กลไกการพัฒนาการบูรณาการบุญญสิกขากับพหุวัฒนธรรมสังคมสร้างสุขสำหรับผู้สูงอายุจังหวัดกาฬสินธุ์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพ และปัจจัยที่ส่งผลต่อการบูรณาการบุญญสิกขากับพหุวัฒนธรรมสังคมสร้างสุขสำหรับผู้สูงอายุจังหวัดกาฬสินธุ์ 2) พัฒนากลไกการพัฒนาการบูรณาการบุญญสิกขากับพหุวัฒนธรรมสังคมสร้างสุขสำหรับผู้สูงอายุจังหวัดกาฬสินธุ์ 3) ประเมินกลไกการพัฒนาการบูรณาการบุญญสิกขากับพหุวัฒนธรรมสังคมสร้างสุขสำหรับผู้สูงอายุจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นการวิจัยวิธีวิทยาแบบผสม กลุ่มตัวอย่าง เป็นผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 387 คน ผู้ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์ จำนวน 13 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 รูป/คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง และแบบสอบถามเกี่ยวกับสภาพและปัจจัยที่ส่งผลต่อการ บูรณาการบุญญสิกขากับพหุวัฒนธรรมสังคมสร้างสุขสำหรับผู้สูงอายุ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป วิเคราะห์ค่าความสัมพันธ์ของตัวแปรในการใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และสร้างสมการถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน
ผลการวิจัยพบว่า
1. สังคมพหุวัฒนธรรมของผู้สูงอายุ มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับบุญญสิกขาของผู้สูงอายุ อยู่ในระดับน้อย อย่างมีนัยความสำคัญ และสังคมพหุวัฒนธรรมของผู้สูงอายุ มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับสังคมสร้างสุขของผู้สูงอายุ อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาในรายด้าน พบว่า ด้านสุขสบาย และด้านสุขสนุก อยู่ในระดับปานกลาง และด้านสุขสง่า อยู่ในระดับน้อย อย่างมีนัยสำคัญ
2. บุญญสิกขา มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับสังคมสร้างสุขของผู้สูงอายุ อยู่ในระดับน้อย โดยเฉพาะด้านศีล และด้านภาวนา อยู่ในระดับน้อย อย่างมีนัยสำคัญ 1) ด้านศีล มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับสังคมสร้างสุขด้านสุขสง่า 2) ด้านภาวนา มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับสังคมด้านสุขสว่างและด้านสุขสว่าง อยู่ในระดับน้อย อย่างมีนัยสำคัญ
3. การสร้างสมการถดถอยพหุคูณ พบว่า สังคมสร้างสุขของผู้สูงอายุจะผันแปรไปตามสังคมพหุวัฒนธรรม 3 ด้าน คือ ด้านจิต ด้านกาย และด้านสังคม และร่วมกันทำนายได้อย่างถูกต้อง (R2) = 22.80%
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความ ให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความ ต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร วิชาการธรรม ทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ ภาพหรือตารางของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้ง แสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์เอกสารอ้างอิง
กุลธีรา ทองใหญ่. (2562). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขของผู้สูงอายุในเขตชุมชนเก้าเส้ง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา. วารสารบริหารธุรกิจเทคโนโลยีมหานคร, 16(1), 154-179.
คลังเอกสารสาธารณะ. (2563). ธรรมะฉบับเรียนลัด-หลักการทั่วไปของการปฏิบัติธรรม ชุดที่ 1 พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). เข้าถึงได้จาก https://www.openbase.in.th/node/3056
ดวงกมล โพธิ์แก้ว. (2560). การพัฒนาวิถีการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุตามหลักพุทธบริหารการศึกษา. (วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
ธานินทร์ ศิลป์จารุ. (2551). การวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วย SPSS. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: เอส อาร์ พริ้นติ้ง แมสโปรดักส์.
พระครูปทุมภาวนาจารย์ วิ และคณะ. (2562). หลักภาวนา 4 กับการพัฒนาปรีชาเชิงอารมณ์ของวัยรุ่นไทยในสังคมยุคดิจิทัล. วารสารพุทธจิตวิทยา, 4(1), 129-142.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (2553). วิธีคิดตามหลักพุทธธรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: พิมพ์สยาม.
พระมหาภาธร อาภาธโร. (2563). ปรัชญาชีวิตกับการปฏิบัติธรรม. วารสาร มจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์, 4(1), 99-115.
พระราเชนทร์ วิสารโท. (2560). บูรณาการพุทธธรรมกับระบบการดูแลสุขภาพระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุของอำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ. วารสารมหาจุฬาวิชาการ, 4(2), 76-91.
สมโภชน์ อเนกสุข. (2552). วิธีการทางสถิติสําหรับการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 3). ชลบุรี: ภาควิชาวิจัยและวัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยบูรพา.
สิทธิพรร์ สุนทร และคณะ. (2561). รูปแบบความสุขของผู้สูงวัยในจังหวัดมหาสารคาม. (รายงานการวิจัย). มหาสารคาม: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม.
อุทัยวรรณ สุกิมานิล. (2563). แนวคิดการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุภายใต้พุทธวิธีและกฎหมาย. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 8(1), 386-402.
Arnaert, A., Heuvel, B., & Windey, T. (2005). Health and Social Care Policy for the Elderly in Belgium. Geriatric Nursing, 26(6), 366-371.