การพัฒนาครูเพื่อพัฒนาการคิดเชิงเหตุและผลของนักเรียนโรงเรียนหัวหิน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์
คำสำคัญ:
การพัฒนาครู, การคิดเชิงเหตุและผลบทคัดย่อ
การพัฒนานักเรียนให้เป็นผู้ที่มีความคิดเชิงเหตุและผล ควรเริ่มจากการพัฒนาครูให้มีภาวะผู้นำทางวิชาการ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนควรฝึกให้นักเรียนมีการคิดเชิงเหตุและผล ซึ่งครูในโรงเรียนต้องได้รับการฝึกทักษะในการพัฒนาทักษะความคิดเชิงเหตุและผลให้เกิดกับผู้เรียนได้ โดยการวิจัยเรื่องการพัฒนาครูเพื่อพัฒนาการคิดเชิงเหตุและผลของนักเรียนโรงเรียนหัวหิน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาครู เรื่องการคิดเชิงเหตุและผลของการจัดการเรียนการสอน รายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ บูรณาการรายวิชาวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนหัวหิน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ และเพื่อการศึกษาผลการพัฒนา เรื่องการคิดเชิงเหตุและผลของนักเรียนโรงเรียนหัวหิน รายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ บูรณาการรายวิชาวิทยาศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ครูผู้สอนรายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระจำนวน 2 คน ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำนวน 5 คน และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 28 คน รวมทั้งหมด 35 คน ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบฝึกหัด จำนวน 5 หน่วย ได้แก่ การตั้งคำถามอย่างมีเหตุผล การสืบค้นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การสรุปองค์ความรู้อย่างมีเหตุผล การสื่อสารอย่างมีเหตุมีผล และการตอบแทนสังคม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าที
ผลการวิจัยพบว่า
1) ผลการพัฒนาครู เรื่องการคิดเชิงเหตุและผลของการจัดการเรียนการสอน รายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระบูรณาการรายวิชาวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนหัวหิน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ ด้วยการปฐมนิเทศ การฝึกอบรม และการฝึกฝนตนเอง ในภาพรวมพบว่า อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ การตอบแทนสังคม การสื่อสารอย่างมีเหตุมีผล การตั้งคำถามอย่างมีเหตุผล การสืบค้นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การสรุปองค์ความรู้อย่างมีเหตุผล 2) ผลการศึกษาผลการพัฒนา เรื่องการคิดเชิงเหตุและผลของนักเรียนโรงเรียนหัวหิน รายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ บูรณาการรายวิชาวิทยาศาสตร์ ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยการใช้แบบฝึกหัด จำนวน 5 หน่วย นำแบบฝึกหัด 5 หน่วยนี้ไปบูรณาการการจัดการเรียนรู้รายวิชาการศึกษาค้นคว้าอิสระ เพื่อจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ สามารถนำนวัตกรรมไปแก้ปัญหาไปใช้ในสังคม ได้แก่ (1) เครื่องคัดแยกมะนาวอัตโนมัติ (2) แบบจำลองหุ่นยนต์ที่ใช้ในการจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาล (3) เครื่องสางใบอ้อยแบบใช้เอ็นตัด (4) สูตรน้ำหมักชีวภาพที่ทำจากเปลือกสับปะรด เปลือกแตงโม และเปลือกมะละกอ (5) ไส้ดินสอที่มีผลต่อไฮโปคลอรัส (6) ต้นธูปฤาษีในการดูดซับสารฟอกขาว (7) ความเข้มข้นฮอร์โมนจิบเบอเรลลินที่มีผลต่อการยับยั้งการออกดอกของต้นมะนาว ในภาพรวมพบว่า อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย ได้แก่ การสื่อสารอย่างมีเหตุมีผล การสรุปองค์ความรู้อย่างมีเหตุผล การสืบค้นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ การตอบแทนสังคม และการตั้งคำถามอย่างมีเหตุผล โดยผลการเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยของแต่ละแบบฝึกหัดทั้ง 5 หน่วย กับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นั่นคือสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
เอกสารอ้างอิง
เธียรพัฒน์ ชุปวา. (2559). แนวทางการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชนในกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษา ภาควิชานโยบายการจัดการและความเป็นผู้นำทางการศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พจนา ทรัพย์สมาน. (2549). การจัดการเรียนรู้โดยให้ผู้เรียนแสวงหาและค้นพบความรู้ด้วยตนเอง. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์. (2556). การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุวิทย์ มูลคำ และอรทัย มูลคำ. (2544). เรียนรู้สู่ครูมืออาชีพ. กรุงเทพมหานคร : หจก. ภาพพิมพ์.
Best, John W. (1970). Research in Education. New Jersey: Prentice Hall, Inc.
Good, C.V. (1973). Dictionary of education. New York: McGraw-Hill.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2023 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว