Outcome of Self Care Education Program In Type II Diabetes Mellitus Patients At Akat Amnuai Hospital .

Authors

  • Suthatsi Rangwaree พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ งานการพยาบาลผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลอากาศอำนวย

Keywords:

self care education program, type II diabetes mellitus

Abstract

     The purposes of this quasi-experimental research was to study the effects of self-Education program for Type II Diabetes patient who came to visit diabetes mellitus Patients at Akat Amnuai Hospital . In the sampling group, there were 40 patients .Purposive sampling was selected. Collection data during October 2023. The research instruments included self care education program in type II diabetes mellitus, a general data record form,measurement of knowledge,perceived risk and self-care behavior data record. Validated by 3 experts, Cronbach’s alpha coefficient test, the reliability of measurement of knowledge was 0.96 ,perceived risk was 0.94 and self-care behavior data record was 0.97. comparing the mean Data were analyzed using percentage,mean standard deviation and pair t-test.

     The results of the study found that after joining the self care education program in type II diabetes mellitus mean scores of knowledge ,perceived risk, and self-care behavior had a statistically significant increase at p<0.01 . The suggestion from this study was that self care education program should be continued and should be promote to other group .

References

มนรดา แข็งแรง,นันทัชพร เนลสัน,สมจิตร การะสา,ปิตินัฏ ราชภักดี. ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มารับบริการในโรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดอุบลราชธานี, เอกสารการประชุมวิชาการและนำเสนอผลงานการวิจัยระดับชาติ ราชธานีวิชาการครั้งที่ 2 “การวิจัย 4.0 เพื่อการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน. 2560; 968-980.

ประชุมพร กวีกรณ์. การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 ที่ขึ้นทะเบียนรักษาในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา.2559; 4(3). 308-324.

โรงพยาบาลอากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร. สถิติข้อมูลผู้มารับบริการแผนกผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลอากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร. ; 2563-2565.

อรุณ จิรวัฒน์กุล. สถิติทางวิทยาศาสตร์สุขภาพเพื่อการวิจัย.พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพมหานคร: วิทยพัฒน์;2558.

Bloom,Benjamin S.,et al. Hand book on Formative and Summative Evaluation of Student Learning. New York: Mc Graw-Hill Book Company;1971.

Best, J.W. Research in Education. New Jersey : Prentice – Hall; 1981.

ณัฐภัสสร เดิมขุนทด,ประสิทธิ์ ลีวัฒนภัทร.การศึกษาผลของโปรแกรมการให้ความรู้เรื่องเบาหวานต่อระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. วชิรสารการพยาบาล 2560; 19(1):33-41.

วรางคณา บุตรศรี , รัตนา บุญพา, ชาญณรงค์ สิงห์บรรณ. ผลของโปรแกรมการให้ความรู้ต่อพฤติกรรมการดูแลตนเองและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้.วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น. 2564;18(1)13-25.

รัตนา เกียรติเผ่า. ผลของการใช้โปรแกรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพต่อการลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานของประชากรกลุ่มเสี่ยง ตำบลทัพทัน .2558; 24(3) 405-412.

ดวงหทัย แสงสว่าง, อโนทัย และคณะ. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางปูใหม่ จังหวัดสมุทรปราการ. 2561; 8 (1) 103-117.

เพชรัตน์ ศิริสุวรรณ . ศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพเพื่อป้องกันการเกิดโรคเบาหวานรายใหม่ ตำบลสิงห์โคก อำเภอเกษตรพิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด. ราชาวดีสาร วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์; (2561); 45-58.

ประชุมพร กวีกรณ์,ประเสริฐ ประสมรักษ์. การพัฒนารูปแบบการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเองในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 ที่ขึ้นทะเบียนรักษาในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเลิงนกทา. วารสารการพัฒนาสุขภาพชุมชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น.2559; (3) 307-324.

ดวงหทัย แสงสว่างและคณะ.ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบางปูใหม่ จังหวัดสมุทรปราการ. วารสารไลยอลงกรณ์ปริทัศน์ (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์)2561; (1) 103-11

Downloads

Published

2023-12-30

How to Cite

Rangwaree, S. . (2023). Outcome of Self Care Education Program In Type II Diabetes Mellitus Patients At Akat Amnuai Hospital . Journal of Environmental Education Medical and Health, 8(4), 152–161. retrieved from https://so06.tci-thaijo.org/index.php/hej/article/view/268663