การรับรู้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

Main Article Content

เชษฐา ทรัพย์เย็น
จิตเจริญ ศรขวัญ
จิตตรี พละกุล

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาระดับการรับรู้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 2) เปรียบเทียบระดับการรับรู้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำแนกตามเพศและระดับการศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กำหนดขนาดตามวิธีของ Taro Yamane ได้จำนวน 1,134 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น 0.90 การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยใช้หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีแบบสองกลุ่มเป็นอิสระต่อกัน การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียวและทำการทดสอบภายหลังว่ามีคู่ใดแตกต่างกันโดยวิธีทดสอบหาความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่โดยวิธีของฟิชเชอร์
ผลการวิจัยพบว่า
1. ระดับการรับรู้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
2. ผลการเปรียบเทียบระดับการรับรู้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำแนกตามเพศ ในภาพรวมพบว่าไม่แตกต่างกัน ส่วนรายด้านพบว่า การเคารพกติกา พฤติกรรมการมีส่วนร่วมและความเชื่อในระบอบประชาธิปไตยไม่แตกต่างกัน แต่การรับรู้ข้อมูลข่าวสารทางการเมือง มีระดับการรับรู้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และหากจำแนกตามระดับการศึกษา ในภาพรวมพบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า มีเฉพาะด้านการเคารพกติกาและพฤติกรรมการมีส่วนร่วม แตกต่างกันอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ทรัพย์เย็น เ. ., ศรขวัญ จ. ., & พละกุล จ. . (2024). การรับรู้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 24(2), 15–30. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/dhammathas/article/view/270425
ประเภทบทความ
บทความวิจัย (Research Article)

เอกสารอ้างอิง

ฐะปะนีย์ นาครทรรพ และคณะ. (2546). หนังสือเรียนช่วงชั้นที่ 3 ภาษาไทย ม.1. นนทบุรี: ไทยร่มเกล้า.

ถวิล บุรีกุล, สติธร ธนานิธิโชติ และรัชวดี แสงมหะหมัด. (2562). รายงานการประเมินสถานการณ์ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทย พ.ศ. 2562. กรุงเทพฯ: สำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า.

บุญชม ศรีสะอาด. (2546). การพัฒนาหลักสูตรและการวิจัยเกี่ยวกับหลักสูตร. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

ปฏิพัทธ์ เชรศรี และไชยวัฒน์ เผือกคง. (2565). พฤติกรรมการรับรู้ข่าวสารทางการเมืองของผู้บริโภคสื่อสังคมออนไลน์ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี. วารสาร มจร.หริภุญชัยปริทรรศน์, 6(2), 174-188.

พระปลัดคณิศร ขนฺติพโล, อนุภูมิ โซวเกษม และยุทธนา ปราณีต. (2564). การมีส่วนร่วมทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนในเขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร. วารสาร มจร. การพัฒนาสังคม, 6(2), 66-76.

ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2543). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.

วชิระ เสระทอง และเพ็ญณี แนรอท. (2562). การพัฒนาประชาธิปไตยสำหรับเยาวชนในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา สังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. การประชุมวิชาการระดับชาติ ด้านการบริหารกิจการสาธารณะยุคดิจิทัล ครั้งที่ 5, 1-2 พฤศจิกายน 2562, (หน้า 593-601). ขอนแก่น: วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. (2562). ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580). (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ.

Likert, R. (1967). The Method of Constructing and Attitude Scale. In Attitude Theory and Measurement (pp. 90-95). New York: Wiley & Son.

Yamane, T. (1973). Statistics: an introductory analysis. New York: Harper & Row.