วัดเพื่อผู้สูงอายุ : รูปแบบการดำเนินกิจกรรมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุในวัดอย่างยั่งยืน
คำสำคัญ:
พระพุทธศาสนากับสังคมผู้สูงอายุ, ผู้สูงอายุบทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาแนวคิดและกระบวนการดำเนินการจัดกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุในวัด 2) เพื่อสังเคราะห์รูปแบบกิจกรรมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่เหมาะสมในวัด 3) เพื่อจัดทำคู่มือการจัดกิจกรรมของวัดเพื่อการรองรับผู้สูงอายุในวัดอย่างยั่งยืน เป็นการวิจัยแบบผสมวิธี ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้สูงอายุที่มาเข้าร่วมทำกิจกรรมกับทางวัดจำนวน 236 คน จากวัดที่ได้รับการคัดเลือกในการทำวิจัยจำนวน 5 วัด ด้วยการสุ่มตัวอย่างอย่างง่าย พร้อมทั้งการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้ให้ข้อมูลจำนวน 5 คน โดยใช้เครื่องมือวิจัยเป็นแบบสอบถามและแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง มีค่าความเที่ยงชนิดความสอดคล้องภายในจากค่าสถิติ Cronbach’s alpha เท่ากับ 0.97 ส่วนค่า Cronbach’s alpha ขององค์ประกอบแต่ละด้านรวม 7 ด้าน มีค่าอยู่ระหว่าง 0.81-0.94 สถิติที่ใช้ ได้แก่ ความถี่, ร้อยละ, ค่าเฉลี่ย,ส่วนเบี่ยงเบียนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า 1) การดำเนินการจัดกิจกรรมในวัดมีแนวคิดเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเพื่อการพัฒนาจิตด้วยการปฏิบัติธรรมกรรมฐานและเพื่อให้การศึกษาพระอภิธรรมแก่ผู้สนใจทั่วไป ด้วยกระบวนการดำเนินการภายในวัดเองโดยเจ้าอาวาสและพระวิทยากร ยกเว้น กรณีของวัดธรรมมงคลเท่านั้นที่ใช้กระบวนการดำเนินงานนอกพื้นที่วัด 2) รูปแบบการจัดกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุในวัดอย่างยั่งยืนด้วยหลักสัปปายะ 7 เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ โดยมี อิริยปถสัปปายะ และ บุคคลสัปปายะ เป็นเงื่อนไขหลัก ในการดำเนินกิจกรรมที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้สูงอายุที่จะสร้างความยั่งยืนได้ 3) คู่มือการจัดกิจกรรมในวัดเพื่อรองรับผู้สูงอายุอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 5 บท คือ บทที่ 1 บทนำ บทที่ 2 ความรู้เกี่ยวกับผู้สูงอายุ บทที่ 3 แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับสัปปายะ 7 บทที่ 4 รูปแบบการจัดกิจกรรมเพื่อผู้สูงอายุ บทที่ 5 บทสรุป
เอกสารอ้างอิง
จิราพร เกศพิชญวัฒนา, จันทร์เพ็ญ แสงเทียนฉาย, ยุพิน อังศุโรจน์, และ Berit Ingersoll Dayton. 2543 . ความผาสุกทางใจของผู้สูงอายุไทย: การศึกษาเชิงคุณภาพ. วารสารสมาคมพฤฒาวิทยาและเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ, กรุงเทพฯ.
ผกามาศ กมลพรวิจิตร,วิภาดา ท้าวประยูร, และมนู วาทิตสุนทร.) 2548. บทบาทและความสัมพันธ์ของวัดและพระสงฆ์กับผู้สูงอายุไทย กรุงเทพฯ : วารสารกรมอนามัย, กรมอนามัย.
พระไพศาล วิสาโล และคณะ. 2546 .“พุทธศาสนาในร่มเงาของบริโภคนิยม”, ใน มองอย่างพุทธเพื่อเข้าใจในชีวิตและสังคม. ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ : บริษัทเฟื่องฟ้าพริ้นติ้งจำกัด
สมศักดิ์ ศรีสันติสุข,(2539 . สังคมวิทยาภาวะสูงอายู: ความเป็นจริงและการคาดการณ์สังคมไทย.กรุงเทพฯ. สำนักพิมพ์ดวงกมล จำกัด.
นรีวัลคุ์ ธรรมนิมิตโชค2550, “การศึกษารูปแบบของวัดที่เหมาะสมกับการเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต” วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต,สาขาวิชาพระพุทธศาสนา, มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, กรุงเทพฯ.
ภมริน เชาวนจินดา. 2554 ลักษณะทางพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ, รายงานการวิจัย,กรมสุขภาพจิต,กระทรวงสาธารณสุข, นนทบุรี.
มงคล ปิยปุตฺโต,(หลวงปากดี),พระ. 2560 “ศึกษาวิเคราะห์รูปแบบการสอนสมาธิตามแนวทางสถาบัน พลังจิตตานุภาพ”.วิทยานิพนธ์หลักสูตรศาสนศาสตรมหาบัณฑิต,สาขาวิชาพุทธศาสน์ศึกษา คณะศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย, นครปฐม.
มาณี ไชยธีรานุวัฒศิริ และคณะ. “บทบาทพระสงฆ์ในยุคโลกาภิวัตน์ : ศาสตร์และศิลป์ในการอบรมคุณธรรมของพระเถระภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”. รายงานการวิจัย. คณะสังคมศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล, 2539.
ศรินทิพย์ สถีรศิลปิน และคณะ. “รูปแบบการจัดการศึกษาและการเผยแผ่ศาสนธรรมของวัดในพระพุทธ ศาสนา : กรณีศึกษาวัดราชโอรสาราม เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร”. รายงานการวิจัย. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2548.
เสาวภา พรสิริพงษ์ และคณะ, “วัดในพุทธศาสนากับความพร้อมในการรองรับสังคมผู้สูงอายุ”รายงานการวิจัย,สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย,มหาวิทยาลัยมหิดล,2557.
อรศรี งามวิทยาพงศ์,รศ.ดร.2558., “ปัจจัยที่เอื้อต่อการฟื้นฟูบทบาทหน้าที่การพัฒนาจิตวิญญาณของวัดในเขตเมือง”,สถาบันอาศรมศิลป์,สำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.),กรุงเทพฯ.
Thomas & R. A. Eisenhandler (Eds), Aging and the religious dimension (pp. 203 -225).Westport: Greenwood Publishing Group.(87-90),2011.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว