การสร้างเครือข่ายการบริหารปกครองแบบร่วมมือกันในการพัฒนาทุนมนุษย์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด
คำสำคัญ:
องค์การบริหารส่วนจังหวัด, การสร้างเครือข่าย, การบริหารปกครองแบบร่วมมือกัน, การพัฒนาทุนมนุษย์บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษากระบวนการในการสร้างเครือข่ายการบริหารปกครองแบบร่วมมือกันในการพัฒนาทุนมนุษย์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด 2) วิเคราะห์ปัจจัยอันเป็นมูลเหตุให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาเป็นภาคีความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าว และ 3) วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญๆที่มีผลทำให้การบริหารปกครองแบบร่วมมือกันในการพัฒนาทุนมนุษย์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดประสบผลสำเร็จ โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยการเก็บข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง การสังเกต และการสัมภาษณ์เชิงลึกกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาทุนมนุษย์ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ จำนวน 3 อบจ. ได้แก่ อบจ.กระบี่ อบจ.สุราษฎร์ธานี และ อบจ.เชียงใหม่ แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยการพรรณนาวิเคราะห์
ผลการวิจัย พบว่า กระบวนการ/วิธีการในการสร้างเครือข่ายการบริหารปกครองแบบร่วมมือกันในการพัฒนาทุนมนุษย์ของ อบจ. ประกอบด้วย 1) การจัดให้มีการเจรจาหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างพร้อมหน้า 2) การสร้างความไว้วางใจระหว่างกัน 3) การสร้างความยินยอมพร้อมใจในการทำงานร่วมกันของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 4) การสร้างความเข้าใจของผู้ที่เกี่ยวข้องให้ตรงกัน และ 5) การสร้างผลลัพธ์ของความร่วมมือให้เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน ทั้งนี้โดย ปัจจัยอันเป็นมูลเหตุให้ภาคส่วนต่างๆเข้ามาเป็นภาคีความร่วมมือกันเพื่อการดังกล่าวโดยสรุปเกิดจาก 1) การที่แต่ละฝ่ายมีอำนาจหน้าที่ ทรัพยากร และศักยภาพแตกต่างกัน 2) สิ่งจูงใจที่ทำให้เข้ามาร่วมดำเนินการ 3) ภูมิหลังที่เคยมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาก่อน 4) การมีโครงสร้างที่เปิดกว้างเอื้อให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมมือ และ 5) ความประทับใจในบทบาทของผู้นำในการสร้างความร่วมมือ ส่วนปัจจัยสำคัญๆที่มีผลทำให้การบริหารปกครองแบบร่วมมือกันในการพัฒนาทุนมนุษย์ของ อบจ.ประสบผลสำเร็จ ประกอบด้วย 1) บุคลิกลักษณะและความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือ 2) ความเข้มแข็งของทีมงานผู้ประสานความร่วมมือ 3) ศักยภาพขององค์กรหลักที่ทำหน้าที่ประสานความร่วมมือ 4) ความร่วมมืออย่างแข็งขันของภาคีความร่วมมือหลัก และ 5) การให้ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายสนับสนุน
เอกสารอ้างอิง
ธีรวุฒิ ก่ายแก้ว. (2556). “การสร้างเครือข่ายทางสังคม:กรณีศึกษานักฟุตบอลสมัครเล่น ในกลุ่มกรุงเทพเหนือ”. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารการพัฒนาสังคม). สถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์.
ประภาพรรณ อุ่นอบ. (2552). เครือข่าย:กลไกสำคัฐในการขับเคลื่อนงานพัฒนาอย่างบูรณาการเชิงพื้นที่. กรุงเทพมหานคร: หจก.เอส.พี.กราฟฟิค พรีเพลส พริ้นติ้ง.
ปริญญา หวันเหล็ม. (2558). “ความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน กรณีศึกษาการจัดสวัสดิการด้านการศึกษาให้กับบุตรหลาน แรงงานต่างชาติในศูนย์คาทอลิกนักบุญยออาคิมเพื่อผู้อพยพย้ายถิ่น จังหวัดสมุทรสาคร”. วิทยานิพนธ์สังคมสงเคราะห์ศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
พระดาวเหนือ บุตรสีทา. (2557). “การสร้างเครือข่ายและการจัดการเครือข่าย การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของชุมชนพบธรรมนำสุข อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย”. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต. สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์.
ภัทรวรรธน์ นิลแก้วบวรวิชญ์. (2559). “รูปแบบการพัฒนาเครือข่ายความร่วมือทางวิชาการของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา”. ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (การบริหารการศึกษา). มหาวิทยาลัยบูรพา.
รสคนธ์ รัตนเสริมพงศ์. (2550). “การบริหารท้องถิ่น” ใน ประมวลสาระชุดวิชาการบริหารงานภาครัฐหน่วยที่ 6-10. พิมพ์ครั้งที่ 3. นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
วสันต์ เหลืองประภัสสร์และคณะ. (2557). “การศึกษาและรวบรวมตัวอย่างการบริหารจัดการบ้านเมืองแบบร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม และชุมชน”. รายงานการวิจัยเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบวิชาการ. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สถาบันพระปกเกล้า. (วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น). (2552). เคล็ดลับการจัดบริการสาธารณะท้องถิ่น. กรุงเทพมหานคร:บริษัท ส เจริญการพิมพ์ จำกัด.
สถาบันพระปกเกล้า. (วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น). (2559). รางวัลพระปกเกล้า 2559 เกียรติภูมิท้องถิ่น. นนทบุรี : บริษัท เอ.พี.กราฟิค ดีไซน์และการพิมพ์ จำกัด.
สถาบันพระปกเกล้า. (วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น). (2561). รางวัลพระปกเกล้า 2561 เกียรติภูมิท้องถิ่น. นนทบุรี:บริษัท เอ.พี.กราฟิคดีไซน์และการพิมพ์ จำกัด.
สมัญญา โพธิ์วิจิตร. (2555). “การบริหารจัดการเครือข่ายความร่วมมือในการจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์”. วารสารการเมือง การบริหารและกฎหมาย ปีที่ 8 ฉบับที่ 1.
สุรินธร ชาญสมร. (2559). “ความร่วมมือในแบบเครือข่ายกับโครงสร้างชุมชนแห่งการอยู่ร่วมกันและเข้าถึงได้ในอาเซียน กรณีศึกษาชุมชนต้นแบบเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี”. การค้นคว้าอิสระตามหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การเมืองการปกครอง). มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2559). “แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564)”. ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 133 ตอนที่ 115 ก หน้า 1 ลว. 30 ธันวาคม 2559.
Ansell, C. and Gash, A. (2008). “Collaborative Governance Theory and Practice”. journal of Public Administration Research and Theory, 18:543-571.
Osborne (ed.). Stephen P. (2010). The public Governance: Emerging perspectives on the theory and practice of public governance. London and New York: Rout ledge.
Sullivan, H. and Skelcher, C. (2002) Working Across Boundaries: Collaboration in Public Services. New York: Pala grave Macmillan.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว