การบริหารเครือข่ายแบบมีส่วนร่วม การบริหารเครือข่ายแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ฉะเชิงเทรา เขต 1

-

ผู้แต่ง

  • พัชราพร พวงเกตุแก้ว คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์

คำสำคัญ:

การบริหารเครือข่ายแบบมีส่วนร่วม , ประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการบริหารเครือข่ายของสถานศึกษา 2) ศึกษาระดับประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารเครือข่ายแบบมีส่วนร่วมกับประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา และ 4) เพื่อศึกษาการบริหารเครือข่ายแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อสถานศึกษาในจังหวัดฉะเชิงเทรา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้บริหารและครูในสถานศึกษา จำนวน 313 คน  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน  ผลการวิจัยพบว่า1) รูปแบบการบริหารเครือข่ายแบบมีส่วนร่วม โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 2) ประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษาโดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก 3) ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารเครือข่ายแบบมีส่วนร่วมกับประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษามีความสัมพันธ์ทางบวกอยู่ในระดับมาก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) การบริหารเครือข่ายแบบมีส่วนร่วมที่ส่งผลต่อประสิทธิผลการบริหารสถานศึกษา พบว่า ตัวพยากรณ์ด้านการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์  ด้านการพัฒนาความรู้และทักษะของครู ด้านการออกแบบเครือข่ายให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ด้านการบูรณาการและเชื่อมโยงการดำเนินการ  และ ด้านการประยุกต์ใช้ระบบไอทีในการจัดการเครือข่าย ร่วมกันพยากรณ์ประสิทธิผลของสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ได้ร้อยละ  55.80  เขียนเป็นสมการพยากรณ์ในรูปแบบมาตรฐาน คือ Z¢y = .181x2+-180x1+.135x4

 

 

เอกสารอ้างอิง

จิรนันท์ มั่งมีผล. (2558). คุณลักษณะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการบริหารเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศึกษาของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์.

ชาฤนี เหมือนโพธิ์ทอง. (2554). การบริหารแบบมีส่วนร่วมกับการทำงานเป็นทีมของพนักงานครูในสถานศึกษาสังกัดเทศบาล กลุ่มการศึกษาท้องถิ่นที่ 1. วิทยานิพนธ์ ศษ.ม. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยศิลปากร.

บุญชม ศรีสะอาด และบุญส่งนิลแก้ว. (2545). “การอ้างอิงประชากรเมื่อใช้เครื่องมือแบบมาตราส่วน ประมาณค่ากับกลุ่มตัวอย่าง”, วารสารการวัดผลการศึกษา มศว มหาสารคาม. 3(1).

ประยูร อัครบวร. (2553). การสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พิมพรรณ สุริโย. (2552). ปัจจัยด้านผู้บริหารสถานศึกษาที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของโรงเรียน เทศบาลกลุ่มการศึกษาท้องถิ่นที่ 9. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย.

ไพศาล โชติวรรณพฤกษ์. (2552). แนวทางการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์อย่างมีส่วนร่วมของประชาชนในองค์การบริหารส่วนตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง. วิทยานิพนธ์ ศศ.ม. พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา.

วัชราพร นิการกรณ์. (2555). การศึกษาการบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษา สหวิทยาเขตเสรีไทย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษา เขต 2. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. กรุงเทพมหานคร :มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

วีรยุทธ แสงศิริวัฒน์. (2550). การบริหารแบบมีส่วนร่วมของผู้บริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัด. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2557). กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ กฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ กฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ: วี.ที.ซี.คอมมิวนิเคชั่น.

Krejcie, R. V., and Morgan, D. W. (1970). “Determining Sample Size for Research Activi- ties”. Educational and Psychological Mea- surement. 30, 607 – 610.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-12-02

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย