การศึกษาเปรียบเทียบลักษณะของหมาเก้าหางของกลุ่มไท-กระไดกับจิ้งจอกเก้าหางของจีนที่อยู่ในวรรณกรรมพื้นบ้านต่อการได้รับการยอมรับจากการรับรู้ของมนุษย์
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาลักษณะของหมาเก้าหางและจิ้งจอกเก้าหางในวรรณกรรมพื้นบ้าน 2) วิเคราะห์เปรียบเทียบลักษณะของหมาเก้าหางกับจิ้งจอกเก้าหางที่อยู่ในวรรณกรรมพื้นบ้านต่อการได้รับการยอมรับจากการรับรู้ของมนุษย์ โดยมีขอบเขตการศึกษาอยู่ที่วรรณกรรมหมาเก้าหางในกลุ่มไท-กะได และจิ้งจอกเก้าหางในจีน วิธีวิจัยของเรื่องนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยศึกษาข้อมูลในเชิงเอกสาร (Documentary Research) แบ่งเป็น 1) สำรวจและวิเคราะห์เปรียบเทียบลักษณะเด่นของหมาเก้าหางกับจิ้งจอกเก้าหางในวรรณกรรมที่เลือกมาศึกษา 2) วิเคราะห์เปรียบเทียบสาเหตุที่ทำให้หมาเก้าหางกับจิ้งจอกเก้าหางได้รับการยอมรับจากการรับรู้ของมนุษย์ที่ต่างกันแล้วทำการสัมภาษณ์เชิงลึกจากนั้นสรุปผล
ผลการวิจัยพบว่า
1. ลักษณะของหมาเก้าหางในวรรณกรรมที่มีลักษณะเด่นร่วมกันมี 6 ประการคือเป็นสัตว์เลี้ยง ไม่ดุร้าย ไม่ทำร้ายมนุษย์ ช่วยเหลือมนุษย์ ซื่อสัตย์และมีอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ และลักษณะที่มีลักษณะเด่นที่แตกต่างไม่ร่วมกันมี 0 ลักษณะ ส่วนจิ้งจอกเก้าหางพบว่ามีลักษณะเด่นร่วมกัน 1 ลักษณะคือ มีอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติ และลักษณะที่มีลักษณะเด่นที่แตกต่างไม่ร่วมกันพบว่ามี 16 ลักษณะ
2. หมาเก้าหางทุกวรรณกรรมที่นำมาศึกษา ได้รับการยอมรับต่อการรับรู้ของมนุษย์เนื่องจากมีลักษณะเด่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ อีกทั้งยังช่วยเหลือมนุษย์ ทำให้มนุษย์ยอมรับและให้การยกย่องในลักษณะของหมาเก้าหาง ส่วนจิ้งจอกเก้าหางพบว่าในวรรณกรรมซานไห่จิงและเฟิงเสินเหยี่ยนอี้มีลักษณะเด่นที่ยังคงความเป็นสัตว์ป่าและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ในวรรณกรรมอู๋เยวี่ยชุนชิว และสามชาติสามภพดอกท้อสิบหลี่ พบว่าจิ้งจอกเก้าหางในวรรณกรรม ไม่มีลักษณะที่ดุร้ายเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ทำให้จิ้งจอกเก้าหางในวรรณกรรมสองเรื่องนี้ได้รับการยอมรับต่อการรับรู้ของมนุษย์
Article Details
เอกสารอ้างอิง
กัวผู๋. (2523). ซานไห่จิง. เซี่ยงไฮ้: บ้านหนังสือโบราณเซี่ยงไฮ้.
จันทิมา อัมฤทธิ์. (2530). การศึกษาเรื่องสุพรหมโมกขาสำนวนท้องถิ่นอีสาน. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
จางเฉิง. (2560). แนวคิดที่แฝงไว้เกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางจากสิ่งนำโชคจนกลายมาเป็นปีศาจ: กรณีศึกษาในสมัยราชวงศ์ฮั่นและถัง. วารสารสังคมศาสตร์หูเป่ย, 30(6), 125-129.
จางเสี่ยวหง. (2562). ลักษณะเริ่มแรกของจิ้งจอกเก้าหางจากในบทประพันธ์วรรณกรรมโบราณซานไห่จิง. วารสารวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิคเมืองฮาร์บิน, 29(1), 170-172.
จ้าวจิ้ง. (2555). ลักษณะวิวัฒนาการลักษณะรูปลักษณ์ของจิ้งจอกเก้าหางในวรรณกรรมโบราณ. วารสารวิทยาลัยอาชีวศึกษาและเทคนิคอุตสาหกรรมหนานจิง, 12(3), 16-19.
ปิยา วัชระสวัสดิ์. (2547). ควายกินข้าวหมาเก้าหาง. กรุงเทพฯ: มติชน.
เมล็ดข้าวและหางสุนัข. (2507). กวางสี: วรรณกรรมและศิลปะกวางสี.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2556). พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน.
เริ่นจื้อเฉียง. (2557). การศึกษานิทานปีศาจจิ้งจอกโบราณของประเทศจีน. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต). ซานตง: มหาวิทยาลัยซานตง.
สวี่จิ้งถง. (2554). วิวัฒนาการของลักษณะจิ้งจอกเก้าหางในเอกสารโบราณ. วารสารมหาวิทยาลัยโอเชียนประเทศจีน, 9(5), 124-128.
สวีลี่ลี่. (2558). การศึกษาภาพลักษณ์ของสุนัขจิ้งจอกในงานวรรณกรรมคลาสสิกของจีนและญี่ปุ่น. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต). ฉางชุน: มหาวิทยาลัยจี๋หลิน.
สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2546). ข้าวปลาหมาเก้าหาง. กรุงเทพฯ: มติชน.
หลี่เจี่ยนกั๋ว. (2545). วัฒนธรรมจิ้งจอกจีน. ปักกิ่ง: วรรณกรรมประชาชน.
อัมพวรรณ สุริยะไชย. (2546). การศึกษาวิเคราะห์เรื่องสุพรหมโมกขะหมาเก้าหาง. (วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
อุมารินทร์ ตุลารักษ์. (2561). สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มนุษย์ และสัตว์ในตำนานข้าวของชาวจ้วง สิบสองปันนา ประเทศจีนและชาวอีสานประเทศไทย. การประชุมวิชาการระดับชาติ, วันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ 2559. สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.