แนวทางการบริหารองค์การสมรรถนะสูงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาระดับการบริหารองค์การสมรรถนะสูงของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ 2) เพื่อนำเสนอแนวทางการบริหารองค์การสมรรถนะสูงของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1) ผู้บริหารสถานศึกษา และ 2) ครูภายในสถานศึกษา ประจำปีการศึกษา 2565 จำนวน 304 คน ได้มาโดยวิธีหาขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางการประมาณการขนาดกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีผลการประเมินคุณภาพภายในสถานศึกษาอยู่ระดับดีเลิศและยอดเยี่ยม และมีประสบการณ์ปฏิบัติหน้าที่อย่างน้อย 10 ปี และเป็นผู้มีความรู้ความสมารถด้านการบริหารการศึกษา จำนวน 5 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับข้อมูลเชิงคุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนื้อหา ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับการบริหารองค์การสมรรถนะสูงของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ พบว่าค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานการบริหารองค์การสมรรถนะสูงของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ โดยภาพรวมการบริหารองค์การสมรรถนะสูงของผู้บริหารสถานศึกษาอยู่ในระดับมาก หากพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ระดับมากที่สุด ได้แก่ ด้านการมุ่งเน้นทรัพยากรบุลคล ด้านการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อยู่ในระดับมาก ได้แก่ ด้านการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ ด้านผลลัพธ์การดำเนินการ ด้านการนำองค์กร 2) แนวทางการบริหารองค์การสมรรถนะสูงของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดกรุงเทพมหานคร กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ มี 5 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการมุ่งเน้นทรัพยากรบุลคล ผู้บริหารสถานให้ความสำคัญกับบุคลากรในสถานศึกษา โดยมีการสนับสนุนการพัฒนาและการก้าวหน้าของบุคลากร สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้บุคลากร สนับสนุนเทคโนโลยีการสื่อสารให้กับบุคลากร และมีการยกย่องชมเชยเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับบุคลากรในสถานศึกษา 2) ด้านการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ ผู้บริหารสถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการ รวมทั้งกำหนดบทบาทหน้าที่และแนวทางความร่วมมือของครู ผู้เรียน ผู้ปกครองชุมชน เพื่อจัดทำแผนเชิงยุทธศาสตร์ และมีการถ่ายทอดความรู้ก่อนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อให้ได้แผนยุทธศาสตร์ที่บรรลุวัตถุประสงค์ที่มุ่งคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของสถานศึกษา 3) ด้านผลลัพธ์การดำเนินการ ผู้บริหารสถานศึกษาให้ความสำคัญกับการพัฒนาการประเมินผลลัพธ์ดำเนินการ เปิดโอกาสให้บุคลากรมีส่วนร่วมในการกำหนดเกณฑ์การประเมินผลลัพธ์ดำเนินการ และมีการสรุปผลลัพธ์ดำเนินการในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและเห็นภาพชัดเจน และนำผลลัพธ์ดำเนินการมาให้เพื่อสร้างคุณค่าและรักษาความสมดุลของคุณค่าให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) ด้านการนำองค์กร ผู้บริหารสถานศึกษามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนให้สถานศึกษาประสบความสำเร็จ ผู้บริหารมีการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาแบบเป็นทางการและแบบไม่เป็นทางการเพื่อมากำหนดทิศทาง ค่านิยมที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม มีขั้นตอนที่ชัดเจนในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ใช้กระบวนการสื่อสารแบบสองทาง และผู้บริหารควรยึดหลักคุณธรรม จริยธรรมในการทำงานทั้งด้านครองตน ครองคน และครองงาน และ5) ด้านการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้บริหารให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ดีผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการส่งเสริมให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อการให้บริการและตรงกับความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีวิธีการวัดความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่มีต่อสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาจัดให้มีช่องทางที่หลากหลายในการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแจ้งปัญหาของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกด้านและดำเนินการช่วยเหลือให้ทันท่วงที