ประสิทธิผลของการเจริญสมาธิภาวนาหลังสวดมนต์ต่อระดับน้ำตาลในเลือด ของผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 รพ.สต.ดอนบม ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประสิทธิผลของการเจริญสมาธิภาวนาหลังสวดมนต์ต่อระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 2) เปรียบเทียบระดับน้ำตาลสะสมในเลือดของผู้ป่วยที่เจริญสมาธิภาวนาหลังสวดมนต์กับผู้ที่ไม่มีการเจริญสมาธิภาวนาหลังสวดมนต์ 3) เปรียบเทียบพฤติกรรมการดูแลตัวเองที่เหมาะสมหลังจากปฏิบัติสมาธิภาวนาหลังสวดมนต์อย่างสม่ำเสมอ เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi-Experimental Research) แบบ 2 กลุ่ม กลุ่มทดลอง 22 คนดำเนินการโดยให้ความรู้พร้อมฝึกปฏิบัติเรื่องสมาธิภาวนาหลังสวดมนต์ในกลุ่มทดลองและนำไปปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบภายในกลุ่มด้วยสถิติ Paired sample t-test และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วยสถิติ Independent Sample t-test กำหนดนัยสำคัญสถิติที่ 0.05 ค่าความเชื่อมั่นที่ 95 % CI
ผลการวิจัยพบว่า ตามวัตถุประสงค์ที่ 2 ระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มทดลองดีกว่ากลุ่มควบคุม ดีกว่าก่อนการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value 0.05) โดยระดับน้ำตาลสะสมในเลือดเฉลี่ยกลุ่มทดลองลดลงจาก 8.67 % เป็น 7.47 % และตามวัตถุประสงค์ที่ 3 พบว่า พฤติกรรมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุมและสูงกว่าก่อนการทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.001)
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความ ให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความ ต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร วิชาการธรรม ทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ ภาพหรือตารางของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้ง แสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์เอกสารอ้างอิง
กมลพร สิริคุตจตุพร, วิราพรรณ วิโรจน์รัตน และนารีรัตน์ จิตรมนตรี. (2560). ปัจจัยทำนายพฤติกรรมการจัดการตนเองของผู้สูงอายุโรคเบาหวานชนิดที่ 2. วารสารสภาการพยาบาล , 32(1), 81-93.
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). คู่มือการดูแลตัวเองเบื้องต้นเรื่องเบาหวาน. กรุงเทพฯ: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
กรุงเทพธุรกิจ. (2565). สถานการณ์เบาหวานยังคงต้องจับตา. เข้าถึงได้จาก https://www.bangkokbiznews.com/social/916378
นฤมล สินสุพรรณ. (2561). การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมวิถีไทยเชิงพุทธ. เอกสารเสริมการสอนนักศึกษาสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาวะผู้นำและนวัตกรรมการจัดการสุขภาพ. ขอนแก่น: วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย.
ประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสำหรับผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ พ.ศ. 2564
วรัญญากรณ์ โนใจ. (2561). ผลของการปฏิบัติสมาธิบำบัดเพื่อการเยียวยาแบบ SKT ต่อระดับน้ำตาลในเลือดของกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน. พะเยา: วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีพะเยา.
วิริยังค์ สิรินธโร. (2540). หลักสูตรครูสมาธิ เล่ม 1. กรุงเทพฯ: พันนาบรรจุพันธ์.
Benson, H. (1967). The Relaxation Response. Retrieved from http://202.44.33.100/samathi/branch/7/branch.php
Ryan, P. & Sawin, K. J. (2009). The individual and family self-management Theory: background and perspectives on context, process, and outcomes. Nursing Outlook, 57(4), 217-225.
The International Diabetes Federation. (2017). About diabetes What is diabetes. Retrieved from https://idf.org/events/idf-congress/