รูปแบบการอุทิศส่วนบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท
คำสำคัญ:
รูปแบบ, การอุทิศส่วนกุศล, พระพุทธศาสนาเถรวาทบทคัดย่อ
การศึกษาวิจัยเรื่องรูปแบบการอุทิศส่วนบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท มีวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ 1) เพื่อศึกษาบุญและวิธีการทำบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท 2) เพื่อศึกษารูปแบบการอุทิศส่วนบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท 3) เพื่อเสนอรูปแบบที่เหมาะสมกับการอุทิศส่วนบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ แบบวิจัยภาคสนาม โดยการวิจัยเอกสารและการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 15 รูปและการสนทนากลุ่ม ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 7 รูป/คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาและนำเสนอผลการวิจัยเชิงพรรณนา
ผลการวิจัย พบว่า
1.ผลการศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับบุญและวิธีการทำบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท พบว่าบุญในที่นี้หมายถึงปัตติทานมัยแบ่งออกเป็นหลักการที่จะต้องปฏิบัติ 2 ประการ คือ บุญกิริยา 3 และบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ในความหมายของการให้ทานมัยในพระพุทธศาสนา หมายถึง การให้วัตถุที่ควรให้ การให้ความรู้ และการให้อภัยแก่คนหรือสัตว์อื่น มี 2 ประเภทคือ อามิสทาน คือการให้วัตถุสิ่งของ การให้ปัจจัย 4 ธรรมทาน มี 2 ประเภท คือ วิทยาทาน และอภัยทาน นอกจากนี้ ระดับของทาน พบว่า มี 3 ระดับ คือ ทานระดับต้น ทานระดับกลาง และ 3 ทานระดับสูง การบำเพ็ญบุญกุศลมี 3 ลักษณะ คือ การให้ทานการรักษาศีล เจริญสมาธิ และการเจริญปัญญา ประเภทของบุญ มี 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทบุญกิริยา วัตถุ 3 ประการ คือ ทานมัย สีลมัย และภาวนามัย และ บุญกิริยาวัตฤ 10 ประการ ดังนั้น หลักการกระทำบุญในพระพุทธศาสนา คือ มีวัตถุประสงค์ คือ ให้บิดามารดา ปู่ ยา ตา ยาย สุคติ โลกสวรรค์ เป็นต้น นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า คติความเชื่อเรื่องการทำบุญที่มีต่อวิถีชีวิตของชาวพุทธ คือ การบุญทำให้จิตไม่เศร้าหมองคำว่าบุญ การกระทำความดีจึงจะมีความสุข ความสุข ในชาตินี้ ความหลุดพ้น คติความเชื่อเรื่องทาน บุญ และกรรม เกิดจาก คติความเชื่อในเรื่องผลของกรรม คือ กฎแห่งกรรม 3 ประการ กุศลกรรม คือ กรรมดี อกุศลกรรม และอัพยากตกกรรม
2.ผลการศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบการอุทิศส่วนบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท พบว่าความเป็นมาและจุดมุ่งหมายของการอุทิศส่วนบุญ ซึ่งในการอุทิศส่วนบุญในสมัยพุทธกาล มีรูปแบบที่เป็นจุดมุ่งหมายของการอุทิศส่วนบุญตามหลักของพระพุทธเจ้าคือ สัมโมทนียกถา จุดหมายของการอุทิศส่วนบุญ แบ่งประโยชน์ออกเป็น 5 ประการ คือ 1) เพื่อประโยชน์แก่ญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว 2) เพื่อแสดงออกถึงหน้าที่ที่พึงกระทำต่อญาติ 3) เพื่อทำการบูชาแก่ญาติที่ล่วงลับไป 4) เพื่อถวายกำลังแก่พระสงฆ์ผู้เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการสืบศาสนา และ 5) เพื่อขวนขวายกระทำบุญด้วยตนเอง
- รูปแบบการอุทิศส่วนบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท พบว่า รูปแบบการอุทิศส่วนบุญมี ทั้งหมด 4 รูปแบบ ประกอบด้วย (1) รูปแบบการอุทิศส่วนบุญด้วยการอธิฐานจิต (2) รูปแบบการอุทิศส่วนบุญด้วยวาจา (3) รูปแบบการอุทิศส่วนบุญด้วยการแผ่เมตตา และ(4) รูปแบบการอุทิศส่วนบุญด้วยการกรวดน้ำ
เอกสารอ้างอิง
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทย. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2539.
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ความสำคัญของพระศาสนาในฐานะศาสนาประจำชาติ, พิมพ์ครั้งที่ 11, กรุงเทพมหานคร : บริษัท สหธรรมิก จำกัด, 2555.
พระราชธรรมโสภณ (จำปี พงไทยสง), “ศึกษาหลักจริยธรรมประเพณีการทำบุญแจกข้าวของชาวพุทธ บ้านคูเมือง อำเภอสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด” วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2551.
พระธรรมปิฎก(ป.อ.ปยุตฺโต) ,พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์,กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2538.
พระอธิการชัยรัตน์ ญาณวีโร, “ศึกษาความเชื่อเรื่องเปรตที่มีปรากฏในประเพณีการทำบุญของชาวอีสาน : กรณีศึกษาประเพณีการทำบุญข้าวประดับดินและบุญข้าวสาก”, วิทยานิพนธ์พุทธศาสตรมหาบัณฑิต, บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, 2553.
พระมหาสุพจน์ คำน้อย, “การศึกษาวิเคราะห์คำสอนเรื่องการอุทิศส่วนบุญในพระพุทธศาสนาเถรวาท” รายงานวิจัย, คณะศิลปศาสตร์ มทยาลัยธรรมศาสตร์, 2547.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2024 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว