กลยุทธ์การบริหารงานแนะแนวโรงเรียนวัดราชาธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1
คำสำคัญ:
กลยุทธ์, การบริหารงานแนะแนวบทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารงานแนะแนวโรงเรียนวัดราชาธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 และ 2) เพื่อกำหนดกลยุทธ์การบริหารงานแนะแนวโรงเรียนวัดราชาธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 ผู้ให้ข้อมูล คือ ผู้บริหารสถานศึกษาและครูโรงเรียนวัดราชาธิวาส จำนวน 46 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามสภาพปัจจุบันเท่ากับ .986 และค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามสภาพที่พึงประสงค์เท่ากับ .976 ค่าสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน PNImodified และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาเกี่ยวกับการบริหาร งานแนะแนวโรงเรียนวัดราชาธิวาส ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันของการบริหารงานแนะแนวโรงเรียนวัดราชาธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก และสภาพที่พึ่งประสงค์ของการบริหารงานแนะแนวโรงเรียนวัดราชาธิวาส โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด 2) กลยุทธ์การบริหารงานแนะแนวโรงเรียนวัดราชาธิวาส สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 ประกอบด้วย 2 กลยุทธ์หลัก 4 กลยุทธ์รอง และ 9 วิธีดำเนินการ กลยุทธ์หลักที่ 1 คือ ยกระดับการจัดบริการแนะแนวอย่างมีคุณภาพ กลยุทธ์รองที่ 1.1) สร้างเสริมองค์ความรู้เพื่อพัฒนาสู่การเป็นมืออาชีพ กลยุทธ์รองที่ 1.2) สร้างเครือข่ายความร่วมมืออย่างมีคุณภาพ กลยุทธ์หลักที่ 2 ส่งเสริมพัฒนากระบวนการสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพ กลยุทธ์รองที่ 2.1) จัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ กลยุทธ์รองที่ 2.2) พัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบ
References
กระทรวงศึกษาธิการ. (2547). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2559). การจัดการเรียนรู้กิจกรรมแนะแนว. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2562). แผนพัฒนาการแนะแนวและแนวทางการจัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2561 - 2565) ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2565) สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ. ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงพิมพ์อักษรไทย (น.ส.พ. ฟ้าเมืองไทย)
เกศรา น้องคนึง. (2560). การพัฒนาแนวทางการบริหารงานแนะแนวโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20. หลักสูตรปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
ธนนท ธัญพงศ์ไพบูลย์. (2560). กลยุทธ์การจัดการเรียนรู้ของนักเรียนระดับประถมศึกษาเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย. ตามหลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
นงลักษณ์ วิรัชชัย และ สุวิมล ว่องวาณิช. (2550). การวิจัยและประเมินความต้องการจำเป็น.กรุงเทพฯ: ธรรมดาเพรส.
สุทัศน์ เดชกุญชร. (2561). รูปแบบการบริหารจัดการงานแนะแนวการศึกษาที่มีประสิทธิผลสำหรับสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จังหวัดปทุมธานี. หลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ.
อันติมา ยัพราษฎร์ (2559). กลยุทธ์การนิเทศครูแนะแนวโรงเรียนมัธยมศึกษาในกรุงเทพมหานครตามหลักสูตรปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชานิเทศการศึกษาและพัฒนาหลักสูตร ภาควิชานโยบาย การจัดการและความเป็นผู้นำทางคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Likert, Rensis. (1961). New Pattern of Management. New York: McGraw-Hill.
Miller, C.H. (1976). Foundations of Guidance. New York: Harper & Row Publisher lnc.
Cronbach, L.J. (1951). Coefficient Alpha and the Internal Structure of Tests.
Psychometrika, 16, 297 – 334.
Downloads
เผยแพร่แล้ว
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย
ข้อความที่ปรากฏในบทความแต่ละเรื่องในวารสารวิชาการเล่มนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนแต่ละท่านไม่เกี่ยวข้องกับหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตสิรินธรราชวิทยาลัย และคณาจารย์ท่านอื่นๆในมหาวิทยาลัยฯ แต่อย่างใด ความรับผิดชอบองค์ประกอบทั้งหมดของบทความแต่ละเรื่องเป็นของผู้เขียนแต่ละท่าน หากมีความผิดพลาดใดๆ ผู้เขียนแต่ละท่านจะรับผิดชอบบทความของตนเองแต่ผู้เดียว