รูปแบบการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Main Article Content

วิชัย ลุนสอน
รองศาสตราจารย์ ดร.ยุภาพร ยุภาส
รองศาสตราจารย์ ดร.ภักดี โพธิ์สิงห์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคตะวันออกเฉียง 2) เพื่อศึกษาประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3) เพื่อศึกษาปัจจัยการบริหารจัดการธรรมาภิบาลที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4) เพื่อสร้างและยืนยันรูปแบบการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยระยะที่ 1 เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรองนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 795 คน กำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางสำเร็จรูปของ Krejcie and Morgan  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยระยะที่ 2 เป็นแบบสอบถามความเหมาะสมของรูปแบบการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 20 คน ใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง  ผลการวิจัย พบว่า


            1) การบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในระดับมาก (=4.11),  2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในระดับมาก (=3.58),  3) ปัจจัยการบริหารจัดการธรรมาภิบาลที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยรวม (p≤ 0.000) ได้แก่ หลักคุณธรรม หลักนิติธรรม การตรวจสอบและถ่วงดุล หลักการกระจายอำนาจ หลักความมีประสิทธิภาพ หลักความมีประสิทธิผล หลักความโปร่งใส และ หลักความคุ้มค่า โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณเป็น 0.574 และสามารถร่วมกันพยากรณ์ประสิทธิภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ร้อยละ 56.2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยมีความคลาดเคลื่อนมาตรฐานในการพยากรณ์ เท่ากับ ±0.306, 4) รูปแบบการขับเคลื่อนธรรมาภิบาลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ (1) แนวทางการพัฒนาหลักนิติธรรม ประกอบด้วย การปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ รัดกุมในการออกกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ และผู้บังคับบัญชาต้องปฏิบัติตนต่อผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเสมอภาค ยุติธรรม (2) แนวทางการพัฒนาหลักคุณธรรม ประกอบด้วย การปลูกฝังทัศนคติที่มีต่อการปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน และสร้างจิตสำนึกในการทำงานเพื่อส่วนรวม (3) แนวทางการพัฒนาการตรวจสอบและถ่วงดุล ประกอบด้วย ส่งเสริมให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน ส่งเสริมให้เกิดการถ่วงดุลในการใช้อำนาจบริหารอย่างจริงจัง (4) แนวทางการพัฒนาหลักความมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย การปฏิบัติงานต้องคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรการบริหารกระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติงานให้เสร็จทันตามเวลาที่กำหนด (5) แนวทางการพัฒนาหลักความมีประสิทธิผล ประกอบด้วย กระตุ้นให้เกิดการปฏิบัติงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ (6) แนวทางการพัฒนาหลักความคุ้มค่า ประกอบด้วย สร้างความตระหนักในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการสร้างผลผลิตหรือการบริการที่ได้มาตรฐาน (7) แนวทางการพัฒนาการกระจายอำนาจ ประกอบด้วย  ส่งเสริมให้มีถ่ายโอนงานให้ผู้นำชุมชนได้ร่วมดำเนินงาน และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้ผู้นำชุมชน (8) แนวทางการพัฒนาหลักความโปร่งใส ประกอบด้วย สร้างการมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน ปรับปรุงระบบการทำงานและขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน และการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องตรงไปตรงมา มีความเหมาะสมที่จะนำไปปฏิบัติ โดยมีค่าเฉลี่ย (Mean) ระหว่าง 4.14 - 4.67 ค่ามัยธยฐาน (Median) ระหว่าง 4 - 5 ค่า ค่าฐานนิยม (Mode) ระหว่าง 4 - 5 และ ค่าพิสัยระหว่างควอไทล์ (Interquartile Range) อยู่ระหว่าง 1.00 - 1.50

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (2545). คู่มือแนวทางการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. กรุงเทพฯ:กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น.
คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการปกครองท้องถิ่น. (2559). แนวทางการปฏิรูปประเทศไทย. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร.
ทินพันธุ์ นาคะตะ. (2547). การเมืองการบริหารไทย: ภาระของชาติ. กรุงเทพฯ: สหายบล็อก .
ธานินทร์ ศิลป์จารุ.(2555). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติขั้นสูงด้วย AMOS. พิมพ์ครั้งที่ 13. กรุงเทพฯ : สามัญบิสซิเนสอาร์แอนด์ดี.
บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร.(2555). การพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย : คุณสมบัติการวัดเชิงจิตวิทยา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
บุษบง ชัยเจริญวัฒนะ และบุญมี ลี้. (2546). ตัวชี้วัดธรรมาภิบาล. รายงานการวิจัยสถาบันพระปกเกล้ากรุงเทพมหานคร.
ประทาน คงฤทธิ์ศึกษากร. (2535). การปกครองท้องถิ่น. กรุงเทพฯ : พีระพัฒนา.
พัณศา คดีพิศาล. (2553). “ประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมของพนักงานบริษัท เวิลด์พลาส จำกัด และ บริษัทในเครือ”. วิทยานิพนธ์ หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง.
พิทยา บวรวัฒนา. (2552). ทฤษฎีองค์กรสาธารณะ. กรุงเทพฯ :ศักดิโสภา.
ยุทธพร อิสรชัย และคณะ. (2549).บทบาทและการปฏิบัติหน้าที่ของสภาท้องถิ่นในการปกครองท้องถิ่น.
สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ลิขิต ธีรเวคิน. (2535). การกระจายอำนาจและการมีส่วนรวมในการพัฒนาชนบท, รายงานเสนอต่อสมาคม
นักวิจัยมหาวิทยาลัยไทยและมูลนิธิ Friend rich Ebert, (กรุงเทพฯมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์).
วนิดา แสงสารพันธ์. (2543). การบริหารจัดการแบบธรรมาภิบาล. วารสารนักบริหาร. (กรกฎาคม–กันยายน). 21, 34 – 39.
ศุภชัย ยาวะประภาษ. (2552). นโยบายสาธารณะ (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ: สํานักพิมพแหงจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย.
สุมนา ยิ้มช้อย, ไพศาล สรรสรวิสุทธิ์และพิสิษฐ์ จอมบุญเรือง. (2559). การบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลขององค์การบริหารส่วนตำบลวังแขม อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ตามการรับรู้ของประชาชน. การประชุมวิชาการ ราชภัฏนครสวรรค์วิจัย ครั้งที่ 1.
สถาบันพระปกเกล้า. (2549). ทศธรรม : ตัวชี้วัดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี. กรุงเทพฯ: สถาบันพระปกเกล้า.
สถาบันพระปกเกล้า. (2559). โครงสร้างการบริหารงานของเทศบาล. (ออนไลน์) 2559 (อ้างเมื่อ 6 กรกฎาคม 2560) จาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา. (2552). Check & Balance. พิมพลักษณ์, กรุงเทพฯ : แสงเทียนการพิมพ์.
สำนักพัฒนาระบบ รูปแบบและโครงสร้าง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. (2554). รายชื่อองค์การบริหารส่วนตำบลจำนวน 5,765 แห่ง. วันที่ค้นข้อมูล 9 มกราคม 2562, เข้าถึงได้จาก http://www.thailocaladmin.go.th/upload/service/2011/9/158.pdf
Draft, Richard.L. (2001). The Leadership Experience. 2nd ed., New York: Harcourt College Publishers
UNDP (united development program). ( 1995). Governance for Sustainable HumanDevelopment: A UNDP policy document. New York: Management Development and Governance Division.