ความต้องการเข้าถึงสิทธิของประชาชนในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยส่วนบุคคลที่มีความต้องการเข้าถึงสิทธิของประชาชนในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2) ศึกษาปัจจัยด้านสังคม 3) ศึกษาปัจจัยด้านสื่อสังคมออนไลน์ และ 4) ศึกษาปัจจัยด้านจิตวิทยา เป็นการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณ โดยการสุ่มตัวอย่างโดยไม่ใช้ความน่าจะเป็นกับกลุ่มตัวอย่างได้แก่ ประชาชนที่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ที่มีอายุ 18-60 ปี จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการทำวิจัยเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า ค่าความเชื่อมั่น 0.925 และการวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมติฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1. ปัจจัยส่วนบุคคลพบว่า กลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 21-30 ปี การศึกษาระดับอนุปริญญา/ปวส. และประกอบอาชีพค้าขาย
2. ปัจจัยด้านสังคมในภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน ลำดับแรก ด้านครอบครัว ลำดับสอง ด้านบทบาท และสถานะ และลำดับสาม ด้านกลุ่มอ้างอิง
3. ปัจจัยด้านสื่อสังคมออนไลน์ ในภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ลำดับแรก Line ลำดับสอง Twitter และลำดับสาม Facebook
4. ปัจจัยด้านจิตวิทยา ในภาพรวม พบว่า อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ลำดับแรก ด้านความเข้าใจ ลำดับสอง ด้านบุคลิกภาพ และลำดับสาม ด้านทัศนคติ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความ ให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความ ต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร วิชาการธรรม ทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ ภาพหรือตารางของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้ง แสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์เอกสารอ้างอิง
ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร. (2561). พรรคการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ และการเลือกตั้ง. ปทุมธานี: สถาบันวิชาการไทยวิจัยพัฒนาการจัดการ.
ธโสธร ตู้ทองคำ. (2555). สถาบันและกระบวนการทางการเมือง. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ธีระพงษ์ คงมณี และวัลลภ พิริยวรรธนะ. (2564). การรับรู้ข่าวสารทางการเมืองต่อการตัดสินใจเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของประชากรภายในกรมยุทธโยธาทหารบก. วารสารการบริหารนิติบุคคลและนวัตกรรมท้องถิ่น, 8(2), 307-318.
บรรเจิด สิงคะเนติ. (2560). หลักพื้นฐานของสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามรัฐธรรมนูญ. กรุงเทพฯ: วิญญูชน.
สมถวิล เอี่ยมโก๋ และคณะ. (2565). ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย. วารสารวิชาการสังคมมนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช, 2(4), 116-132.
สุณีชญาน์ ฉัตรบุรานนทชัย และคณะ. (2565). ความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานครต่อการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2565. วารสารการบริหารและสังคมศาสตร์ปริทรรศน์, 5(4), 109-120.
สุเมธ แสงนิ่มนวล. (2563). ท้องถิ่นกับความคาดหวังของประชาชน. วารสารสถาบันพระปกเกล้า, 3(3), 1-16.
Osborne, S. P. (2009). The New Public Governance: Emerging Perspectives on the Theory and Practice of Public Governance. London: Routledge.
Rhodes, R. A. W. (1997). Understanding governance: Policy Networks, Governance, Reflexivity, and Accountability. Buckingham: Open University Press.
Robinson, K., & Morgan, D. (2014). Local government as polity leadership: Implications for new public governance. In Morgan, D. F. New Public Governance: A Regime-Centered Perspective. New York: Routledge.
UNDP USAID. (2014). Being LGBT in Asia. In The Thailand Country Report Bangkok. United Nations Development Programme UNDP Asia- Pacific Regional Centre. Bangkok: United Nations Development Programme, UNDP Asia-Pacifi c Regional Centre.
Williamson, A. (2013). Social Media Guidelines for Parliaments. Retrieved from http://www.ipu.org/PDF/publications/SMG2013EN.pdf
Yamamoto, H. (2003). New Public Management-Japan’s Practice. Japan: Institute for International Policy Studies Publications.