การประยุกต์หลักอิทธิบาท 4 ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช
Main Article Content
บทคัดย่อ
วิทยานิพนธ์นี้ มีวัตถุประสงค์ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาระดับการประยุกต์หลักอิทธิบาท 4 ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช 2) เพื่อศึกษาเปรียบเทียบ การประยุกต์หลักอิทธิบาท 4 ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามตัวแปร เพศ อายุ วุฒิการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และ 3) เพื่อศึกษาปัญหาและข้อเสนอแนะ การประยุกต์หลักอิทธิบาท 4 ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ คือ บุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ปีการศึกษา 2564 จำนวน 360 คนเชิงเป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยรวบรวบข้อมูล ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ข้อมูลที่ได้นำมาวิเคราะห์โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา (descriptive statistics) โดยการหา ความถี่ (frequency) และร้อยละ (percentage) และวิเคราะห์โดยหาค่าเฉลี่ย () และความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และวิเคราะห์เปรียบเทียบด้วยค่า t–test และวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-way ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่า 1. บุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุ 41 – 50 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีและมีประสบการณ์ทำงาน 16 – 20 ปี 2. ระดับการประยุกต์หลักอิทธิบาท 4 ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ของด้านฉันทะ ด้านวิริยะ ด้านจิตตะ และด้านวิมังสา โดยรวมอยู่ในระดับมาก 3. การเปรียบเทียบการประยุกต์หลักอิทธิบาท 4 ในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษาสังกัดกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดนครศรีธรรมราชแตกต่างกันตามเพศ อายุ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์การทำงาน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและเผยแผ่ในวารสารฉบับนี้ เป็นทัศนคติและข้อคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนแต่ละท่าน ไม่ถือว่าเป็นทัศนะคติและความรับผิดชอบ
ของบรรณาธิการ
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารศรีล้านช้างปริทรรศน์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารศรีล้านช้างปริทรรศน์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารศรีล้านช้างปริทรรศน์ ก่อนเท่านั้น
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2542). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว.
เกษณี จารุสาร. (2553). การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการบริหารงานวิชาการของนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี. สารนิพนธ์ ค.ม. (การบริหารการศึกษา). สุราษฎร์ธานี: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี.
พระอภินันท์ กนฺตสีโล (สิงมาดา). (2563). การบริหารสถานศึกษาตามหลักอิทธิบาท 4 ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน อำเภอนาดูน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2.
พวงรัตน์ ทวีรัตน์. (2543). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: สำนักทดสอบทางการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ศุภสิริ พัฒนภักดี. (2558). การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารสถานศึกษา สังกัดเทศบาลเมืองโรงเรียนแม่อ้อวิทยา อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (การบริหารการศึกษา). เชียงราย: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ.(2545). แนวทางการประเมินคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
อรุณรัศมี พิฆาตไพรี และนิยดา เปี่ยมพืชนะ. (2564). แนวทางการมีส่วนร่วมในการบริหารงานวิชาการของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 4. วารสารมหาวิทยาลัยมหามกุฏราวิทยาลัย วิทยาเขตร้อยเอ็ด.
Yamane, Taro. (1976). Statistics: An introductory analysis (2nd ed.). New York: Harper and Row.