความตายแบบใหม่ ได้แก่ ความตายไม่ได้มีความหมายถึงการจบสิ้น ความตายอาจเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขกับโลกของคนเป็น ความตายคือสีสัน และความตายคือการประกอบสร้างขึ้นมา ตัวละครอาจตายหรืออาจไม่ตายก็ได้ หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าตาย ภาษาภาพยนตร์ในกลุ่มนี้มีลีลาการนำเสนอที่แตกต่าง ภาพหลังความตายมีความสวยงาม การใช้ภาพช้า การใช้มุขตลกขบขัน และการนำเสนอความตายมีความสลับซับซ้อน ไม่ได้ตรงไปตรงมาในลักษณะเหตุและผลเหมือนกับกลุ่มที่หนึ่งและสอง</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า ภาพยนตร์ผีไทยสามารถจำแนกได้เป็นสามกลุ่ม คือ ภาพยนตร์ผีกับการฆ่าตัวตาย ภาพยนตร์ผีกับการฆาตกรรม และภาพยนตร์ผีกับความตายแบบใหม่ โดยภาพยนตร์ผีกลุ่มแรกและภาพยนตร์ผีกลุ่มที่สอง มักจะนำเสนอความตายในเชิงความน่ากลัว เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่า หากเลือกการฆ่าตัวตายหรือการถูกฆาตกรรม โลกหลังความตายตัวละครจะกลายเป็นผีที่น่าเกลียดน่ากลัว ภาษาภาพยนตร์จะเน้นภาพที่มืด ทึม วังเวง หดหู่ อย่างไรก็ดี หากเป็นการฆ่าตัวตายเพื่อพลีชีพบนเงื่อนไขของความรักและความกตัญญูกลับได้รับการยอมรับ ส่วนภาพยนตร์ผีในกลุ่มที่สาม ยังสามารถจำแนกได้เป็นกลุ่มย่อยอีก 3 กลุ่ม คือ ผีกับเพศ โรค และการเมือง ผีกับการแหวกขนบเรื่องเพศ และผีกับการต่อสู้ของวัยรุ่น จุดร่วมของภาพยนตร์กลุ่มนี้ล้วนเป็นภาพยนตร์ผีที่ท้าทายความหมายความตายแบบใหม่ ได้แก่ ความตายไม่ได้มีความหมายถึงการจบสิ้น ความตายอาจเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขกับโลกของคนเป็น ความตายคือสีสัน และความตายคือการประกอบสร้างขึ้นมา ตัวละครอาจตายหรืออาจไม่ตายก็ได้ หรือแม้แต่ไม่รู้ว่าตาย ภาษาภาพยนตร์ในกลุ่มนี้มีลีลาการนำเสนอที่แตกต่าง ภาพหลังความตายมีความสวยงาม การใช้ภาพช้า การใช้มุขตลกขบขัน และการนำเสนอความตายมีความสลับซับซ้อน ไม่ได้ตรงไปตรงมาในลักษณะเหตุและผลเหมือนกับกลุ่มที่หนึ่งและสอง</p> <p> การประกอบสร้างภาพตัวแทนความตายในภาพยนตร์ผีตกอยู่ภายใต้อุดมการณ์ 4 ชุด โดย (1) อุดมการณ์หลัก คือ ศาสนา ผี จริยธรรม และความตายแบบเดิม-แบบใหม่ (2) อุดมการณ์ที่เกี่ยวกับบุคคล เช่น เพศ วัยรุ่น ความรัก ครอบครัว (3) อุดมการณ์ที่เกี่ยวกับสังคม เช่น ชาตินิยม การเมือง เศรษฐกิจ สุขภาพ และ (4) อุดมการณ์ของภาพยนตร์ ทั้งประเภทของภาพยนตร์ตระกูลผีย่อยจะส่งผลการนิยามความตายต่างกัน และแม้ภาพยนตร์ผีจะสามารถเปิดเผยความตายค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ยังคงต้องวางบนเงื่อนไขของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และสังคมที่กำหนดกฎกติกา</p>
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277027
Detroit: Become Human สัญญะ การเล่าเรื่องของวิดีโอเกมแนวทางเลือก การต่อสู้ของอุดมการณ์เสรีนิยมภายใต้อาณานิคมภายใน
2024-08-30T08:59:50+07:00
รุ่งลดิศ จตุรไพศาล
jaruneejc@gmail.com
<p> บทความนี้เป็นการวิเคราะห์การเล่าเรื่องของวิดีโอเกมแนวทางเลือก (choice matter) ด้วยแนวคิดการเล่าเรื่องของวิดีโอเกม Ludology ร่วมกับทฤษฎีในสายสัญวิทยาเพื่อวิเคราะห์โครงสร้างความหมายโดยใช้เกม <em>Detroit: Become Human</em> (2561) เป็นกรณีศึกษาการเล่าเรื่องที่มีส่วนในการผลิตซ้ำอุดมการณ์เสรีนิยม จากการศึกษาพบว่า วิดีโอเกมมีวิธีการเล่าเรื่องแบบสื่อดั้งเดิมผสมผสานกับรูปแบบของสื่อใหม่ ที่ผู้เล่นต้องปฏิสัมพันธ์กับเกมเพื่อสร้างความหมายที่แตกต่างกัน ดังนั้นวิดีโอเกมจึงจำเป็นต้องอาศัยการออกแบบระบบเกมการเล่นที่สอดคล้องกับการเล่าเรื่อง วิดีโอเกมแนวทางเลือกได้ออกแบบให้ผู้เล่นรู้สึกมีอิสระในการกำหนดความหมายผ่านตัวเลือก แต่แท้จริงนั้นกลับอยู่ภายใต้สิ่งที่ผู้สร้างกำหนดไว้แล้ว ทั้งนี้ ผู้เล่นก็สามารถสร้างสรรค์วิธีการที่นอกกรอบจากสิ่งที่ผู้สร้างกำหนดไว้ได้ เช่น การโหลดเซฟเล่นใหม่ หรือดัดแปลงตัวเกม (MOD) ส่วนเนื้อเรื่องของเกมได้แสดงให้เห็นถึงการผลิตซ้ำอุดมการณ์เสรีนิยมผ่านทางเลือกและตอนจบ โดยแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ของอุดมการณ์เสรีนิยมที่เน้นเรื่องความเท่าเทียมภายใต้ภาวะอาณานิคมภายใน และกำหนดให้เสรีนิยมอยู่ในฐานะ “ฝ่ายดี” รวมถึงกำหนดวิธีการต่อสู้ด้วยวิธีการสันติ เพื่อเป็นขั้วตรงข้ามกับระบบศักดินาและความรุนแรงที่กดขี่ชนชั้นต่ำกว่าซึ่งนำไปสู่ตอบจบที่ดี</p>
