เสริมสร้างคุณค่าประเทศไทย 4.0 ด้วยพุทธธรรมนิยาม เพื่อทำให้สังคมไทย 4.0 มีความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนอย่างแท้จริง

ผู้แต่ง

  • สมเกียรติ ไชยภูมิ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
  • พระครูศรีปริยัติคุณาภรณ์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
  • ทองใบ ธีรานันทางกูร มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
  • พระบุญเสริม จันภักดี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
  • กรุณา มธุลาภรังสรรค์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

คำสำคัญ:

เสริมสร้างคุณค่าประเทศไทย 4.0 พุทธธรรมนิยาม ทฤษฎีสามสมดุล

บทคัดย่อ

บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางการเสริมสร้างคุณค่าประเทศไทย 4.0 ด้วยพุทธธรรมนิยามเพื่อทำให้สังคมไทย 4.0 มีความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนอย่างแท้จริง เป็นโครงการวิจัยชุดที่ประกอบด้วยโครงการวิจัยย่อย 3 โครงการ คือ (1) วิเคราะห์คุณค่าประเทศไทย 4.0 ด้วยพุทธธรรมนิยาม เพื่อให้ทราบว่าจะทำให้สังคมไทย 4.0 มีความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนอย่างแท้จริงได้หรือไม่ (2) ประเมินผลการเสริมสร้างคุณค่าประเทศไทย 4.0 ด้วยพุทธธรรมนิยามเพื่อทำให้สังคมไทย 4.0 มีความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนอย่างแท้จริง และ (3) รูปแบบการใช้หุ่นยนต์ที่ไม่แย่งงานมนุษย์ในไทยแลนด์ 4.0 ตามแนวพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพที่เน้นวิธีวิจัยทางเอกสาร โดยศึกษาจากพระไตรปิฎก เอกสารที่เกี่ยวข้อง และผลงานของผู้รู้ทางพระพุทธศาสนาพร้อมกับการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้อง ผลการวิจัยพบว่า 1) จุดบกพร่องในแผนพัฒนาประเทศไทย 4.0 คือ การยึดโยงอยู่กับวิทยาศาสตร์แบบดั้งเดิมของนิวตันและเดส์คาตส์มีลักษณะแยกส่วน เป็นพื้นฐานที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจและการเมืองมีความสุดโต่งไปทางด้านใดด้านหนึ่ง เป็นผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น 2) พุทธธรรมที่แก้ไขจุดบกพร่องในแผนพัฒนาประเทศไทย 4.0 คือ พุทธธรรมนิยาม ที่เป็น “อริยมรรคมีองค์แปด” ได้แก่ หลักปฏิบัติที่ถูกต้องดีงามและประเสริฐ ซึ่งสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ที่ถูกสังเคราะห์และตีความเป็น ทฤษฎีสามสมดุล เพื่อใช้สำหรับเสริมสร้างคุณค่าประเทศไทย 4.0 3) หลักการเสริมสร้างคุณค่าประเทศไทย 4.0 ด้วยพุทธธรรมนิยามเพื่อทำให้สังคมไทย 4.0 มีความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนอย่างแท้จริง คือ การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของแผนพัฒนาประเทศไทย 4.0 จากการที่อิงกับวิทยาศาสตร์แบบดั้งเดิม ไปเป็นวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ที่เห็นว่าสรรพสิ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันแบบองค์รวม ทำให้เกิดนวัตกรรมทางสังคมในรูปแบบใหม่ จากการที่เน้นการแข่งขันและแย่งชิง ไปเป็นความร่วมมือและเกื้อกูลกัน ตั้งแต่ระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคตลอดไปจนถึงนายจ้างกับลูกจ้าง หรือรัฐบาลกับประชาชน เกิดนวัตกรรมทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง จากการตลาดแบบเพาะเลี้ยง ระบบเศรษฐกิจแบบควอนตัม ตลอดจนถึงการเมืองแบบเพาะเลี้ยง

เอกสารอ้างอิง

เคลาส์ ชวาบ. (2561). “ทางรอดแห่งโลกใบใหม่ แห่ง การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่”. แปลโดย ศรรวริศา เมฆไพบูลย์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิซซิ่ง.

เคลาส์ ชวาบ. (2561). “การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่”. แปลโดย ศรรวริศา เมฆไพบูลย์. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิซซิ่ง.

มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2538). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

ยูวัล โนอาห์ แฮรารี. (2562). “21 บทเรียนสำหรับศตวรรษที่ 21”. แปลโดย นำชัย ชีววิวรรธน์ และธิดา จงนิรามัยสถิต. กรุงเทพมหานคร : ยิบซี กรุ๊ป.

พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). (2556). “พุทธศาสนาในฐานะเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์”. พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพมหานคร : วัดญาณเวศกวัน.

พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต, https://mgronline.com/daily/detail/96000000740962/[23 เมษายน 2562].

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-02-07

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย