https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/issue/feed วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม 2024-04-23T10:57:21+07:00 ผศ.ดร.นิเทศ สนั่นนารี [email protected] Open Journal Systems <p><strong>ISSN 2822-0374 (Print)<br />ISSN 2822-0366 (Online)</strong></p> <p><strong>กำหนดการเผยแพร่วารสาร ปีละ 3 ฉบับ<br /></strong>ฉบับที่ 1 มกราคม-เมษายน<br />ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม<br />ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม</p> <p><strong>วัตถุประสงค์<br /></strong>1. เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานวิชาการและผลงานวิจัย ทางพระพุทธศาสนา ปรัชญา การศึกษา รัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์<br />2. เพื่อเผยแพร่ผลงานวิชาการและผลงานวิจัย ด้านอีสานศึกษา ด้านสันติศึกษา และด้านวิปัสสนาศึกษา<br />3. เพื่อเป็นเวทีนำเสนอผลงานวิชาการและผลงานวิจัยของบุคลากรในมหาวิทยาลัยและบุคคลทั่วไป</p> <p><strong>การพิจารณาและคัดเลือกบทความ<br /></strong>บทความแต่ละบทความจะได้รับพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองบทความวารสาร (Peer Review) อย่างน้อย 2 ท่าน ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเห็นชอบจากกองบรรณาธิการก่อนตีพิมพ์ โดยการพิจารณาบทความจะมีรูปแบบที่ผู้พิจารณาบทความไม่ทราบชื่อหรือข้อมูลของผู้เขียนบทความ และผู้เขียนบทความไม่ทราบชื่อผู้พิจารณาบทความ (Double – blind peer review)</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมตีพิมพ์บทความ</strong><br />บทความวิชาการ/บทความวิจัย/วิจารณ์หนังสือ บทความละ 4,000 บาท<br />หมายเลขบัญชี : 464-2-34391-9<br />ธนาคาร : ทหารไทยธนชาต<br />ชื่อบัญชี: สถาบันวิจัยพิมลธรรม/พระโสภณพัฒนบัณฑิต<br />** พร้อมส่งสลิปการโอนเงินและแจ้งชื่อ-สกุล มาที่ E-mail: [email protected]<br />ทั้งนี้ วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม ขอสงวนสิทธิ์ว่า การโอนค่าธรรมเนียมตีพิมพ์บทความและค่าสมัครสมาชิกมาแล้ว ไม่สามารถขอรับเงินคืนได้ไม่ว่ากรณีใดๆ</p> https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/267187 พุทธวิธีในการพัฒนาภาวะผู้นำครอบครัวในสังคมไทย 2024-02-06T13:40:38+07:00 พระดำรงค์ สุมงฺคโล [email protected] พระครูพิศาลสารบัณฑิต [email protected] <p>บทความวิชาการนี้ ศึกษาเกี่ยวกับครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญในการเป็นอยู่ที่ดี การอยู่ร่วมที่ดีต้องมีผู้นำหรือผู้คอยให้คำปรึกษาให้คำแนะนำภายในครอบครัวและต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ดังนั้นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยในการพัฒนาผู้นำครอบครัว ถึงแม้จะยุคสมัยใหม่ก็ตามแนวทางปฏิบัติก็ยังนำมาประยุกต์ใช้ได้ ในบทความนี้จะให้แนวทางปฏิบัติในรูปแบบพุทธวิธีเพื่อให้เกิดประโยชน์ในส่วนร่วมให้ดีที่สุด ทั้งเรื่องการฝึกอบรมตนเองและเป็นบุคคลตัวอย่างที่มีกาย วาจาใจ เป็นที่รักและเคารพของคนในครอบครัวและผู้อื่น สามารถเป็นผู้นำได้โดยการนำหลักเบญจศีล และหลักไตรสิกขาเป็นพื้นฐานการฝึกอบรมบ่มนิสัย ทางจิตใจ รวมไปถึงการใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เจอในการดำเนินชีวิตประจำวัน และช่วยให้คำแนะนำแก่ครอบครัวของตนเอง ผู้นำยุคสมัยใหม่ มีทั้งชายหญิง ต่างคนล้วนมีความสามารถด้วยเหตุและปัจจัยต่างๆ ที่จะดำรงรักษาครอบครัวของตนให้มีความสุข สงบร่มเย็น เมื่อเข้าใจซึ่งกันและกันแล้วก็ทำให้เป็นกุศลร่วมกัน</p> 2024-04-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/270726 เวชกรรมในพระไตรปิฎก 2024-01-29T13:41:21+07:00 พระถวัลย์ โชติโย (หาญไชยนะ) [email protected] <p>บทความวิชาการนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเวชกรรมในพุทธศาสนา จากการศึกษาพระไตรปิฎก พบว่า พระพุทธองค์ทรงตรัสเกี่ยวกับเวชกรรมและโรคไว้ 2 อย่าง คือโรคทางกายกับโรคทางใจ วิธีการรักษาโรคแบ่งออกเป็น 2 คือการักษาโรคทางกายกับการรักษาโรคทางใจ สำหรับการรักษาโรคทางกายมีวิธีรักษาดังนี้ 1) ใช้อาหารเป็นยารักษา เช่น น้ำข้าวใส น้ำข้าวยาคู ให้ภิกษุอาพาธใช้บำรุงสุขภาพ 2) การพักผ่อนให้ถูกต้องตามอิริยาบถ เช่น นอนตะแคงขวา เป็นต้น 3) การผ่าตัดเนื้องอก 4) ทรงอนุญาตให้ฉันเนื้อและห้ามฉันเนื้อบางชนิด 5) ทรงวางกฎเกณฑ์เกี่ยวกับเวลาฉันอาหารเป็นยา เพื่อมิให้ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย ส่วนการรักษาโรคทางใจจะรักษาด้วยธรรมโอสถ คือการใช้ธรรมรักษาผู้ป่วยทางจิต สำหรับธรรมโอสถ ก็จะใช้แตกต่างกันไปตามสภาวะจิตของแต่ละบุคคล</p> 2024-04-26T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/270937 กลยุทธ์การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดหนองคาย 2024-02-12T17:02:30+07:00 กัญญาภัค บัวพงษเพชร [email protected] ยิ่งสรรค์ หาพา [email protected] พระมหาพิสิฐ วิสิฏฺฐปญฺโญ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการจำเป็นของการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จังหวัดหนองคาย 2) พัฒนากลยุทธ์การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษา และ 3) ประเมินกลยุทธ์การพัฒนาภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบผสานวิธี ได้แก่ การวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูผู้สอน จำนวน 320 คน การวิจัยเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 9 รูป/คน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ได้แก่ ร้อยละ ค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์เนื้อหาและการใช้เทคนิค (PNI<sub>Modified</sub>)<br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า<br /></strong><span style="font-size: 0.875rem;">1. สภาพปัจจุบันและสถานที่พึงประสงค์ของภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษาในภาพรวม มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก ลำดับตามความต้องการจำเป็น พบว่า ลำดับที่ 1 คือ ด้านความเคารพนับถือ (คารวะตา) ลำดับที่ 2 คือ ด้านความยุติธรรม (อุเบกขา) ลำดับที่ 3 คือ ด้านความไว้วางใจ (ศรัทธา)<br /></span><span style="font-size: 0.875rem;">2. กลยุทธ์ภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษา ประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ คือ 1) กลยุทธ์สร้างผู้นำน่าเคารพนับถือ (มีคารวะตาธรรม) 2) กลยุทธ์พัฒนาผู้นำครบความยุติธรรมเท่าเทียมกัน (มีอุเบกขา) และ 3) กลยุทธ์สร้างผู้นำสานสัมพันธ์ไว้วางใจ (มีศรัทธา)<br /></span>3. การประเมินกลยุทธ์ภาวะผู้นำเชิงจริยธรรมในศตวรรษที่ 21 ของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า มีความเหมาะสม ความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ โดยรวมอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด และสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาได้จริง</p> 2024-04-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/271452 การศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการบริการสังคมเพื่อพัฒนาทักษะวิศวกรสังคมของนักศึกษาสาขาวิชาการประถมศึกษา 2024-02-22T10:56:29+07:00 ดวงพร อุ่นจิตต์ [email protected] ศรวัส ศิริ [email protected] ปริตต์ สายสี [email protected] เบญจมาศ พุทธิมา [email protected] สมิต ค่อยประเสริฐ [email protected] สมชาย เมืองมูล [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการบริการสังคมเพื่อพัฒนาทักษะวิศวกรสังคมของนักศึกษาสาขาวิชาการประถมศึกษา เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ กลุ่มเป้าหมายคือ นักศึกษาสาขาวิชาการประถมศึกษา ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง จำนวน 29 คน โดยใช้วิธีการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบอัตนัย และแบบบันทึกผลการสะท้อนคิด วิเคราะห์ข้อมูลใช้เทคนิคการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาและวิเคราะห์สรุปผลแบบอุปนัย<br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong> ผลการจัดกิจกรรม ขั้นเตรียมการ นักศึกษารู้และเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการดำเนินกิจกรรมและบทบาทหน้าที่ของตนเอง คิดเป็นร้อยละ 89 ขั้นปฏิบัติ นักศึกษาสามารถปฏิบัติการสร้างนวัตกรรมในรูปแบบกิจกรรม จำนวน 3 ฐานการเรียนรู้ ซึ่งมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ได้แก่ DIY กระเป๋าถุงนม เสื้อผ้าพาเพลิน และฉันอยู่หมู่ไหน และขั้นการสะท้อนคิด นักศึกษาได้เรียนรู้ว่า การทำกิจกรรมนี้ดีมีประโยชน์ รู้สึกดี ภาคภูมิใจที่ได้ทำสิ่งดีๆ ให้กับเด็กๆ ให้โรงเรียน ทักษะวิศวกรสังคมเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างพลังบวกให้ทำงานด้วยใจ มีจิตอาสา เป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงานเพื่อพัฒนาชุมชน โรงเรียน และสังคมให้มีศักยภาพและคุณภาพ ช่วยทำให้เราได้ฝึกความรับผิดชอบในหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด </p> 2024-04-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/269848 การศึกษาวิเคราะห์หลักพุทธจริยศาสตร์ในการใช้สื่อออนไลน์ของเยาวชนในตำบลสีแก้ว อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด 2023-12-25T21:11:53+07:00 พระศิวพล หิตกาโม (บุญโท) [email protected] โสวิทย์ บำรุงภักดิ์ [email protected] พระครูสีลสราธิคุณ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการใช้สื่อออนไลน์ของเยาวชนชุมชนตำบลสีแก้ว 2) ศึกษาหลักพุทธจริยศาสตร์และสามารถนำความรู้ไปใช้เพื่อให้รู้เท่าทันในการใช้สื่อออนไลน์ 3) วิเคราะห์ความรู้ให้รู้เท่าทันต่อการใช้สื่อออนไลน์ของเยาวชนในชุมชนบ้านสีแก้ว ตำบลสีแก้ว อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ตามหลักพุทธจริยศาสตร์ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยศึกษาจากพระไตรปิฎก เอกสารทางวิชาการ และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เครื่องมือวิจัยใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก แล้วนำเสนอผลการวิจัยด้วยวิธีการวิเคราะห์เชิงพรรณนา<br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า<br /></strong><span style="font-size: 0.875rem;">1. การใช้สื่อออนไลน์ของเยาวชนชุมชนตำบลสีแก้ว พบว่า เยาวชนในชุมชนตำบล</span><span style="font-size: 0.875rem;">สีแก้ว มีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในชีวิตประจำวัน มีอิทธิพลต่อความคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมของเยาวชนเป็นอย่างมาก ใช้อย่างมีสติ ให้เกิดประโยชน์สุขต่อตนเองและส่วนรวม<br /></span><span style="font-size: 0.875rem;">2. หลักพุทธจริยศาสตร์และสามารถนำความรู้ไปใช้เพื่อให้รู้เท่าทันในการใช้สื่อออนไลน์ พบว่าหลักพุทธจริยศาสตร์ที่สัมพันธ์กับการรู้เท่าทันในการใช้สื่อออนไลน์ ซึ่งประกอบด้วย สติสัมปชัญญะ-ความระลึกได้และความรู้ตัว หิริโอตตัปปะ-ความละอายแก่ใจและความเกรงกลัวต่อบาป โยนิโสมนสิการ-พิจารณาอย่างรอบคอบ รู้เท่าทันสื่อออนไลน์ เป็นต้น<br /></span><span style="font-size: 0.875rem;">3. วิเคราะห์ความรู้ให้รู้เท่าทันต่อการใช้สื่อออนไลน์ของเยาวชนในชุมชนบ้านสีแก้ว พบว่า