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277029
สื่อโทรทัศน์กับสังคมผู้สูงอายุไทยในยุคโทรทัศน์ดิจิทัล
2024-08-30T09:21:08+07:00
พรชัย ฉันต์วิเศษลักษณ์
jaruneejc@gmail.com
<p> ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมานานกว่า 10 ปี ส่งผลให้สังคมไทยต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ โดยเฉพาะด้านสื่อสำหรับผู้สูงวัย เพื่อสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้รับความรู้ ข่าวสาร และข้อมูลในหลายด้านที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุ การสำรวจงานวิจัยและงานวิชาการต่างๆ ที่ได้ทบทวน พบข้อมูลระบุว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เปิดรับสื่อโทรทัศน์มากที่สุด และเปิดรับเนื้อหาด้าน (1) สุขภาพ: ป้องกัน ดูแลรักษา ช่วยให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงสภาพทางร่างกายตามอายุได้ (2) ความรู้ ภูมิปัญญาของผู้สูงอายุ ช่วยเสริมสร้างคุณค่าในตัวเอง ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อมั่น และถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ของตนเอง (3) ศาสนา หลักคำสอน ความผูกพันกับสมาชิกในครอบครัว ช่วยทำให้จิตใจสงบ มีทัศนคติที่ดีต่อการดำรงชีวิตและเข้าสังคมได้ดี (4) สังคม ชุมชน นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อให้ทันคน ไม่ถูกโกงหรือโดนหลอก และมีเรื่องคุยกับคนอื่นได้มากขึ้น (5) เศรษฐกิจ: ออมเงิน ลงทุน และประกอบอาชีพ ช่วยจัดการการเงินของตนเองและครอบครัว แต่การสำรวจสถานการณ์สื่อโทรทัศน์ในรอบสิบปีที่ผ่านมา กลับพบว่า นับตั้งแต่การออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบันมีการผลิตและออกอากาศรายการเพื่อกลุ่มเป้าหมายผู้สูงอายุจำนวน 11 รายการ นับเป็นปริมาณที่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับรายการที่ผลิตเพื่อผู้ชมกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ และเนื้อหายังไม่สามารถสนองตอบต่อความต้องการของผู้สูงอายุได้เพียงพอ ผู้ผลิตสื่อจึงควรทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักให้ชัดเจน และมุ่งเน้นการออกแบบเนื้อหาและผลิตรายการเพื่อผู้สูงอายุอย่างแท้จริง</p>
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277031
การสร้างสรรค์เนื้อหา: วิชาสำคัญสำหรับโลกยุคดิจิทัล
2024-08-30T09:32:42+07:00
ตวงทอง สรประเสริฐ
jaruneejc@gmail.com
ณัฐนันท์ เทียมเมฆ
jaruneejc@gmail.com
<p> การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความต้องการในการเรียนรู้รายวิชาการสร้างสรรค์เนื้อหาของนิสิต นักศึกษา คนทำงาน และผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และออกแบบเนื้อหารายวิชาการสร้างสรรค์เนื้อหาที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้สนใจให้สามารถเรียนผ่านระบบการเรียนรู้แบบเปิด (MOOC) ด้วยตัวเองได้</p> <p> ระเบียบวิธีวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบสนทนากลุ่มจำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนิสิตนักศึกษา กลุ่มคนทำงาน และกลุ่มผู้ประกอบการ รวมจำนวนทั้งสิ้น 18 คน ร่วมกับการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์เนื้อหาทั้งนักวิชาชีพและนักวิชาการอีก 3 คน จากนั้นจึงนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อออกแบบรายวิชาการสร้างสรรค์เนื้อหาที่เหมาะสมกับรูปแบบการเรียนออนไลน์</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า นิสิต นักศึกษา คนทำงานและผู้ประกอบการมองว่า ทักษะการสร้างสรรค์เนื้อหามีความสำคัญสำหรับการต่อยอดการทำงานในทุกอาชีพ และเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรเรียนรู้เนื่องจากความสามารถในการสื่อสารผ่านสื่อดิจิทัลกลายเป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ของโลกการทำงานในศตวรรษที่ 21 และเนื้อหาของรายวิชาควรแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ ได้แก่ หลักการคิดสร้างสรรค์ หลักการผลิตสื่อ และหลักการบริหารจัดการสื่อ</p> <p> </p> <p> </p>
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/277032
Epistemology: The Key Thinkers
2024-08-30T09:40:28+07:00
อัจฉรา ปัณฑรานุวงศ์
jaruneejc@gmail.com
2024-09-02T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 วารสารศาสตร์