ผลของบรรยากาศโรงเรียนและความร่วมมือระหว่างโรงเรียนที่มีต่อความอยู่ดีมีสุขของนักเรียน: การวิเคราะห์ความถดถอยพหุและความถดถอยเชิงพื้นที่
คำสำคัญ:
ความอยู่ดีมีสุขของนักเรียน, บรรยากาศโรงเรียน, ความร่วมมือระหว่างโรงเรียน, การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่, การวิเคราะห์ความถดถอย, การวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพื้นที่บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของโมเดลและวิเคราะห์อิทธิพลของบรรยากาศโรงเรียน และความร่วมมือระหว่างโรงเรียนที่มีต่อความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนระหว่างโมเดลการถดถอย 3 รูปแบบ ได้แก่ Multiple regression, Spatial lag regression และ Spatial error regression ด้วยการประมาณค่าแบบเบย์ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากนักเรียนและครูของโรงเรียนในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 55 โรงเรียน ซึ่งได้ข้อมูลจากนักเรียนจำนวน 1,981 คน และครูจำนวน 282 คน ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน มีตัวแปรทำนาย คือ บรรยากาศโรงเรียน และความร่วมมือระหว่างโรงเรียน ผลการวิจัยพบว่า โมเดล Spatial lag regression มีความเหมาะสมสอดคล้องกับข้อมูลมากที่สุดและมีความคลาดเคลื่อนในการทำนายต่ำที่สุด (WAIC=-122.2, LOO=-122.2, RMSE=0.08) อีกทั้งสามารถอธิบายความผันแปรของความอยู่ดีมีสุขได้สูงที่สุดคิดเป็นร้อยละ 74 (R2 = 0.74) นอกจากนี้ยังพบว่าความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนในโรงเรียนมีความสัมพันธ์กับโรงเรียนข้างเคียงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (ρ= 0.56, SE = 0.14) ประกอบกับการตรวจพบอัตตสหสัมพันธ์เชิงพื้นที่ของเศษเหลือจากการวิเคราะห์การถดถอยพหุ (Moran’s I = 0.125, p-value = 0.005) แสดงให้เห็นว่าอาจมีปัจจัยเชิงพื้นที่บางประการที่ส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนจึงควรพิจารณาความสัมพันธ์ดังกล่าวด้วยการใช้เทคนิคการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ เมื่อพิจารณาผลจากการวิเคราะห์ด้วยโมเดล Spatial lag regression พบว่า บรรยากาศโรงเรียนส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (β_1 = 0.52, SE = 0.06) ในขณะที่ความร่วมมือระหว่างโรงเรียนส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ (β_2 = 0.06, SE = 0.03) ดังนั้นครูและผู้บริหารควรให้ความสำคัญกับบรรยากาศโรงเรียน โดยอาจพิจารณาหาแนวทางการส่งเสริมร่วมกับโรงเรียนใกล้เคียง เนื่องจากอาจมีปัจจัยเชิงพื้นที่บางประการที่ส่งผลต่อความอยู่ดีมีสุขของนักเรียนในรูปแบบเดียวกัน นอกจากนี้การศึกษาข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่อาจพบความสัมพันธ์เชิงพื้นที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล ซึ่งควรตรวจสอบการมีอยู่ของความสัมพันธ์ดังกล่าวและเลือกใช้วิธีการวิเคราะห์ให้เหมาะสมกับลักษณะของข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