สื่อสังคมออนไลน์ทำให้เยาวชนชุมชนตำบลสีแก้วเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งพฤติกรรมและแนวคิดใหม่ๆ สื่อออนไลน์มีทั้งด้านลบ เช่น เล่นพนันออนไลน์ ขายสิ่งผิดกฎหมาย และด้านบวกเป็นผลดีต่อเยาวชนคือ นำองค์ความรู้จากสื่อออนไลน์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น เรียนออนไลน์ ขายของออนไลน์ ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เป็นต้น</span></p> 2024-04-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/271348 แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2 2024-02-18T13:49:24+07:00 วัชรินทร์ โสภักดี [email protected] กุหลาบ ปุริสาร [email protected] วิเชียร ชิวพิมาย [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็นของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา และ 2) ศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหาร เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน สภาพที่พึงประสงค์และความต้องการจำเป็น กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา และครูผู้สอน รวม 450 คน ระยะที่ 2 ศึกษาแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา สัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 7 คน โดยทำการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม แบบประเมิน มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ความต้องการจำเป็น โดยใช้วิธี Priority Needs Index (PNI<sub> modified</sub>)<br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong><br />1. สภาพปัจจุบันของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมและรายด้าน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก สภาพที่พึงประสงค์ของภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยภาพรวมและรายด้าน มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด ความต้องการจำเป็นมีค่าดัชนีความต้องการจำเป็น PNI <sub>modified </sub>= 0.1758 เมื่อพิจารณารายด้านเรียงลำดับความต้องการจำเป็นจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านการมีความยืดหยุ่น มีค่าดัชนีความต้องการจำเป็นมากที่สุด รองลงมาด้านวิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์ ด้านการคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล ด้านการมีจินตนาการ และด้านการมีความคิดสร้างสรรค์ตามลำดับ<br />2. แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ของผู้บริหารสถานศึกษา มีทั้งหมด 46 แนวทาง ได้แก่ 1) วิสัยทัศน์เชิงสร้างสรรค์ มี 9 แนวทาง 2) การมีจินตนาการ มี 9 แนวทาง 3) การมีความคิดสร้างสรรค์ มี 12 แนวทาง 4) การมีความยืดหยุ่น มี 10 แนวทาง และ 5) การคำนึงถึงความเป็นปัจเจกบุคคล มี 6 แนวทาง ผลการประเมินแนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำเชิงสร้างสรรค์ มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด และการนำไปใช้ประโยชน์อยู่ในระดับมากที่สุด</p> 2024-04-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/271099 อารยธรรมลุ่มน้ำชี: ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาในชุมชนอีสาน 2024-02-12T17:17:51+07:00 ชยาภรณ์ สุขประเสริฐ [email protected] ปัญญา คล้ายเดช [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมลุ่มน้ำชี ใน ชุมชนอีสาน 2) ศึกษาภูมิปัญญาและแหล่งอารยธรรมลุ่มนํ้าชี ในชุมชนอีสาน 3) เสนอแนวทางในการธำรงรักษาสืบทอดแหล่งอารยธรรมลุ่มนํ้าชี ในชุมชนอีสาน เป็นการวิจัยเชิงผสมผสาน โดยทำการวิจัยเชิงเอกสาร ดำเนินการสัมภาษณ์และสนทนากลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 42 คน และดำเนินกิจกรรมในพื้นที่วิจัยในแหล่งอารยธรรมลุ่มน้ำชีในจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดมหาสารคาม เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงพรรณนา<br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong> <br />1. ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมลุ่มน้ำชีในชุมชนอีสาน พบว่า ชุมชนอีสานมีประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยประวัติศาสตร์ สมัยทวารวดี สมัยลพบุรี และสมัยล้านช้างเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน บรรพบุรุษคนอีสานได้สร้างวัฒนธรรมประเพณีมากมาย เช่น วัฒนธรรมภาษา งานเทศกาลไหมนานาชาติและประเพณีผูกเสี่ยว ประเพณีงานสงกรานต์อีสานเทศกาลดอกคูนเสียงแคน และงานนมัสการพระธาตุนาดูน <br />2. ภูมิปัญญาและแหล่งอารยธรรมลุ่มนํ้าชีในชุมชนอีสาน ภูมิปัญญาอีสาน ได้แก่ ภูมิปัญญาอาหาร การแพทย์และสมุนไพร การปั้นหม้อดินเผา และการทอผ้าไหมมัดหมี่ สำหรับแหล่งอารยธรรมจังหวัดขอนแก่น เช่น แหล่งอารยธรรมวัดไชยศรี บ้านสาวะถี อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น และแหล่งอารยธรรมจังหวัดมหาสารคาม เช่น แหล่งอารยธรรมวัดป่าเลไลย์ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม <br />ซึ่งพบหลักฐาน คือหลักศิลาจารึก ใบเสมา พุทธศิลปะโบราณวัตถุ ฮูปแต้มหรือภาพจิตรกรรมฝาผนัง <br />3. แนวทางการธำรงรักษาและสืบทอดอารยธรรมลุ่มนํ้าชีในชุมชนอีสาน มี 6 แนวทาง คือ 1) สร้างพิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น 2) สร้างศิลปะเชิงสร้างสรรค์ 3) สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ 4) สร้างวิสาหกิจชุมชน 5) สร้างเครือข่ายภูมิปัญญาและวัฒนธรรม 6) สร้างกิจกรรมการพัฒนาชุมชนที่สอดคล้องกับภูมิปัญญาและวัฒนธรรม</p> 2024-04-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/271350 การบริหารโรงเรียนคุณภาพสู่ความเป็นเลิศ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4: กรณีศึกษา 2024-04-02T15:33:36+07:00 ประภัสรา อนุสุริยา [email protected] กุหลาบ ปุริสาร [email protected] อาทิตย์ ฉัตรชัยพลรัตน์ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปรากฏการณ์บริหารโรงเรียนคุณภาพสู่ความเป็นเลิศ และ 2) เสนอแนวทางในการบริหารโรงเรียนคุณภาพสู่ความเป็นเลิศ เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญคือ ผู้อำนวยการโรงเรียน และบุคลากร จำนวน 23 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง การศึกษาเอกสาร การลงภาคสนามโดยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth interview) การสังเกตแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม แบบบันทึกเทป การจดบันทึก (Field note) และการถ่ายภาพ วิเคราะห์ข้อมูล โดยวิธีวิเคราะห์เนื้อหา (Content analysis) การตรวจสอบความเที่ยงของข้อมูลใช้วิธีตรวจสอบแบบสามเส้า (Triangulation)<br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong><br />1. ปรากฏการณ์บริหารโรงเรียนคุณภาพสู่ความเป็นเลิศ ตามองค์ประกอบการบริหารสู่ความเป็นเลิศ 5 องค์ประกอบ ได้แก่ การวางแผนกลยุทธ์ การมุ่งเน้นบุคลากร การบริหาร การนำองค์กร การมุ่งเน้นผู้เรียน <br />2. แนวทางในการบริหารโรงเรียนคุณภาพสู่ความเป็นเลิศ ในด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ควรมีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของโรงเรียนให้เป็นปัจจุบันและสม่ำเสมอ ด้านการมุ่งเน้นบุคลากร ควรมีการส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ด้านการบริหาร ควรมีการวางแผนโดยใช้ข้อมูลสารสนเทศและนำมาบูรณาการเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ของโรงเรียน ด้านการนำองค์กร ผู้บริหารควรเข้าใจบริบทของโรงเรียนที่มีความท้าทายในภาพรวมในการตัดสินใจกำหนดทิศทางการพัฒนาโรงเรียนสู่ความเป็นเลิศด้านการมุ่งเน้นผู้เรียน ควรมีการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศทุกด้าน</p> 2024-04-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/271074 หลักพุทธธรรมและธรรมาภิบาลในการเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อชุมชนในตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย 2024-02-08T10:34:07+07:00 ชาญชัย ฤทธิร่วม [email protected] โกมินทร์ วังอ่อน [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและวิเคราะห์หลักพุทธธรรมในการนำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อชุมชน และ 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างหลักพุทธธรรมกับการเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อชุมชน เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้มีอำนาจทำการแทน สมาชิกวิสาหกิจชุมชน ประธานกลุ่มอาชีพ ผู้ประกอบการ ตัวแทนผู้ประกอบการ จำนวน 98 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง การสัมภาษณ์เชิงลึก และแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุคูณ และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการพรรณนา<br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า <br /></strong><span style="font-size: 0.875rem;">1. หลักพุทธธรรมในการนำไปสู่การเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อชุมชน พบว่า หลักพรหมวิหาร 4 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" /> = 4.22) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ด้านมุทิตา กรุณา เมตตา และอุเบกขา ส่วนหลักธรรมาภิบาล 6 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" /> = 4.15) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด ได้แก่ หลักความคุ้มค่า หลักการมีส่วนร่วม หลักการมีส่วนรับผิดชอบ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม และหลักความโปร่งใส ในการเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อชุมชน จำเป็นต้องมีความเป็นผู้นำ มีความสามารถในการบริหารจัดการงานและบริหารคนในกิจการ มีหลักพุทธธรรมในการยึดเหนี่ยวจิตใจนำมาประยุกต์ใช้ในการปกครองด้วยความเป็นธรรม สร้างขวัญกำลังใจในการทำงานให้กับสมาชิก และการเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น<br /></span>2. ความสัมพันธ์ระหว่างหลักพุทธธรรมกับการเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจเพื่อชุมชน พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 0.67 ถึง 0.77 สัมพันธ์สอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ซึ่งตัวแปรพรหมวิหาร 4 (FSM) มีความสัมพันธ์กับการเป็นผู้ประกอบการเพื่อชุมชน (SE) มากที่สุด โดยค่าความสัมพันธ์เท่ากับ 0.77 รองลงมาคือ ธรรมาภิบาล 6 (GG) มีความสัมพันธ์กับการเป็นผู้ประกอบการเพื่อชุมชน (SE) มีค่าความสัมพันธ์เท่ากับ 0.67 ทำให้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม โดยอาศัยหลักพุทธธรรม เพื่อสร้างเศรษฐกิจชุมชน ส่งเสริมให้ชุมชนเติบโตมีความเข้มแข็งและยั่งยืน</p> 2024-04-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/272543 องค์ประกอบของพฤติกรรมการสร้างนวัตกรรมในการทำงานของบุคลากรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 2024-04-22T10:09:57+07:00 ปภากร สุวรรณธาดา [email protected] ชิษณุพงศ์ ทองพวง [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์องค์ประกอบของพฤติกรรมการสร้างนวัตกรรมในการทำงานของบุคลากรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย 2) ตรวจสอบความสอดคล้องของโครงสร้างเชิงองค์ประกอบพฤติกรรมสร้างนวัตกรรมในการทำงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกับข้อมูลเชิงประจักษ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 