การพัฒนาโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) ตรวจสอบความสอดคล้องของโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกับข้อมูลเชิงประจักษ์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ ครูศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 500 คน โดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ความเบ้ ความโด่ง ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และการวิเคราะห์สมการโครงสร้าง
ผลการวิจัยพบว่า
1. โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย สมรรถนะองค์การ การมีส่วนร่วมของชุมชน สมรรถนะครู ภาวะผู้นำของผู้บริหารและประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ
2. โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยมีค่า Chi-Square = 66, P-value = 0.078, df = 255, GFI = 0.960, AGFI = 0.940, CFI = 0.999, SRMR = 0.999, RMSEA = 0.016 และ R2 = 0.87
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความ ให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความ ต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร วิชาการธรรม ทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ ภาพหรือตารางของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้ง แสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์References
ชัยพร พันธุ์น้อย และวีระวัฒน์ อุทัยรัตน์. (2562). รูปแบบการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิผลของศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. วารสารครุศาสตร์จุฬาลงกรณ์, 47(4), 197-207. https://digital.car.chula.ac.th/cgi/viewcontent.cgi?article=3793&context=educujournal
ธีระนัน พิรุณสุนทร. (2561). โมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุของประสิทธิผลโรงเรียนเทศบาล สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น. (ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต). สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
นิยดา เปี่ยมพืชนะ. (2559). โมเดลปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. วารสารราชพฤกษ์, 14(1), 25-35. https://so05.tci-thaijo.org/index.php/Ratchaphruekjournal/article/view/90974/71446
บุญชม ศรีสะอาด. (2560). การวิจัยเบื้องต้น ฉบับปรับปรุงใหม่. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น.
เลิศชัย แก้วภักดี และดาวรุวรรณ ถวิลการ. (2565). ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อเสริมสร้างความมีประสิทธิภาพการจัดการศึกษาสําหรับศูนย์การศึกษาพิเศษ เขตการศึกษา 9 จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, 18(1), 64-78. https://so05.tci-thaijo.org/index.php/pkrujo/article/view/250782/175145
สัณหวัช อุดมเจริญศิลป์. (2564). อิทธิพลเชิงสาเหตุของปัจจัยที่มีต่อสุขภาวะเชิงอัตวิสัยและความเหนื่อยหน่ายในงานของครูศูนย์การศึกษาพิเศษ. (ดุษฎีนิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สํานักบริหารงานการศึกษาพิเศษ. (2566). แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (2565). แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ. 2566-2570). กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. (2562). กรอบสมรรถนะครู เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซี-ทีซีเอฟ). กรุงเทพฯ: ออนป้า.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค.
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ. (2560). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ: แอคทีฟพริ้นท์.
สุจินต์ สว่างศรี. (2557). การพัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาในประเทศไทย. (ดุษฎีนิพนธ์ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต.
อุมาพร ธรรมสมบัติ. (2563). รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหารในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนสังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 24. (ดุษฎีนิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต). สกลนคร: มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร.
Agasisti, T. (2017). Management of Higher Education Institutions and the Evaluation of their Efficiency and Performance. Tertiary Education and Management, 23(3), 187-190. https://doi.org/10.1080/13583883.2017.1336250
Derderian, A. (2014). The Effectiveness of Special Education Centers in Jordan. Journal of Scientific Research and Reports, 4(5), 410-420. https://doi.org/10.9734/JSRR/2015/13626.
Epstein, J. L. (2011). School, family and community partnerships: Preparing educators and improving schools. (2nded.). Suite: Westview Press.
Hoy, W. K., & Miskel, C. (2013). Educational administration: Theory, research, and practice. (9th ed.). New York: McGraw-Hill.
Kocak, S., & BOSTANCI, A. B. (2020). Does Public Leadership Improve School Effectiveness through Strengthening Teacher Professionalism. Eurasiam Journal of Educational Research, 90(2020), 19-44. https://www.researchgate.net/publication/349105444_Does_Public_Leadership_Improve_School_Effectiveness_through_Strengthening_Teacher_Professionalism
Rahayu, S., Ulfatin, N., Wiyono, B. B. & Kusmintardjo, K. (2017). The Effect Of Teacher's Concern To Innovation And Emotional Intelligence On The School Effectiveness Mediated By The Professional Competency Of Teachers And School Culture. International Journal of Education and Research, 5(12), 53-64. https://www.ijern.com/journal/2017/December-2017/05.pdf
Schumacker, R. E. & Lomax, R. G. (2010). A Beginner's Guide to Structural Equation Modeling. (3rd ed.). New York: Routledge.
Sheninger, E. C. (2014). Digital leadership: changing paradigms for changing times. California: Corwin.