@article{เสียงดัง_ทิพยเกษร_2021, title={ผลของการจัดการเรียนรู้แบบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม ต่อทักษะการทำงานร่วมกัน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1}, volume={28}, url={https://so06.tci-thaijo.org/index.php/panya-thjo/article/view/251200}, abstractNote={<p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาทักษะการทำงานร่วมกันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก่อนเรียนและหลังเรียนแบบสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศ ก่อนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่ม กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนศรีนคร อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 35 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศรอบตัว จำนวน 5 แผน 2) แบบประเมินทักษะการทำงานร่วมกัน 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบประเมินทักษะการทำงานร่วมกันโดยผู้สังเกต แบบประเมินทักษะการทำงานร่วมกันโดยเพื่อนในกลุ่ม และแบบประเมินทักษะการทำงานร่วมกันโดยนักเรียนประเมินตนเอง 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศรอบตัว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ชนิดปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 50 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) นักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่มมีการพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกันในระดับที่สูงขึ้น ทั้งจากการประเมินโดยผู้สังเกตได้คะแนนเฉลี่ร้อยละ 76.60 การประเมินโดยเพื่อนในกลุ่ม ได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 88.40 และการประเมินโดยนักเรียนประเมินตนเอง คิดได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 86.27 ผลประเมินอยู่ในระดับดี 2) นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ลมฟ้าอากาศรอบตัว หลังจากได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นกลุ่มได้คะแนนเฉลี่ย 34.09 คะแนน ซึ่งสูงกว่าก่อนได้รับการจัดการเรียนรู้ที่ได้คะแนนเฉลี่ย 16.97 คะแนนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05</p>}, number={3}, journal={ปัญญา}, author={เสียงดัง ชนิดา and ทิพยเกษร สุทธิกัญจน์}, year={2021}, month={ธ.ค.}, pages={15–29} }