316 คน ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า 5 ระดับ ค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามการวิจัยแสดงด้วยค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาคเท่ากับ 0.95 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน <br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า</strong> <br />1. องค์ประกอบของพฤติกรรมการสร้างนวัตกรรมในการทำงานของบุคลากรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) พฤติกรรมการสำรวจค้นหาความคิด 2) พฤติกรรมการก่อเกิดความคิด 3) พฤติกรรมการทำให้ความคิดเป็นที่ยอมรับ และ 4) พฤติกรรมการนำความคิดลงสู่การปฏิบัติ <br />2. ผลการตรวจเพื่อตรวจสอบความสอดคล้องของโครงสร้างเชิงองค์ประกอบของพฤติกรรมการสร้างนวัตกรรมในการทำงานของบุคลากรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกับข้อมูลเชิงประจักษ์ พบว่า ค่าวัดระดับความกลมกลืน คือ Chi-square (χ<sup>2</sup>) = 355.157, df = 301, χ<sup>2</sup>/df (CMIN/DF) = 1.30, RMR = 0.03, RMSEA = 0.91, GFI = 0.992, AGFI = 0.90 และ CFI = 0.99 แสดงว่ารูปแบบโมเดลการวิเคราะห์องค์ประกอบของพฤติกรรมการสร้างนวัตกรรมในการทำงานของบุคลากรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเชิงยืนยันมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์</p> 2024-04-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม https://so06.tci-thaijo.org/index.php/prij/article/view/268989 การวิเคราะห์ความสุขในปรัชญาอัลแบร์ กามูส์ 2023-11-14T16:22:52+07:00 ณัฏฐิญา ตันทสุข [email protected] จรัส ลีกา [email protected] พระครูศรีปริยัติบัณฑิต [email protected] พระมหาปรเมศวร์ ประพิณ [email protected] พระมหาใจสิงห์ สิริธมฺโม [email protected] พระครูสีลสราธิคุณ [email protected] <p>การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับความสุขในเชิงปรัชญา 2) ศึกษาความสุขในปรัชญาอัลแบร์ กามูส์ 3) วิเคราะห์ความสุขในปรัชญาอัลแบร์ กามูส์ เป็นการวิจัยเชิงเอกสาร ศึกษาข้อมูลจากเอกสารปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และวิเคราะห์ นำเสนอข้อมูลเชิงพรรณนาตามหลักอุปนัยวิธี<br /><strong>ผลการวิจัยพบว่า<br /></strong><span style="font-size: 0.875rem;">1. ความสุขเป็นการเข้าถึงเป้าหมายของชีวิต และการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าด้วยการสร้างประโยชน์แก่ตนเอง และสังคม ความสุขนี้เป็นการใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าด้วยความไม่ประมาท ที่นำไปสู่การเรียนรู้คุณค่า และสร้างคุณค่าแก่ชีวิต<br /></span><span style="font-size: 0.875rem;">2. ความสุขในปรัชญาอัลแบร์ กามูส์ เป็นความสุขที่มีความสัมพันธ์กับการเลือกของมนุษย์ ในการสร้างคุณค่า และความหมายของชีวิต ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ที่มนุษย์เผชิญอยู่ ความสุขที่ถูกต้องจึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่มนุษย์สามารถเลือกให้แก่ตน<br /></span><span style="font-size: 0.875rem;">3. ความสุขในปรัชญาอัลแบร์ กามูส์ มีบ่อเกิด 2 ทาง คือ ความสุขทางใจ และความสุขทางกาย ความสุขทางใจเป็นความสุขที่เกิดจากภายในด้วยการเข้าใจสภาวะของโลก และชีวิต ที่เต็มไปด้วยความไร้สาระ ที่ทุกอย่างมีความเป็นไปได้เสมอ เมื่อเข้าใจสภาวะเช่นนี้จึงทำให้มนุษย์มีความสุข และความสุขทางใจนี้จะมีผลทำให้มนุษย์แสดงพฤติกรรมออกมาเพื่อแสวงหาความสุขทางกาย และในที่สุดจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่สมดุลระหว่างกาย และใจ</span></p> 2024-04-25T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารสถาบันวิจัยพิมลธรรม