https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/issue/feed วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ 2024-05-23T13:27:20+07:00 รองศาสตราจารย์ ดร.น้ำทิพย์ วิภาวิน tla.bulletin@gmail.com Open Journal Systems <p>TLA Bulletin is the journal of the Thai Library Association (TLA)&nbsp;Under the Royal Patronage of H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn</p> <p>วารสารห้องสมุด เป็นวารสารวิชาการของ<a title="สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ" href="https://tla.or.th/" target="_blank" rel="noopener">สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ</a> มีวัตถุประสงค์ เพื่อ<br>&nbsp;&nbsp; 1. ส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ ความคิด ในสาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ สารสนเทศศาสตร์ และสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง<br>&nbsp;&nbsp; 2. เผยแพร่ผลการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยของสถาบันที่เกี่ยวข้อง<br>&nbsp;&nbsp; 3. เป็นสื่อกลางในการอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของสมาชิกและผู้สนใจ <br>มีกำหนดออกปีละ 2 ฉบับ (มกราคม - มิถุนายนและกรกฎาคม - ธันวาคม)</p> <p>&nbsp;</p> https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/270855 บทวิจารณ์หนังสือ : The Art of Serious Game Design 2024-01-30T13:41:58+07:00 ปรีดี ปลื้มสำราญกิจ preedee.pluemsamrungit@gmail.com 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/269867 ห้องสมุดแผ่นเสียง: แหล่งรวบรวมและให้บริการแผ่นเสียงเพื่อความรู้และความบันเทิง 2024-01-13T18:55:33+07:00 อันดามัน ภู่วิจิตรวราภรณ์ andaman.phuvijit@gmail.com วชิราภรณ์ คลังธนบูรณ์ wachiraporn.k@chula.ac.th <p>แผ่นเสียงเป็นทรัพยากรสารสนเทศประเภทโสตวัสดุที่ผู้คนเคยใช้บันทึกบทเพลง ประวัติศาสตร์ หรือความรู้แขนงต่าง ๆ ในยุคสมัยหนึ่ง ทำให้เป็นหลักฐานชั้นดีสำหรับการศึกษา อีกทั้งให้ความเพลิดเพลิน แม้แผ่นเสียงจะถูกแทนที่ด้วยทรัพยากรสารสนเทศรูปแบบอื่นไปแล้ว ปัจจุบันกลับได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่งทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยความนิยมนี้เกิดขึ้นในหมู่คนที่เติบโตมาในยุคที่แผ่นเสียงรุ่งเรือง รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยสัมผัสสื่อประเภทนี้มาก่อน บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำห้องสมุดแผ่นเสียงทั้งในไทยและต่างประเทศที่รวบรวมและให้บริการแผ่นเสียง โดยห้องสมุดแต่ละแห่งมีคอลเลกชันและบริการที่มีลักษณะเด่นแตกต่างกัน ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการศึกษาค้นคว้าและการพักผ่อนหย่อนใจ</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/270335 แนวคิดพื้นฐานการวิเคราะห์ข้อมูลและการประยุกต์กับองค์กรสารสนเทศ 2024-02-05T11:24:16+07:00 ดวงแก้ว เงินพูลทรัพย์ Duangkaew.Nge@stou.ac.th <p>การตัดสินใจในการดำเนินชีวิตประจำวันและการดำเนินงานจะถูกต้องแม่นยำหรือลดข้อผิดพลาดต้องดำเนินการภายใต้ผลการวิเคราะห์ข้อมูล&nbsp; การวิเคราะห์ข้อมูลจึงมีความสำคัญในทุกกิจกรรม&nbsp; องค์กรสารสนเทศเกี่ยวข้องกับข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลในทุกขั้นตอน&nbsp; ทั้งการดำเนินงานขององค์กรเองที่ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อรายงานผลการดำเนินงานให้ผู้บริหารใช้ข้อมูลเป็นแนวทางในการวางแผนและการตัดสินใจ&nbsp; ตลอดบุคลากรใช้ข้อมูลเป็นแนวทางในการปรับปรุงการทำงาน&nbsp; ด้านการให้บริการสารสนเทศการวิเคราะห์ข้อมูลช่วยในการจัดบริการและกิจกรรมที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้&nbsp; บทความนี้กล่าวถึงความหมายของข้อมูลและข้อมูลขนาดใหญ่&nbsp; องค์ประกอบ&nbsp; ขั้นตอนในการวิเคราะห์ข้อมูล&nbsp; เทคนิค&nbsp; เครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล&nbsp; และการประยุกต์การวิเคราะห์ข้อมูลกับองค์กรสารสนเทศ</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/274197 บทบรรณาธิการ 2024-05-23T13:07:46+07:00 ธณิศา สุขขารมย์ tanisabeau@gmail.com สุทธินันท์ ชื่นชม sutthinan@cmru.ac.th ปรีดี ปลื้มสำราญกิจ preedee.pluemsamrungit@gmail.com พงศกร สุกันยา pongsakorns@g.swu.ac.th 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/266138 ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการใช้บริการของผู้ใช้ห้องสมุดมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในจังหวัดภาคใต้ 2023-07-27T15:32:50+07:00 ปริญญ์ ขวัญเรียง jring1971@gmail.com ก้องกิดากร บุญช่วย boonchuay_tsu@live.com <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการใช้บริการของผู้ใช้ห้องสมุดมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในจังหวัดภาคใต้ ใช้วิธีวิจัยเชิงปริมาณ เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ประกอบด้วย นักศึกษา/นิสิตระดับปริญญาตรีและอาจารย์ที่สังกัดมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ และมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จำแนกเป็นกลุ่มสาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ กำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามกลุ่มสาขาในสัดส่วนที่เท่ากัน รวมทั้งสิ้นจำนวน 600 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการใช้บริการในระดับมากที่สุดคือ ปัจจัยด้านการบริหารจัดการห้องสมุด ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการใช้บริการในระดับมาก เรียงตามลำดับ ได้แก่ ปัจจัยด้านพื้นที่บริการ รองลงมาคือ ปัจจัยด้านทรัพยากรสารสนเทศและปัจจัยด้านระบบและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ในสัดส่วนที่เท่ากัน และปัจจัยด้านนักวิชาชีพสารสนเทศ สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการใช้บริการที่มีค่าเฉลี่ยอันดับสุดท้ายคือ ปัจจัยด้านผู้ใช้ห้องสมุด</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/269436 การพัฒนานโยบายการใช้เครือข่ายสังคมของหอสมุดแห่งชาติ 2023-12-08T21:56:46+07:00 สุวิชา โพธิ์คำ ton.infosci@gmail.com น้ำทิพย์ วิภาวิน namtip.wip@stou.ac.th ชำนาญ เชาวกีรติพงศ์ chumnan77@hotmail.com <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพการใช้เครือข่ายสังคมของหอสมุดแห่งชาติ และ 2) พัฒนานโยบายการใช้เครือข่ายสังคมของหอสมุดแห่งชาติ </p> <p> วิธีการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลหลักเป็นผู้บริหารหอสมุดแห่งชาติส่วนกลางและหอสมุดแห่งชาติสาขา จำนวน 18 คน และผู้ปฏิบัติงานดูแลเครือข่ายสังคมของหอสมุดแห่งชาติส่วนกลางและหอสมุดแห่งชาติสาขา จำนวน 25 คน รวมทั้งสิ้น 43 คน โดยวิธีการเลือกประชากรแบบเจาะจง และแหล่งข้อมูลหลัก ได้แก่ เอกสารนโยบายเครือข่ายสังคมของหอสมุดแห่งชาติในต่างประเทศ จำนวน 8 ประเทศ ประกอบด้วย หอสมุดแห่งชาติออสเตรเลีย หอสมุดแห่งชาติไอร์แลนด์ หอสมุดแห่งชาติสกอตแลนด์ หอสมุดแห่งชาตินิวซีแลนด์ หอสมุดรัฐสภาอเมริกัน หอสมุดแห่งชาติอังกฤษ หอสมุดรัฐสภาแห่งชาติญี่ปุ่น และหอสมุดแห่งชาติฟินแลนด์ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบบันทึกข้อมูลและแบบสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการวิเคราะห์เนื้อหาแบบอุปนัย</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า (1) สภาพการใช้เครือข่ายสังคมของหอสมุดแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและหอสมุดแห่งชาติสาขาของประเทศไทยทุกแห่งยังไม่มีการกำหนดนโยบายการใช้เครือข่ายสังคมที่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แต่มีกำหนดแนวทางการดำเนินงานไว้ในวิสัยทัศน์ ภารกิจ พันธกิจ และแนวปฏิบัติที่ผู้บริหารได้มอบหมายให้ผู้ปฏิบัติงานดำเนินงานตามพันธกิจ แพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมที่หอสมุดแห่งชาติแต่ละสาขาใช้งานเป็นหลัก คือ เฟซบุ๊กและไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแนะนำบริการ แนะนำทรัพยากรสารสนเทศ เผยแพร่ข้อมูลและความรู้ แจ้งผลการดำเนินงาน และการติดต่อสื่อสาร สำหรับผู้รับผิดชอบหลักในการใช้เครือข่ายสังคม คือ บรรณารักษ์ เนื้อหาที่เผยแพร่และแบ่งปันบนแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคม ส่วนใหญ่จัดทำเนื้อหาในรูปแบบอินโฟกราฟิก ปัญหาในการใช้งานเครือข่ายสังคมของหอสมุดแห่งชาติ ส่วนใหญ่คือทักษะด้านเทคโนโลยี และความไม่เสถียรของสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และ (2) การพัฒนานโยบายการใช้เครือข่ายสังคมของหอสมุดแห่งชาติ มีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ขอบเขตของนโยบาย วัตถุประสงค์ของนโยบาย แนวปฏิบัติในการใช้เครือข่ายสังคม พฤติกรรมและการใช้งานที่ไม่เหมาะสม การฝ่าฝืนนโยบายและบทลงโทษ และการเฝ้าติดตามและประเมินผล</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/269459 การพัฒนาต้นแบบระบบ M-learning เพื่อการจัดการสารสนเทศทางการศึกษาในสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลของมหาวิทยาลัย 2024-01-28T18:15:35+07:00 พิสุทธิ์ ศรีจันทร์ pisut@uru.ac.th <p><strong>บทคัดย่อ</strong></p> <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาองค์ประกอบและพัฒนาต้นแบบระบบ M-learning เพื่อการจัดการสารสนเทศทางการศึกษาในสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลของมหาวิทยาลัย 2) ประเมินคุณภาพของระบบ M-learning โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบ และ 3) ประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบ M-learningโดยผู้สอนและผู้เรียน วิธีดำเนินการวิจัยเป็นการวิจัยและพัฒนารูปแบบเชิงทดลองโดยการพัฒนาต้นแบบเทคโนโลยีและสื่อการศึกษา M-Learning เพื่อนำมาใช้ในการจัดการสารสนเทศทางการศึกษาในสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลของมหาวิทยาลัย</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) การศึกษาองค์ประกอบและพัฒนาต้นแบบระบบ M-learning เพื่อนำมาใช้ในการจัดการสารสนเทศทางการศึกษาในสภาพแวดล้อมทางดิจิทัลของมหาวิทยาลัย ประกอบด้วยส่วนสำคัญดังนี้ แพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้วยดิจิทัล ระบบ M-learning ได้แก่ 1.1) ระบบบริหารจัดการการเรียนรู้ (Moodle) แบ่งเป็น ผู้สอน (Teacher) ผู้เรียน (Student) และผู้ดูแลระบบ (Admin) 1.2) เนื้อหาบทเรียนสำหรับใช้ในการเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ 1.3) เครื่องมือในการสร้างและจัดการเนื้อหาบทเรียน, แบบฝึกหัด/แบบทดสอบ 1.4) การประเมินผลการเรียนรู้ 2) ผลการประเมินคุณภาพของระบบ M-learning โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาระบบโดยภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (4.63) และ 3) ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบ M-learning โดยผู้สอนและผู้เรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (4.49)</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/270301 ความต้องการพัฒนาทักษะใหม่แห่งอนาคตของประชาชนในจังหวัดสกลนคร 2024-02-08T11:34:40+07:00 ภาวิณี แสนชนม์ phawinee.sa@snru.ac.th ทิศากร ศิริพันธุ์เมือง tisakorns@snru.ac.th รดาณัฐ ภูสมนึก radanut@snru.ac.th กันยมาศ สงวนศักดิ์ kanyamaat@snru.ac.th เดือนเพ็ญ หัสขันธ์ nooknickd@gmail.com <p>งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการในการพัฒนาทักษะใหม่แห่งอนาคตของประชาชนในจังหวัดสกลนคร ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือเยาวชนและสมาชิกกลุ่มผู้ผลิตสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) จังหวัดสกลนคร จำนวน 100 คน คัดเลือกแบบเจาะจงจากรายงานสำนักงานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือแบบสอบถามความต้องการพัฒนาทักษะใหม่แห่งอนาคตโดยแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ความต้องการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศคือการใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุด รองลงมาคือการใช้คอมพิวเตอร์และการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น อีเมล การส่งข้อความ 2) ความต้องการพัฒนาทักษะด้านการรู้สารสนเทศคือการค้นหาและเข้าถึงข้อมูล สารสนเทศจากแหล่งต่าง ๆ ได้มากที่สุดรองลงมาคือการกำหนดเรื่องที่จะค้น และการประเมินคุณค่าข้อมูล สารสนเทศเพื่อนำมาใช้ 3) ความต้องการพัฒนาด้านทักษะการรู้เท่าทันสื่อคือการใช้สื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด รองลงมาคือการวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของสื่อ และการประเมินวัตถุประสงค์ของสื่อ 4) ความต้องการพัฒนาทักษะการรู้ดิจิทัลคือการพัฒนาทักษะการใช้โปรแกรมแอพลิเคชั่น สร้างช่องทางการตลาดออนไลน์ในการขายผลิตภัณฑ์มากที่สุดรองลงมาคือการใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล และการใช้สื่อดิจิทัลอย่างปลอดภัย 5) ทักษะใหม่ที่ต้องการพัฒนาเร่งด่วนคือช่องทางการขายออนไลน์มากที่สุดรองลงมาคือทักษะการตัดต่อคลิปและการถ่ายภาพ/ตกแต่งภาพ</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/270423 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้สารสนเทศของอาจารย์ในโครงการเพิ่มศาสตราจารย์แบบก้าวกระโดด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2024-01-14T10:01:49+07:00 นัดดาวดี นุ่มนาค naddavadee.c@ku.th <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการใช้สารสนเทศเพื่อการผลิตงานวิชาการของอาจารย์ในโครงการฯ 2) ศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้สารสนเทศเพื่อการผลิตงานวิชาการของอาจารย์ในโครงการเพิ่มศาสตราจารย์แบบก้าวกระโดด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ อาจารย์ผู้เข้าร่วมโครงการเพิ่มศาสตราจารย์แบบก้าวจำนวน 63 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณค่าความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานและการถดถอยพหุแบบปกติ ผลการวิจัยพบว่า 1) การใช้สารสนเทศเพื่อการผลิตงานวิชาการของอาจารย์ในโครงการเพิ่มศาสตราจารย์<br />แบบก้าวกระโดด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประกอบด้วยความทันสมัยของเนื้อหา และคุณภาพของเนื้อหา 2) ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจใช้สารสนเทศมีความสำคัญต่อการตัดสินใจใช้สารสนเทศของอาจารย์ระดับมาก ค่าเฉลี่ย 3.62 และ 3.61 และข้อมูลประชากรสามารถร่วมกันอธิบายการตัดสินใจใช้สารสนเทศเพื่อการผลิตงานวิชาการฯได้ร้อยละ 87.9 เมื่อควบคุมอิทธิพลของตัวแปรอิสระตัวอื่น ๆ ให้คงที่แล้ว ตัวแปรที่มีอิทธิพลกับการตัดสินใจใช้สารสนเทศเพื่อการผลิตงานวิชาการของอาจารย์ในโครงการเพิ่มศาสตราจารย์แบบก้าวกระโดด ได้แก่ อายุมีค่าอิทธิพลที่ระดับ.520 (ß=.520) ระดับการศึกษา มีค่าอิทธิพลที่ระดับ.440 (ß=.440) และประสบการณ์การทำงาน มีค่าอิทธิพลที่ระดับ.128 (ß=.128)</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/270455 วิเคราะห์แนวโน้มการตีพิมพ์ผลงานวิจัยระดับนานาชาติของประเทศไทย ในช่วงปี ค.ศ. 2018-2022 2024-01-30T09:27:24+07:00 เฉิดฉันทร์ ราชบุรณะ cherdchan.rat@mahidol.ac.th ครรชิต บุญเรือง kanchit.boo@mahidol.ac.th <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มการตีพิมพ์ผลงานวิจัยระดับนานาชาติของประเทศไทย จากฐานข้อมูล SciVal โดยใช้เมนู Overview เลือก Countries, Regions and Groups เป็น Thailand หมายถึงนับเฉพาะผลงานวิจัยที่ระบุที่อยู่เป็นประเทศไทย และพิจารณาในช่วง 5 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018-2022 จำกัด Document type: Article, Review, Letter เท่านั้น รวมถึงนับทุกกลุ่มสาขาวิชา (All subject areas) เพื่อให้เห็น Trends การเลือกประเภทการเผยแพร่ผลงานวิจัยของนักวิจัยในประเทศไทย ในรูปแบบ Subscription หรือ Open Access</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า การตีพิมพ์ผลงานวิจัยของประเทศไทยในช่วง 5 ปี ค.ศ. 2018-2022 มีผลงานรวมทั้งสิ้น 94,210 รายการ โดยนักวิจัยเลือกเผยแพร่ผลงานวิจัยในรูปแบบ Subscription มากที่สุด จำนวน 45,107 รายการ คิดเป็นร้อยละ 47.88, รูปแบบ Gold Green มีผลงานวิจัยจำนวน 20,559 รายการ คิดเป็นร้อยละ 21.82, รูปแบบ Gold มีจำนวนผลงานวิจัย 10,618 รายการ คิดเป็นร้อยละ11.27, รูปแบบ Bronze มีจำนวนผลงานวิจัย 6,561 รายการ คิดเป็นร้อยละ 6.96, รูปแบบ Green มีจำนวนผลงานวิจัย 4,455 รายการ คิดเป็นร้อยละ 4.73, รูปแบบ Bronze Green มีจำนวนผลงานวิจัย 2,816 รายการ คิดเป็นร้อยละ 2.99, รูปแบบ Hybrid gold Green มีจำนวนผลงานวิจัย 2,427 รายการ คิดเป็นร้อยละ 2.58 และ รูปแบบ Hybrid gold มีจำนวนผลงานวิจัย 1,667 รายการคิดเป็นร้อยละ 1.77 ตามลำดับ</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/270986 การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบ GPAS เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่าน เรื่อง วรรณยุกต์ไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 2024-03-01T11:36:42+07:00 พิชชาพร วรรณวัตน์ Piipreem.pj@gmail.com สุธิวัชร ศุภลักษณ์ thearming@gmail.com เพียงเพ็ญ จิรชัย peangpen.jir@kmutt.ac.th <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาและประเมินคุณภาพของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมีปฏิสัมพันธ์ ฯ (2) ศึกษาความสามารถด้านการอ่าน เรื่อง วรรณยุกต์ไทย (3) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนและ (4) ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนด้วยหนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมีปฏิสัมพันธ์ฯ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 33 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่ายด้วยวิธีการจับสลาก 1 ห้องเรียน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมีปฏิสัมพันธ์ แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและสื่อ แบบประเมินความสามารถด้านการอ่าน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐานด้วยการทดสอบค่าที (t-test)</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า (1) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์แบบมีปฏิสัมพันธ์ มีคุณภาพด้านเนื้อหา ในระดับดีมาก และด้านสื่อ ในระดับดี (2) กลุ่มตัวอย่างมีความสามารถด้านการอ่านในระดับมาก (3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของกลุ่มตัวอย่าง มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ (4) ผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง อยู่ในระดับมาก</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ https://so06.tci-thaijo.org/index.php/tla_bulletin/article/view/271147 สถานภาพการตีพิมพ์ผลงานระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยมหิดล ระหว่างปี พ.ศ. 2561 - 2566 จากฐานข้อมูล SciVal 2024-02-27T13:42:49+07:00 อัจฉราพรรณ โพธิ์ทอง atcharaphan.pho@mahidol.edu <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์สถานภาพการตีพิมพ์ผลงานระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยมหิดล ระหว่างปี พ.ศ. 2561 - 2566 จำนวน 23,360 เรื่อง โดยใช้วิธีสืบค้นผลงานตีพิมพ์ทุกประเภทจากฐานข้อมูล SciVal และวิเคราะห์ข้อมูลผ่านตัวชี้วัด ประกอบด้วย จำนวนผลงานและประเภทของการตีพิมพ์ สาขาและวารสารที่ตีพิมพ์ คุณภาพของวารสารที่ตีพิมพ์ การอ้างอิงผลงานและจำนวนครั้งของการถูกอ้างอิง ข้อมูลความโดดเด่นของหัวข้อวิจัย ผลงานตีพิมพ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDG) และความร่วมมือด้านการวิจัย ผลการวิเคราะห์พบว่า ในปี พ.ศ. 2561 – 2566 มหาวิทยาลัยมหิดลมีผลงานตีพิมพ์ระดับนานาชาติ รวมทั้งสิ้น 23,360 เรื่อง โดยตีพิมพ์เป็นประเภทบทความวิจัย (Research article) มากที่สุด จำนวน 19,024 เรื่อง (ร้อยละ 81.44) และตีพิมพ์ในสาขาการแพทย์ (Medicine) มากที่สุด จำนวน 12,328 เรื่อง โดย Journal of the Medical Association of Thailand ได้รับการตีพิมพ์สูงสุด จำนวน 746 เรื่อง มีการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการที่มีค่า Journal Quartile ทั้งหมด 21,311 เรื่อง (ร้อยละ 91.22) มีการตีพิมพ์ในวารสารที่มีค่าควอไทล์ที่ 1 (Top 25%) มากที่สุด จำนวน 11,125 เรื่อง (ร้อยละ 52.20) และเป็นวารสารคุณภาพสูงที่จัดอันดับอยู่ในกลุ่ม 1% สูงสุด (Top 1%) และกลุ่ม 10% สูงสุด (Top 10%) จำนวน 439 เรื่อง และจำนวน 4,742 เรื่อง ตามลำดับ ผลงานที่ตีพิมพ์มีอัตราส่วนการอ้างอิงต่อเรื่อง จำนวน 10.1 ครั้งต่อเรื่อง มีกลุ่มหัวข้องานวิจัยโดดเด่นในสาขาการแพทย์ (Medicine) และสาขาชีวเคมี พันธุศาสตร์ และชีววิทยาโมเลกุล (Biochemistry, Genetics and Molecular Biology) เมื่อพิจารณาถึงผลงานตีพิมพ์ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย SDG มีจำนวน 13,179 เรื่อง (ร้อยละ 56.41) โดยมีผลงานสอดคล้องกับ SDG 3: Good Health and Well-being มากที่สุด จำนวน 8,437 เรื่อง (ร้อยละ 64.01) และมีความร่วมมือด้านการวิจัยในระดับนานาชาติมากที่สุด จำนวน 10,825 เรื่อง (ร้อยละ 46.30) จากผลการวิเคราะห์สามารถนำไปเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายเพื่อขับเคลื่อนทิศทางงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลและยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศอันเป็นกลไกสำคัญที่นำไปสู่การจัดอันดับที่ดีขึ้นของมหาวิทยาลัยต่อไป</p> 2024-05-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 วารสารห้องสมุด สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