การพัฒนาการออกแบบเครื่องมือวัดสมรรถนะความคิดขั้นสูงของนักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยรังสิต ในรายวิชาการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ (ECI 607) โดยใช้กระบวนการ P-A-A-D
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการออกแบบเครื่องมือวัดสมรรถนะความคิดขั้นสูงของนักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาหลักสูตรและการสอน โดยใช้กระบวนการ P-A-A-D ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักศึกษาปริญญาโทสาขาหลักสูตรและการสอนที่กำลังศึกษาในรายวิชาการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2566 จำนวน 24 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ การสอนโดยใช้กระบวนการ P-A-A-D แบบวัดผลการเรียนรู้ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การทดสอบค่าสถิติ t ในการวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ และใช้การสังเคราะห์เนื้อหา ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับแบบสอบถามและการสนทนากลุ่ม
ผลการวิจัยพบว่า 1) การใช้กระบวนการ P-A-A-D ในการจัดการเรียนรู้ นักศึกษามีผลการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 12.08 (S.D. = 1.31) หลังเรียนเท่ากับ 17.83 (S.D. = 1.34) 2)การศึกษาสมรรถนะความคิดขั้นสูง พบว่าความคิดขั้นสูงเป็นกระบวนการทางความคิดที่มีความซับซ้อน ลึกซึ้งและมีความสำคัญยิ่งต่อบุคคลในการเรียนรู้และจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสำคัญสำหรับนำไปใช้ โดยเรียงลำดับได้ดังนี้ การคิดเชิงวิเคราะห์ การคิดเชิงสังเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิจารณญาณ การคิดเชิงการแก้ปัญหา การคิดเชิงกลยุทธ์ การคิดอย่างเป็นระบบ และการคิดการตัดสินใจ 3) การออกแบบเครื่องมือวัดสมรรถนะความคิดขั้นสูง พบว่า เป็นแบบสังเกตพฤติกรรม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ และ 4) ผลการประเมินคุณภาพของเครื่องมือวัดสมรรถนะความคิดขั้นสูง พบว่า มีความสอดคล้องกับแนวคิด ทฤษฎี หลักการและเนื้อหาตามวัตถุประสงค์ทุกประการ มีคุณภาพและประสิทธิภาพเหมาะสมที่จะนำไปใช้ได้
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความ ให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความ ต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร วิชาการธรรม ทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ ภาพหรือตารางของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้ง แสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์เอกสารอ้างอิง
พัชรี นาคผง. (2562). การพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานร่วมกับเทคนิค STAD. (วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร.
มหาวิทยาลัยรังสิต. (2562). คู่มือการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ปีการศึกษา 2562-2564. กรุงเทพฯ: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต.
สมชาย รัตนทองคำ. (2554). การวัดและประเมินผลทางการศึกษา. เอกสารประกอบการสอน 475788 การสอนทางกายภาพบำบัด ภาคต้นปีการศึกษา 2554 (หน้า137-153). ขอนแก่น: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2560). แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579. กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
______. (2564). สมรรถนะการคิดขั้นสูง (Higher Order Thinking: HOT). กรุงเทพฯ: กระทรวงศึกษาธิการ.
สำนักนายกรัฐมนตรี. (2561). ยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2561-2580 (ฉบับประกาศราชกิจจานุเบกษา). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี.
Adams, W. K., & Wieman, C. E. (2011). Development and validation of instruments to measure learning of expert-like thinking. International Journal of Science Education, 33(9), 1289-1312. https://doi.org/10.1080/09500693.2010.512369
Allen, I. E., & Seaman, C. A. (2007). Likert scales and data analyses. Quality Progress, 40(7), 64-65.
Anderson, L. W., & Krathwohl, D. R. (Eds.). (2001). A Taxonomy for Learning, Teaching, and Assessing: A Revision of Bloom's Taxonomy of Educational Objectives. New York: Longman.
Bezanilla, M. J. (2023). Understanding critical thinking: A comparative analysis between university students’ and teachers’ conception. Tuning Journal for Higher Education, 10(2), 223-244. https://doi.org/10.18543/tjhe.2748
Boone, H. N., Jr., & Boone, D. A. (2012). Analyzing Likert data. Journal of Extension, 50(2), 1-5. https://doi.org/10.34068/joe.50.02.48
Carifio, J., & Perla, R. J. (2007). Ten common misunderstandings, misconceptions, persistent myths and urban legends about Likert scales and Likert response formats and their antidotes. Journal of Social Sciences, 3(3), 106-116.
Creswell, J. W. (2014). Research design: Qualitative, quantitative, and mixed methods approaches. (4th ed.). Thousand Oaks, CA: Sage Publications.
Creswell, J. W., & Plano Clark, V. L. (2018). Designing and Conducting Mixed Methods Research. (3rd ed.). Thousand Oaks, CA: SAGE Publications.
Gliem, J. A., & Gliem, R. R. (2003). Calculating, interpreting, and reporting Cronbach’s alpha reliability coefficient for Likert-type scales. In Proceedings of the Midwest Research-to-Practice Conference in Adult, Continuing, and Community Education (pp. 82-88).Columbus, Ohio: Ohio State University.
Goleman, D. (1995). Emotional intelligence: Why it can matter more than IQ. New York: Bantam Books.
Jonassen, D. H., & Hung, W. (2012). Problem solving. In N. M. Seel (Ed.), Encyclopedia of the sciences of learning (pp. 2698-2703). Heidelberg: Springer.
Joshi, A., Kale, S., Chandel, S., & Pal, D. K. (2015). Likert scale: Explored and explained. British Journal of Applied Science & Technology, 7(4), 396-403. https://doi.org/10.9734/BJAST/2015/14975
King, F. J., Goodson, L., & Rohani, F. (1998). Higher Order Thinking Skills: Definition, Teaching Strategies, Assessment. Tallahassee: Center for Advancement of Learning and Assessment.
Suryadi, A. (2007). Pemanfaatan ICT dalam pembelajaran. Jurnal Pendidikan Terbuka Dan Jarak Jauh, 8(2), 83-98. https://jurnal.ut.ac.id/index.php/jptjj/article/view/537
Yukl, G. (2013). Leadership in Organizations. (8th ed.). Pearson Education India.
Zohar, A., & Dori, Y. J. (2003). Higher order thinking skills and low-achieving students: Are they mutually exclusive? The Journal of the Learning Sciences, 12(2), 145-181. https://doi.org/10.1207/S15327809JLS1202_1