วารสารศาสตร์
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag
<p><strong>วารสารศาสตร์</strong> เป็นวารสารวิชาการรายสี่เดือน ด้านวารสารศาสตร์ นิเทศศาสตร์และสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้องกับแวดวงการสื่อสาร</p> <p>อันได้แก่ สาขาสื่อสารมวลชน สาขาโฆษณาและประชาสัมพันธ์ สาขาสื่อสารองค์กร และสาขาสื่อสารศึกษาในมุมมองต่างๆ</p> <p>ทั้งนี้ บทความวิชาการและบทความวิจัยที่ตีพิมพ์ในเล่มได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิต่างสถาบันจำนวนอย่างน้อย 3 ท่าน</p> <p>วางจำหน่ายปีละ 3 ฉบับ คือ ฉบับเดือน มกราคม–เมษายน, ฉบับเดือน พฤษภาคม–สิงหาคม และฉบับเดือน กันยายน–ธันวาคม</p> <p><strong>การส่งบทความเพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ “วารสารศาสตร์”</strong></p> <p><strong> </strong><strong>คุณลักษณะของบทความ</strong></p> <ul> <li class="show">เป็นบทความที่มีคุณลักษณะตามเกณฑ์ของ อ.ก.ม. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งได้แก่</li> </ul> <ol> <li class="show">1. บทความวิเคราะห์วิจัย (Research Article)</li> <li class="show">2. เอกสารกรณีศึกษา (Case Material)</li> <li class="show">3. บทความสำรวจวิชา (Survey Article)</li> <li class="show">4. บทความวิจารณ์ (Review Article)</li> <li class="show">5. บทความทางวิชาการ (Theoretical Article)</li> <li class="show">6. รายงานสำรวจ (Survey Report)</li> </ol> <p>ทั้งนี้ ไม่รวมงานวิทยานิพนธ์ของผู้เขียนบทความ บทความประเภทงานแปล และเอกสารประกอบคำบรรยาย</p> <ul> <li class="show">ไม่เคยตีพิมพ์เผยแพร่ที่ใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากสำนักพิมพ์อื่น</li> <li class="show">หากเป็นงานวิจัยดีเด่นที่เคยตีพิมพ์มาก่อนแล้ว ต้องมีการนำมาวิเคราะห์ด้วยมุมมองใหม่ นำเสนอข้อมูลใหม่โดยได้รับอนุญาตจากผู้เขียน</li> <li class="show">ผู้เขียนหรือผู้เขียนร่วมได้รับอนุญาตให้ตีพิมพ์เผยแพร่ข้อมูลในวารสารวิชาการ</li> <li class="show">ผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิ และ/หรือ การอ่านเพื่อปรับแก้ไขจากบรรณาธิการ หรือบรรณาธิการรับเชิญ</li> </ul> <p> ตามกำหนดเวลาของกองบรรณาธิการ</p> <p><strong>การส่งต้นฉบับเนื้อหา</strong></p> <p>o เนื้อหาจัดพิมพ์ด้วยอักษร Cordia New ขนาด 15 pt</p> <p>o ความยาวประมาณ 15-20 หน้า ขนาด A4 พร้อมจัดเรียงภาพประกอบสีขาวดำลงในไฟล์ Microsoft Word</p> <p>o จัดต้นฉบับเป็นเอกสารเวิร์ดส (นามสกุล .doc, .docx, .rtf, txt) ไม่รับเอกสาร .pdf</p> <p>o ส่งพร้อมบทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมทั้งประวัติสั้นๆ ของผู้เขียน</p> <p>o ตรวจทานความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ และจัดส่งต้นฉบับภายในระยะเวลาที่กำหนด</p> <p>o ส่งต้นฉบับพร้อมไฟล์ภาพประกอบ (เช่น ภาพประกอบ ตาราง แผนภูมิ)</p> <p> ให้ครบถ้วนลงแผ่นดิสก์หรือแผ่นซีดีทางไปรษณีย์หรืออีเมล์มายังกองบรรณาธิการ หรือ ส่งผ่านระบบออนไลน์ ทาง https://tci-thaijo.org/index.php/jcmag</p> <p><strong>การส่งไฟล์ภาพประกอบ </strong></p> <p>o ส่งไฟล์คุณภาพดีแยกต่างหากจากเนื้อหา</p> <p>o ความละเอียดไฟล์ภาพอย่างต่ำ 300 dpi</p> <p>o ขนาดของไฟล์ภาพไม่ควรเกิน 1M</p> <p>o นามสกุลไฟล .tif หรือ .jpg</p> <p>o ปรับโหมดไฟล์ภาพเป็นขาวดำ </p> <p> </p> <p><strong>กองบรรณาธิการวารสารวิชาการ “วารสารศาสตร์”</strong></p> <p>คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</p> <p>99 หมู่ 18 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12121</p> <p>โทรศัพท์ 02-696-6267 อีเมล์ <a href="mailto:jaruneejc@gmail.com">jaruneejc@gmail.com</a></p> <p> </p>
Faculty of Journalism and Mass Communication Thammasat University
th-TH
วารสารศาสตร์
0125-8192
-
“หวานรักต้องห้าม”
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284954
สมสุข หินวิมาน
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
6
6
-
พิคโทเรียลิสม์: บทสำรวจจุดเริ่มต้นของภาพถ่ายในฐานะงานศิลปกรรม
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284956
<p> บทความนี้สำรวจความขัดแย้งและพัฒนาการของภาพถ่ายในฐานะงานศิลปะผ่านบริบททางประวัติศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอองค์ความรู้เชิงสหวิทยาการ ขยายขอบเขตความเข้าใจและยกระดับความสนใจด้านภาพถ่ายศึกษา ผู้เขียนใช้วิธีการศึกษาผ่านการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของลัทธิศิลปะภาพถ่ายแบบพิคโทเรียลิสม์ (Pictorialism) และความสัมพันธ์กับอิทธิพลของเทคโนโลยี สังคม และวัฒนธรรมในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากการศึกษาพบว่า พิคโทเรียลิสม์เป็นขบวนการศิลปะกลุ่มแรกในประวัติศาสตร์ภาพถ่าย ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับผลงานภาพถ่ายให้เป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าและความหมายในตัวเองมากกว่าเพียงเครื่องมือบันทึกภาพสำเนาของวัตถุหรือเหตุการณ์ มีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในทวีปยุโรปและทวีปอเมริกา มีบทบาทสำคัญในการเปิดทางให้ภาพถ่ายได้รับการยอมรับในฐานะงานศิลปะ การเกิดขึ้นของพิคโทเรียลิสม์มีที่มาจากข้อขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันระหว่างแนวคิดใหม่และแนวคิดดั้งเดิม ก่อให้เกิดข้อถกเถียงทางศิลปะและนำทางไปสู่การค้นหาสุนทรียศาสตร์ในภาพถ่าย ข้อค้นพบดังกล่าวสัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงของบริบททางสังคมและวัฒนธรรม ที่เกิดจากอิทธิพลของความเจริญก้าวหน้าทางความรู้และแนวคิดภายใต้บรรยากาศอันท้าทายของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 การผสมผสานและปะทะกันระหว่างอำนาจของชนชั้นกลางใหม่และค่านิยมดั้งเดิมในสังคมยุควิคตอเรียน รวมถึงอิทธิพลของเทคโนโลยีการผลิตซ้ำและวัฒนธรรมสำเร็จรูป ซึ่งกำลังก่อตัวขึ้นเป็นวัฒนธรรมมวลชน และส่งผลกระทบต่อการมองภาพถ่ายในฐานะงานศิลปะ </p>
วารี ฉัตรอุดมผล
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
11
11
-
แนวทางการออกแบบเสียงซับไตเติ้ลในรายการโทรทัศน์ที่มีเสียงบรรยายภาพ เพื่อคนพิการทางการเห็น
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284961
<p> งานวิจัยเรื่อง “แนวทางการออกแบบเสียงซับไตเติ้ลในรายการโทรทัศน์ที่มีเสียงบรรยายภาพเพื่อคนพิการทางการเห็น” มีเป้าหมายเพื่อหาแนวทางการออกแบบสื่อเสียงซับไตเติ้ลสำหรับคนพิการทางการเห็น เก็บข้อมูลจากผู้เข้าร่วมวิจัยที่พิการทางการเห็นจำนวน 9 คน ด้วยการให้คะแนนความเข้าใจและความพึงพอใจหลังการรับชมคลิปวิดีโอ 6 คลิป การสัมภาษณ์ และการสนทนากลุ่ม ใช้กรอบแนวคิดเพื่อวิเคราะห์ใน 4 มิติ คือ มิติด้านความพิการทางการเห็น มิติด้านเทคนิคการผลิต มิติด้านผลของการใช้สื่อ และมิติด้านความเสมอภาคในการเข้าถึงสื่อ โดยใช้แนวคิดเกี่ยวกับความพิการทางการเห็น แนวทางการผลิตสื่อเสียงซับไตเติ้ลจากต่างประเทศ กรอบวิเคราะห์ The Tetrad ของ McLuhan and McLuhan และแนวคิดเรื่องความเสมอภาคในการเข้าถึงสื่อ</p> <p> ข้อค้นพบจากงานวิจัยพบว่า ในการออกแบบการผลิตสื่อเสียงซับไตเติ้ลจำเป็นต้องพิจารณามากกว่ามิติด้านเทคนิคการผลิต เนื่องจากสื่อเสียงซับไตเติ้ลมีความเชื่อมโยงกับมิติด้านความพิการทางการเห็น มิติด้านผลของการใช้สื่อ และมิติด้านความเสมอภาคในการเข้าถึงสื่ออีกด้วย โดยงานวิจัยได้เสนอแนวทางการออกแบบสื่อเสียงซับไตเติ้ลออกเป็น 2 แนวทาง ดังนี้</p> <p> แนวทางแรกเป็นการออกแบบพื้นฐานตามแนวทางการออกแบบเพื่อทุกคน (universal design) โดยให้ผลิตสื่อเสียงซับไตเติ้ลทุกรายการตั้งแต่ต้นทางของการผลิต แต่หากมีข้อจำกัด ควรเลือกรายการที่จำเป็นมากมาผลิตก่อน เช่น รายการที่มีการพูดภาษาต่างประเทศมาก หรือรายการที่พิธีกรไม่ได้พูดสรุปความภาษาต่างประเทศให้ เป็นต้น ในด้านรูปแบบรายการพบว่า รายการที่แสดงอารมณ์มากควรใช้รูปแบบการพากย์ และรายการที่ซับซ้อนควรใช้จำนวนเสียงใกล้เคียงกับจำนวนตัวแสดง และในด้านเทคนิคการผลิตพบว่า ควรปรับระดับเสียงซับไตเติ้ลให้ดังกว่าเสียงรายการต้นฉบับ และออกแบบให้ซิงค์กับรายการต้นฉบับมากที่สุด</p> <p> แนวทางที่สองเป็นแนวทางที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล โดยออกแบบให้มีทางเลือกสำหรับผู้ใช้ตามแนวทางการออกแบบที่รวมทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน (inclusive design) ให้มีทางเลือกด้านรูปแบบสื่อเสียงซับไตเติ้ล ด้านตัวเลือกของเสียงสังเคราะห์ ด้านช่องทางการเข้าถึง ด้านการผสานกับเสียงบรรยายภาพ ด้านการชมแบบเรียลไทม์ ออนไลน์ และออฟไลน์ ด้านการชมรายการที่มีความทันสมัย และด้านการออกแบบให้ผู้ใช้สามารถปรับระดับเสียงซับไตเติ้ลและเสียงรายการต้นฉบับได้เอง</p>
ภัทธีรา สารากรบริรักษ์
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
-
ความท้าทายของคุณลักษณะละครโทรทัศน์ไทยที่ส่งผลต่อการเขียนบท Audio Description
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284958
<p> บทความเรื่อง “ความท้าทายของคุณลักษณะละครโทรทัศน์ไทยที่ส่งผลต่อการเขียนบท Audio Description” มีวิธีการเก็บข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling approach) โดยเลือกศึกษาคลิปละครโทรทัศน์จำนวน 4 เรื่องได้แก่ ฉากจากละครเรื่อง <em>เลือดข้นคนจาง ใบไม้ที่ปลิดปลิว ฉลาดเกมส์โกง</em> และ <em>บุพเพสันนิวาส</em> ส่วนการวิเคราะห์เลือกใช้การวิเคราะห์ตัวบท (textual analysis) เกณฑ์ในการวิเคราะห์ประกอบด้วย (ก) เกณฑ์ด้านบริบท จะพิจารณาองค์ประกอบการนำเสนอด้านภาพและเสียง ซึ่งในส่วนนี้จะนำเสนอข้อมูลโดยใช้กรอบการวิเคราะห์ที่เรียกว่า Functional Approach to AD ผสมผสานกับแนวคิด 3 Cs by Borg ในการวิเคราะห์ภาพรวมของวัตถุดิบก่อนการผลิต Audio Description โดยพิจารณาจาก 3 เกณฑ์ ได้แก่ (1) เกณฑ์การวิเคราะห์เนื้อหาของวัตถุดิบต้นฉบับ (2) เกณฑ์การวิเคราะห์รูปแบบของวัตถุดิบต้นฉบับ และ (3) เกณฑ์การวิเคราะห์ทั้งเนื้อหาและรูปแบบของวัตถุดิบต้นฉบับ เพื่อให้เข้าใจเงื่อนไขและข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการเขียนบท AD สำหรับวัตถุดิบรายการแต่ละรายการซึ่งมีการออกแบบการนำเสนอด้านภาพและเสียงที่แตกต่างกันออกไป (ข) พิจารณาความสอดคล้องหรือขัดแย้งระหว่างการแสดงออกทางกายภาพและอารมณ์ และ (ค) ความซับซ้อนของการแสดงออกทางกาย</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า การเขียนบท AD ที่มีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกลมกลืมระหว่างเสียงต้นฉบับ และเสียง AD โดยเสียงบรรยายควรเข้ามาทำหน้าที่เติมเต็มความเข้าใจ รักษาอรรถรส และสร้างอารมณ์ร่วมแก่คนพิการทางการเห็นที่เข้ามาใช้บริการ AD ในการเข้าถึงละครโทรทัศน์ แต่ทั้งนี้ AD ต้องไม่ทำลายหน้าที่ของเสียงต้นฉบับ และที่สำคัญ ในแต่ละฉากอาจมีรูปแบบการเขียนบท AD ได้หลากหลายมากกว่าหนึ่งรูปแบบ เป็นการตอกย้ำแนวคิดที่ว่า กลยุทธ์การเขียนบท AD ควรก้าวข้ามแนวคิดเรื่องขั้วตรงข้ามระหว่างการบรรยายแบบตรงไปตรงมา ห้ามตีความ กับการบรรยายที่ยอมรับการตีความ มาสู่แนวคิดเรื่องความหลากหลายที่สามารถประยุกต์ใช้กลยุทธ์ผสมผสานกันได้ตามเงื่อนไขของละครแต่ละฉาก</p>
กุลนารี เสือโรจน์
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
86
86
-
ปากบอกไม่ ใจบอกรัก: ความรักและความสูญเสียแบบเควียร์ในนวนิยายเรื่อง นางเอก ของอัญชัน
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284963
<p><em> นางเอก</em> (2547) เป็นนวนิยายขนาดสั้นของอัญชัน ที่นำเสนอแก่นเรื่องเกี่ยวกับหญิงรักหญิง แม้อัญชันจะแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่ละเมิดขนบทางเพศ และตั้งคำถามกับสังคมว่าเหตุใด “ผู้ที่ละเมิดกฎธรรมชาติ” จึงถูกสังคมประณามมากกว่า “ผู้ที่ละเมิดกฎศีลธรรม” อย่างไรก็ตาม ในการนำเสนอเรื่องราวของ “กัญญา” ตัวละครหญิงรักหญิง ผู้เขียนกลับให้ “พิม” ตัวละครหญิงสาวที่มาจากครอบครัวชนชั้นกลางและยึดถือขนบรักต่างเพศเป็นผู้เล่าเรื่องของกัญญา เรื่องเล่าของพิมนำเสนอความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงว่าไม่ใช่ความรัก แต่เป็นการล่อลวง ดังที่พิมนำเสนอผู้อ่านว่า เธอถูกกัญญาใช้กลอุบายเพื่อล่วงละเมิดทางเพศ ในบทความนี้ ผู้วิจัยใช้ทฤษฎีเควียร์เป็นเครื่องมือในการอ่านวิเคราะห์ตัวบท เมื่ออ่านใหม่ในแบบเควียร์ เรื่องเล่าของพิมเผยให้เห็นความย้อนแย้งของผู้เล่าในรูปของการตอบรับแบบปฏิเสธ (negation) ความพยายามของพิมที่จะหลีกหนีกัญญากลับเผยให้เห็นความผูกพันอย่างลึกซึ้งของเธอที่มีต่อกัญญา แนวคิดเรื่อง melancholy gender ของ จูดิธ บัตเลอร์ (Judith Butler) ช่วยอธิบายความย้อนแย้งในเรื่องเล่าของพิม บัตเลอร์ชี้ให้เห็นว่า อัตลักษณ์ทางเพศถูกสร้างขึ้นจากการปฏิเสธความปรารถนาที่มีต่อเพศเดียวกัน การสูญเสียความผูกพันแบบเควียร์เป็นสิ่งที่บุคคลไม่สามารถแสดงความโศกเศร้าอาลัย เนื่องจากสังคมปิดกั้นความปรารถนาในเพศเดียวกัน โดยมองสิ่งนี้ว่าไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรก การอ่านแบบเควียร์แสดงให้เห็นการโอบรับความสูญเสียแบบเควียร์ที่สังคมปฏิเสธ เพื่อเผยให้เห็นพลังของความผูกพันแบบเควียร์ที่ยังคงหลอกหลอนสังคมที่ยึดถือรักต่างเพศเป็นบรรทัดฐาน</p>
ชุติมา ประกาศวุฒิสาร
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
149
149
-
ประพันธศาสตร์ของความเศร้า: บทกวีกับจินตกรรมของชุมชนแบบเควียร์ในนิตยสารเกย์ไทย (พ.ศ. 2527-2530)
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284964
<p> บทความนี้รวบรวมและวิเคราะห์บทกวี 20 บทที่ตีพิมพ์ในนิตยสารเกย์ไทย 3 ชื่อฉบับ ได้แก่ <em>นีออน เกสรประสบการณ์</em> และ <em>มิถุนาจูเนียร์</em> ระหว่าง พ.ศ. 2527-2530 ผู้วิจัยศึกษาตัวบทเหล่านี้ในฐานะ “บทกวีเควียร์” ที่ถ่ายทอดเพศวิถีนอกแบบแผนและความปรารถนาเพศเดียวกัน โดยมุ่งพิจารณาบทบาทของบทกวีดังกล่าวในการประกอบสร้างจินตกรรมของชุมชนแบบเควียร์ ในเบื้องต้นผู้วิจัยเสนอว่า ชุมชนแบบเควียร์ประกอบสร้างขึ้นจากลักษณะของนิตยสารเกย์ในฐานะพื้นที่แห่งการสร้างปฏิสัมพันธ์และบทสนทนา อันทำให้นิตยสารเป็นเครือข่ายผัสสารมณ์ที่อำนวยให้เกิดการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางผัสสะและอารมณ์ความรู้สึกระหว่างชุมชนเควียร์ บทบาทดังกล่าวยังทำให้นิตยสารเกย์เป็นจดหมายเหตุแบบเควียร์ที่ทำหน้าที่บันทึก รักษา และส่งต่อประวัติศาสตร์อารมณ์แบบเควียร์อีกด้วย</p> <p> การวิเคราะห์บทกวีเควียร์คัดสรรเหล่านี้แสดงให้เห็นความสำคัญของอารมณ์โศกเศร้า อันเป็นอารมณ์ที่ปรากฏอย่างเด่นชัดใน 2 ประเด็นที่สัมพันธ์กัน ประการแรก อารมณ์โศกเศร้าถ่ายทอดประสบการณ์ร่วมของเควียร์ที่ต้องเผชิญกับอคติทางเพศ ภาพของเควียร์ผู้ตรอมตรมในบทกวีจึงเป็นหลักฐานของภาวะเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน และเป็นบทวิพากษ์บรรทัดฐานทางสังคมที่ตั้งอยู่บนอุดมการณ์รักต่างเพศ ประการต่อมา อารมณ์โศกเศร้านำไปสู่การใคร่ครวญเกี่ยวกับเพศวิถีและอารมณ์ปรารถนาแบบเควียร์ ซึ่งปรากฏการเชื่อมโยงความปรารถนาดังกล่าวเข้ากับความเป็นมายาและอนิจจังตามแนวคิดทางพุทธศาสนา ขณะเดียวกัน องค์ประกอบทางศาสนาก็ช่วยขับเน้นความเข้มข้นของกามารมณ์และถ่ายทอดความเปราะบางแห่งการดำรงอยู่ของเควียร์ภายใต้ขนบรักต่างเพศ ความโศกเศร้าในบทกวีเควียร์จึงมีบทบาทในการสร้างชุมชนแบบเควียร์ ทั้งในด้านการโต้กลับวาทกรรมกระแสหลัก และการเป็นแหล่งพักพิงทางอารมณ์ของเควียร์ในช่วงเวลาดังกล่าว</p>
ชัยรัตน์ พลมุข
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
194
194
-
บทบาทการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาในสื่อออนไลน์ของรายการ หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284965
<p> บทความนี้เป็นการศึกษารายการเพศศึกษาในยุคดิจิทัลในรูปแบบวิจัยเชิงคุณภาพ ผ่านรายการ <em>หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว</em> ที่อยู่บนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์บทบาทการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาของรายการ <em>หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว</em> ผู้วิจัยเสนอว่า รายการ <em>หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว</em> มีบทบาทหน้าที่ในการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาที่ไม่ใช่แค่การ “สอน” เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทหน้าที่ในแบบอื่นด้วย ผู้วิจัยใช้การวิเคราะห์ตัวบท (textual analysis) เนื้อหาที่ปรากฏในรายการทางช่องยูทูบที่เป็นคลิปวิดีโอบันทึกการถ่ายทอดสด (live) จำนวน 3 ตอน ผลการศึกษาพบว่า รายการ <em>หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว</em> มีลักษณะการนำเสนอเนื้อหาที่แตกต่างจากสื่อมวลชนในอดีต โดยเป็นรายการสดที่มีลักษณะเป็น “มัลติมีเดียปฏิสัมพันธ์” กับผู้รับสารแบบทันทีทันใด ผ่านการโทรศัพท์เข้ามายังรายการและการแสดงความคิดเห็นในการถ่ายทอดสด โดยรายการ <em>หงี่-เหลา-เป่า-ติ้ว</em> มีบทบาทหลัก 4 บทบาทคือ (1) บทบาทเป็นที่ปรึกษา (advisor) ซึ่งรายการมีบทบาทในการเป็น “สื่อให้คำปรึกษา” ที่ให้คำแนะนำและความรู้เรื่องเพศศึกษาผ่านกรณีศึกษาที่มาจากคำถามของผู้ชมทางบ้าน (2) บทบาทเป็นครูสังคม (social teachers) ที่ช่วยสลายมายาคติเรื่องเพศแบบผิดๆ และมีบทบาท “สอนศีลธรรม” ให้กับผู้ชมทางบ้าน (3) บทบาทเป็นประชาสัมพันธ์ด้านสาธารณสุข (public relations) ที่สนับสนุนการรณรงค์ทางสาธารณสุขด้านต่างๆ (4) บทบาทเป็นผู้ให้ความบันเทิง (entertainer) โดยเฉพาะความสนุกสนานในรายการ ที่ผู้ดำเนินรายการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสร้างเสียงหัวเราะได้ราวกับเป็น “ไวอากร้าแก่สังคม” โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งมีความ “เร้าอารมณ์ทางเพศ” นั่นเอง</p>
วสันต์ วังสุข
ทิฆัมพร เอี่ยมเรไร
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
236
236
-
ภาวะความตายอย่างโดดเดี่ยว: สื่อสารภาพสะท้อนสังคมสูงวัย
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284966
<p> บทความนี้เขียนขึ้นด้วยความสนใจในมิติภาวะการตายอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงวัย แนวโน้มผู้สูงวัยที่อยู่ลำพังมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบการดูแลสุขภาพ และก่อให้เกิดความท้าทายทางด้านต่างๆ ตามมา บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจแนวคิดการตายอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงวัย ทำความเข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมุ่งสำรวจปรากฏการณ์ของประเทศตะวันออก จากนั้นจึงเป็นการวิเคราะห์องค์ประกอบที่นำไปสู่การตายอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงวัย เพื่อกระตุ้นให้สังคมพึงตระหนักรู้และพิจารณาหาแนวทางในการรับมือกับความท้าทายที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุขั้นสุดยอด (super-aged society) ผลการศึกษาพบว่า องค์ประกอบที่นำไปสู่การตายอย่างโดดเดี่ยวของผู้สูงวัย แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ (1) ลักษณะภาวะทางเศรษฐกิจ ความตายอย่างโดดเดี่ยวเกิดขึ้นสอดคล้องกับโครงสร้างทางสังคมของประเทศ โดยเฉพาะภาวะทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้สูงอายุจำนวนมากจำเป็นต้องใช้ชีวิตลำพังห่างไกลลูกหลาน สังคมสมัยใหม่ที่กำกับด้วยทุนนิยม บีบให้คนต้องเคลื่อนย้ายตนเองไปสู่แหล่งที่สามารถหาทุน ดิ้นรนทำมาหาเลี้ยงปากท้อง ดำรงชีวิต และหาเลี้ยงครอบครัว อาจต้องพาลูก สามี/ภรรยา ไปกับตนด้วย ในขณะที่จำต้องแยกห่างจากผู้สูงวัยซึ่งเป็นพ่อแม่ (2) ลักษณะครัวเรือนไร้บุตรหลาน โครงสร้างของครัวเรือนที่ “ไร้บุตรหลาน” มีสัดส่วนที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยไร้ลูกหลานเหล่านี้ไร้คนดูแล และไม่มีคนคอยช่วยเหลือ แบบไร้ญาติขาดมิตร และจะกลายเป็น “กลุ่มเปราะบาง” ของสังคมยุค “เกิดต่ำ อายุขัยยาว” และ (3) ลักษณะการดำเนินชีวิต ขาดการติดต่อกับสังคม การเสียชีวิตคนเดียวที่เป็นปรากฏการณ์อันน่าสลดใจ อาจสะท้อนถึงความล้มเหลวของสังคมรอบตัวผู้เสียชีวิต ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง และชุมชน การขาดการติดต่อกับสังคม เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่อาจมาจากการที่ผู้สูงวัยห่างเหินจากญาติพี่น้อง หรือจงใจหลีกเลี่ยงการติดต่อกับคนอื่นๆ ด้วยเหตุผลส่วนบุคคล</p>
อารีย์ พีรพรวิพุธ
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
269
269
-
ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก และ ร้านไม่สะดวกซื้อของคุณทกโก ในวันที่คุณ ทกโกไม่อยู่
https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jcmag/article/view/284967
พรรษา รอดอาตม์
Copyright (c) 2025 วารสารศาสตร์
2025-05-19
2025-05-19
18 2
320
320