ความสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับการบริหารงานโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาที่มีผลต่อความผูกพันครูผู้สอนในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์

Main Article Content

ศักดิพงศ์ สุภิรักษ์

บทคัดย่อ

           งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ  1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์สมการโครงสร้างเชิงเส้นของธรรมาภิบาลที่มีต่อความผูกพันของครูผู้สอนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์  2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของของธรรมาภิบาลที่มีต่อการบริหารจัดการของผู้บริหารสถานศึกษา  3) เพื่อศึกษาอิทธิพลทางตรงของความไว้วางใจที่มีต่อความผูกพันต่อครูผู้สอนในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์  การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพและการวิจัยเชิงปริมาณ กลุ่มตัวอย่างการวิจัยจำนวน 340 คน ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงของโรงเรียนในเครือข่ายการศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 1,677 คน  แบบสัมภาษณ์เชิงลึก สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์อย่างง่ายของเพียร์สัน เทคนิคการวิเคราะห์โมเดลสมการเชิงโครงสร้าง 2) การวิเคราะห์เนื้อหาข้อมูลเชิงคุณภาพ
           ผลการวิจัยพบว่า  1. ตัวแปรที่มีอิทธิพลสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่   ผู้บริหารลงโทษอย่างเป็นธรรม  และส่งเสริมผู้ใต้บังคับบัญชา มีค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยมาตรฐานมีค่าเท่ากับ 0.745 และ .648 ตามลำดับ  ด้านแนวปฏิบัติงานของผู้บริหาร พบว่า ตัวแปรที่มีอิทธิพลสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่   มีการปฏิบัติตนตามกฎหมาย มีค่าเท่ากับ 0.636  ผู้บริหารเคารพกฎหมายมีค่าเท่ากับ 0.638 และ ด้านการบริหารจัดการพบว่า ตัวแปรที่มีอิทธิพลสูงสุด 2 อันดับแรก ได้แก่  บริหารงานถูกต้อง มีค่าเท่ากับ 0.640   ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี  มีค่าเท่ากับ 0.646   ด้านความผูกพันองค์กรครูผู้สอน 2 อันดับแรก ได้แก่ มีค่าเท่ากับ 0.627

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
สุภิรักษ์ ศ. . . (2024). ความสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับการบริหารงานโดยใช้หลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาที่มีผลต่อความผูกพันครูผู้สอนในเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์. Journal of Modern Learning Development, 9(7), 179–190. สืบค้น จาก https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jomld/article/view/267934
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

บุญใจ ศรีสถิตย์นรากูร. (2555). การพัฒนาและตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวิจัย: คุณสมบัติการวัดเชิงจิตวิทยา. กรุงเทพมหานคร. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

พิชิต พิทักษ์เทพสมบัติ และคณะ. (2552). ความพึงพอใจในงานและความผูกพันต่อองค์การ. ความหมาย ทฤษฎี วิธีวิจัย การวัด และงานวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพมหานคร.

สุวิมล ติรกานันท์. (2543). การประเมินโครงการ:แนวทางสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพมหานคร: คณะศึกษาศาสตร์ . มหาวิทยาลัยรามคําแหง.

สร้อยตระกูล (ติวยานนท์) อรรถมานะ. (2550). พฤติกรรมองค์การ ทฤษฎีและการประยุกต์. (พิมพ์ครั้งที่ 4).กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

Creswell, J. W. & Clark, V. L. P. (2007). Designing and Conducting Mixed. Methods Research. Los Angeles,. CA: Sage Publication.

Krejcie, R. V., & Morgan, D. W. (1970). Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement. 30 (3), 607.

Men Rita Linjuan and Bowen Shannon A. (Eds.). 2017. Excellence in Internal Communication Management. New York, NY: Business Expert Press, 217 pp.