การรับรู้ความสำเร็จของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความไทย ภายใต้แรงจูงใจในการทำงาน สมรรถนะ และภูมิหลังทางวิชาชีพทนายความ

Main Article Content

ไตรรงค์ ตันทสุข
ประยงค์ มีใจซื่อ

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาภูมิหลังทางวิชาชีพทนายความที่ส่งผลต่อสมรรถนะ แรงจูงใจในการทำงาน และการรับรู้ความสำเร็จของวิชาชีพทนายความ 2) ศึกษาสมรรถนะที่ส่งผลต่อแรงจูงใจในการทำงาน การรับรู้ความสำเร็จของวิชาชีพทนายความ และ 3) ศึกษาแรงจูงใจในการทำงานที่ส่งผลต่อการรับรู้ความสำเร็จของวิชาชีพทนายความ ระเบียบวิธีวิจัย งานวิจัยชิ้นนี้เป็นแบบผสม (Mixed Method) ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เชิงคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ทนายความที่มีความผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจำนวน 9 ราย เชิงปริมาณเก็บตัวอย่างทนายความที่ขึ้นทะเบียนกับสภาทนายความแห่งประเทศไทยจำนวน 703 ราย ใช้เทคนิคในการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติโดยการวิเคราะห์ตัวแบบจำลองสมการโครงสร้าง (Structural Equation Model: SEM) ด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทางคอมพิวเตอร์
ผลการวิจัยพบว่า
1. ภูมิหลังทางวิชาชีพทนายความมีอิทธิพลในทางบวกต่อสมรรถนะ แรงจูงใจในการทำงานในทางตรง และส่งผลต่อการรับรู้ความสำเร็จของวิชาชีพทนายความในทางอ้อม
2. สมรรถนะ มีอิทธิพลในทางบวกต่อแรงจูงใจในการทำงาน และการรับรู้ความสำเร็จในการประกอบวิชาชีพทนายความ
3. แรงจูงใจในการทำงานมีอิทธิพลในทางบวกต่อการรับรู้ความสำเร็จในการประกอบวิชาชีพทนายความ คุณค่าในการนำผลการวิจัยไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางนำไปสู่การพัฒนาสมรรถนะทนายความให้ไปสู่ความสำเร็จในการประกอบวิชาชีพ ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรการอบรมทนายความของสภาทนายความในพระบรมราชูถัมภ์และพัฒนาหลักสูตรนิติศาสตร์ของสถาบันการศึกษา ตลอดจนใช้เป็นแนวทางเพื่อการรับรู้ความสำเร็จของผู้ประกอบวิชาชีพอิสระอื่น

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ตันทสุข ไ. ., & มีใจซื่อ ป. . . (2024). การรับรู้ความสำเร็จของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความไทย ภายใต้แรงจูงใจในการทำงาน สมรรถนะ และภูมิหลังทางวิชาชีพทนายความ. วารสารวิชาการธรรมทรรศน์, 24(2), 83–98. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/dhammathas/article/view/270590
ประเภทบทความ
บทความวิจัย (Research Article)

เอกสารอ้างอิง

นรากร รุจินันทพรกุล และปะราสี เอนก. (2557). ภูมิหลังทางวิชาชีพทนายความที่มีผลต่อการรับรู้ระดับคุณภาพการให้บริการของผู้ใช้บริการศูนย์บริการร่วมกระทรวงแรงงาน: กรณีศึกษาจังหวัดลำปาง. วารสารบัณฑิตวิจัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่, 5(1), 119-130.

แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570). (2565, 1 พฤศจิกายน). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 139 ตอนพิเศษ 258, หน้า 121-122.

พรชนก ทองลาด, ไพฑูรย์ อินต๊ะขัน และบัณฑิต บุษบา. (2559). แนวทางการพัฒนาธุรกิจให้มีความยั่งยืน ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในจังหวัดลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่. วารสารสมาคมนักวิจัย, 21(1), 74-87.

ภัทระ ลิมป์ศิระ, อภิชัย มานิตยกุล และธัญ สกุลธัญ. (2557). หลักนิติธรรมสากลกับวิชาชีพทนายความ. วารสารกระบวนการยุติธรรม, 7(3), 35-53.

วิชา มหาคุณ. (2556). จริยธรรมในวิชาชีพกฎหมาย. จุลนิติ, 10(6), 29-42.

วิเชียร ชุบไธสง และพิสมัย จารุจิตติพันธ. (2560). ปัจจัยที่ส่งผลต่อสมรรถนะของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ. วารสารสันติศึกษาปริทรรศน์ มจร, 5(3), 404-417.

ศรัณย์พร นานาวัน. (2559). กลยุทธ์ความได้เปรียบทางการแข่งขันของธุรกิจความงามสมัยใหม่ในเขตกรุงเทพมหานคร. (วิทยานิพนธ์บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย. (2551). บทบาทของธุรกิจและรัฐวิสาหกิจในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชุมชน. กรุงเทพฯ: สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย.

สุภางค์ จันทวานิช. (2561). วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

เอกฉัตร วิทยอภิบาลกุล และคณะ. (2561). การศึกษาวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรคในการเรียนของนักศึกษาปีที่ 1 หลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา. การประชุมวิชาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 1, 20-21 สิงหาคม 2561, (หน้า 623-631). สงขลา: มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา.

Hair, J. F., et al. (2010). Multivariate Data Analysis. (7th ed.). New Jersey: Pearson Prentice Hall.

Likert, R. (1967). The human organization: its management and values. New York: McGraw-Hill.