การพัฒนาแบบวัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามแนวคิดของฟาซิโอเน่

Main Article Content

นุชจรี พรสินชัย
สุรีพร อนุศาสนนันท์
ณัฐกฤตา งามมีฤทธิ์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างแบบวัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2) วิเคราะห์คุณภาพของแบบวัด 3) สร้างเกณฑ์ปกติของแบบวัด กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ศึกษาในโรงเรียนจังหวัดสระบุรี ปีการศึกษา 2561 จำนวน 1,091 คน สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น หาคุณภาพของแบบวัด โดยการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาด้วยการหาดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามกับนิยาม ตรวจสอบความยาก ตรวจสอบอำนาจจำแนกด้วยการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างคะแนนรายข้อและคะแนนรวม ตรวจสอบความตรงตามสภาพด้วยการวิเคราะห์สหสัมพันธ์เพียร์สัน ตรวจสอบความตรงเชิงโครงสร้างด้วยการวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยันอันดับสอง และตรวจสอบความเที่ยงโดยวิธีของคูเดอร์-ริชาร์ดสัน สูตรที่ 20
ผลการวิจัยพบว่า
1. แบบวัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) การตีความ 2) การวิเคราะห์ 3) การประเมินผล 4) การสรุปอ้างอิง 5) การอธิบาย และ 6) การกำกับตนเอง จำนวนทั้งหมด 41 ข้อ
2. คุณภาพของแบบวัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ พบว่า ดัชนีความสอดคล้องของข้อคำถามกับนิยามมีค่าตั้งแต่ 0.67 ถึง 1.00 ความยากมีค่าตั้งแต่ 0.30 ถึง 0.80 อำนาจจำแนกมีค่าตั้งแต่ 0.21 ถึง 0.68 ความเที่ยงทั้งฉบับเท่ากับ 0.91 ความตรงตามสภาพเท่ากับ 0.75 และความตรงเชิงโครงสร้างพบว่า โมเดลการวัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดย x2 = 794.39 df = 651 x2/df = 1.22 CFI = 1.00 GFI = 0.93 AGFI = 0.90 RMSEA = 0.02 และ RMR = 0.01
3. เกณฑ์ปกติระดับท้องถิ่นของแบบวัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ พบว่า คะแนนต่ำกว่า T35 หรือคะแนนดิบ 0 ถึง 14 คะแนน มีระดับการคิดอย่างมีวิจารณญาณต่ำมาก คะแนน T35 ถึง T45 หรือคะแนนดิบ 15 ถึง 25 คะแนน มีระดับการคิดอย่างมีวิจารณญาณต่ำ คะแนน T46 ถึง T55 หรือคะแนนดิบ 26 ถึง 36 คะแนน มีระดับการคิดอย่างมีวิจารณญาณปานกลาง คะแนน T56 ถึง T65 หรือคะแนนดิบ 37 ถึง 38 คะแนน มีระดับการคิดอย่างมีวิจารณญาณสูง และคะแนนมากกว่า T65 หรือคะแนนดิบ 39 ถึง 41 คะแนน มีระดับการคิดอย่างมีวิจารณญาณสูงมาก

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
พรสินชัย น., อนุศาสนนันท์ ส., & งามมีฤทธิ์ ณ. . (2020). การพัฒนาแบบวัดการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามแนวคิดของฟาซิโอเน่. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 20(4), 37–48. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/dhammathas/article/view/243084
ประเภทบทความ
บทความวิจัย (Research Article)

เอกสารอ้างอิง

Arneksuk, S. (2016). Statistical methods in research. Chonburi : Burapha University.

Facione, P. A. (2015). Critical Thinking: What It Is and Why It Counts. http://www.insightassessment.com (Accessed 5 February 2018).

Pattanaphon, A. (2008). A construction of critical thinking test for the third Level students in secondary school, Nakhonsawan educational service Area office 1. Bangkok : Srinakharinwirot University.

Sariwat, L. (2006). The thinking. Bangkok : O.S. printing house.

Srisopa, A. (1981). Educational measurement and evaluation. Bangkok : Thai Wattana Panich.

Thaweerat, P. (1997). Research methods for the Behavioraland social sciences. Bangkok : Srinakharinwirot University.

Thongbu, S. (2012). Educational research. Mahasarakham : Arpichat printing.

Tirakanan, S. (2007). A construction of variables measure toolfor social science research: guidelines for action. Bangkok : Chulalongkorn University printing.

Wanitbancha, K. (2013). Structural Equation Modeling (SEM) by AMOS. Bangkok : Samlada partnership limited.

Wattson, G. and Glaser, E. M. (1964). Wattson Glaser Critical Thinking Appraisal Manual. New York : Harcourt, Brace and World.

Wiratchai, N. (1999). LISREL Model: Statistical analysis for research. Bangkok : Chulalongkorn University printing.