การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 ของประชาชนในเขตปริมณฑล เพื่อให้ครอบครัวมีความสุข
คำสำคัญ:
ความเข้มแข็งของครอบครัว, สถาบันครอบครัว, ทิศ 6บทคัดย่อ
งานวิจัยเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ความเข้มแข็งของครอบครัวในเขตปริมณฑล 2) เพื่อศึกษาการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 ของประชาชนในเขตปริมณฑล เพื่อให้ครอบครัวมีความสุข 3) เพื่อเปรียบเทียบการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 ของประชาชนในเขตปริมณฑล จำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 4) เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างสถานการณ์ความเข้มแข็งของครอบครัวกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 ของประชาชนในเขตปริมณฑล และ 5) เพื่อศึกษาข้อเสนอแนะอื่น ๆ เกี่ยวกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 เพื่อให้ครอบครัวมีความสุข เป็นการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง คือประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตปริมณฑล 5 จังหวัด คือจังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 384 คน พร้อมทั้งได้สัมภาษณ์เชิงลึกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้คือแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์เชิงลึกแบบมีโครงสร้าง สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่, ร้อยละ, ค่าเฉลี่ย, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน, t-test, F-test และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์
ผลการวิจัยพบว่า สถานการณ์ความเข้มแข็งของครอบครัวในเขตปริมณฑลทุกด้านอยู่ในระดับมาก ประชาชนในเขตปริมณฑลมีการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 เพื่อให้ครอบครัวมีความสุขทุกด้านอยู่ในระดับมาก ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า ประชาชนในเขตปริมณฑลที่มีเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือนต่างกัน มีการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนสถานภาพไม่แตกต่างกัน และการหาความสัมพันธ์ระหว่างสถานการณ์ความเข้มแข็งของครอบครัวกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 พบว่า มีความสัมพันธ์กันในทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นอกจากนี้ประชาชนได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัวตามหลักทิศ 6 เพื่อให้ครอบครัวมีความสุขว่า บิดามารดาควรอบรมสั่งสอนบุตรธิดาให้เป็นคนดี รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ ครูอาจารย์ควรฝึกฝนอบรมวิชาความรู้ให้ศิษย์เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง สามีภรรยาควรช่วยเหลือเกื้อกูลยกย่องให้เกียรติกันและกัน มิตรสหายควรเชื่อใจและจริงใจต่อกัน คนรับใช้/คนงานควรขยันหมั่นเพียรและเอาใจใส่ในงาน และพระสงฆ์ควรเป็นแบบอย่างและเสริมสร้างคุณธรรมให้แก่สังคม
เอกสารอ้างอิง
2.ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2541). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพมหานคร : เทพเนรมิต.
3.มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539.
4.มหามกุฏราชวิทยาลัย, มูลนิธิ. พระไตรปิฎกและอรรถกถาภาษาไทย. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหามกุฏราชราชวิทยาลัย, 2535.
5.“สถานการณ์ความเข้มเข็งครอบครัว ปี 2012”, <http://stat.thaifamily.in.th/StartpageFamily01.aspx>
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว