Relationship between Transformative Leadership of Principals and Work Motivation of Teachers in the Chonburi 3 School Consortium under the Chonburi-Rayong Secondary Educational Services Office
Main Article Content
Abstract
The research aims to study (1) levels of the transformative leadership of school principals in the Chonburi 3 school consortium under the Chonburi-Rayong Secondary Educational Services Office, (2) levels of work motivation of teachers in the Chonburi 3 school consortium under the Chonburi-Rayong Secondary Educational Services Office, and(3) the relationship between the transformative leadership of the principals and work motivation of teachers in the Chonburi 3 school consortium under the Chonburi-Rayong Secondary Educational Services Office. Classified by status, gender, age, educational level, work experience, position and Transformative Leadership of Principals The total population of 1,157 people was calculated by sample size by opening the table of Krejcie and Morgan (1970, pp. 607-610). A total of 291 persons were used. The research instrument was a questionnaire with confidence values of 0.98, Data were analyzed utilizing frequency, percentage, mean, standard deviation, and Pearson’s correlation coefficient.
The findings revealed that (1) the overall level of the transformative leadership of the school principals in the Chonburi 3 school consortium under the Chonburi-Rayong Secondary Educational Services Office was high. When inspecting individual aspects, the highest average aspect was to construct prestige, followed by to stimulate the intellect, while to inspire was
the lowest. (2) Overall work motivation of teachers in the Chonburi 3 school consortium under the Chonburi-Rayong Secondary Educational Services Office was high. When inspecting individual aspects, the highest average aspect was work accomplishment, followed by responsibility, while gaining respect was the lowest. (3) A positive relationship betweenthe principals' transformative leadership and teachers' work motivation in the Chonburi 3 school consortium under the Chonburi-Rayong Secondary Educational Services Office was found, significantly at .01 level. With a correlation coefficient of 0.76.
Article Details
References
กฤติยา พิกุลทอง. (2556). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารกับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของข้าราชการครู กลุ่มบางละมุง 3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชลบุรี เขต 3. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย:มหาวิทยาลัยบูรพา.
ชาลิสา ชิมโพธิ์คลัง. (2556). แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูในอำเภอแก่งหางแมว สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรีเขต 1. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
นารินทร์ เดชสะท้าน. (2557). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การบริหารการศึกษา). บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฎกาฬสินธุ์
พัชรี กุมภิโร. (2554). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของข้าราชการครูกลุ่มเครือข่ายวังบูรพา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 7. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
แพรวพรรณ ประนมรัมย์. (2557). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับแรงจูงใจในการทำงานของครูในเครือข่ายสนม 2 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 2. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย:มหาวิทยาลัยบูรพา.
พิศมัย หลงเจริญ. (2560). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดชลบุรี. งานนิพนธ์ กศ.ม. (การบริหาร การศึกษา). บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
ภารดี อนันต์นาวี . (2551). หลักการแนวคิด ทฤษฎีทางการบริหารการศึกษา. กรุงเทพมหานคร: ภาควิชาบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา.
ศิราภรณ์ วงษ์สุวรรณ์. (2557). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษากับแรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนมัธยมศึกษา ในเขตจังหวัดสระแก้ว สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 7. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหาร คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
สิริวรรณ สังข์ตระกูล. (2554). แรงจูงใจในการปฏิบัติงานของครูโรงเรียนอนุบาลวัดกลางดอนเมืองชลบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรีเขต 1. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
สุกันยา ศรีสวัสดิ์. (2554). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษาโรงเรียนในเครืออักษรกรุ๊ป. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
สุมาลี อุดรรักษ์. (2555). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับการใช้อำนาจของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตหนองจอกกรุงเทพมหานคร. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย:มหาวิทยาลัยบูรพา.
สกาวเดือน ศิริรัตน์. (2561). ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษากับการบริหารงานวิชาการของสถานศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 11 ในจังหวัด สุราษฎร์ธานี. การค้นคว้าอิสระครุศาสตรมหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
ฤทธิชัย บัลลังค์. (2559). ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา กลุ่มโรงเรียน อำเภอแก่งหางแมว สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต 1. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยบูรพา.
Bass, B. M., & Avolio, B. J. (1990). Developing transformational leadership: 1992 and beyond. Journal of European Industrial Training.
Bass, B. M., & Avolio, B. J. (1994). Improving organization effectiveness through transformation leadership. Thousand Oaks: Sage
Best, J. W. (1981). Research in education. New jersey: Prentice-Hall.
Herzberg, F.B. Mausner & Snyderman.B. (1959). The Motivation to Work. New York : John
Wiley and Sons.
Hinkle, D.E, William, W. and Stephen G. J. (1998). Applied Statistics for the BehaviorSciences. 4 thed. New York : Houghton Mifflin.
Krejcie, R. V. & Morgan, D. W. (1970). Determining Sample Size for Research Activities. Educational and Psychological Measurement. 30 (3), 607-610.