ผลของโปรแกรมพัฒนาความสามารถในการจัดการตนเองของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง (ฝ่ายมัธยม)
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบความสามารถในการจัดการตนเองของนักเรียนกลุ่มทดลองที่เข้าโปรแกรมพัฒนาความสามารถในการจัดการตนเองในระยะก่อนการทดลอง หลังการทดลอง และระยะติดตามผล 2) เปรียบเทียบความสามารถในการจัดการตนเองระหว่างนักเรียนกลุ่มทดลองกับกลุ่มเปรียบเทียบในระยะก่อนการทดลอง หลังการทดลอง และระยะติดตามผล โดยแบ่งเป็นกลุ่มทดลองที่เข้าโปรแกรมพัฒนาความสามารถในการจัดการตนเอง จำนวน 20 คน และกลุ่มเปรียบเทียบที่ไม่ได้เข้าโปรแกรมพัฒนาความสามารถในการจัดการตนเอง จำนวน 20 คน โดยโปรแกรมการพัฒนาความสามารถในการจัดการตนเองแบ่งกิจกรรมเป็น 4 ด้าน ได้แก่ กิจกรรมด้านการสร้างแรงจูงใจในตนเอง กิจกรรมด้านการบริหารเวลา กิจกรรมด้านการจัดการอารมณ์ และกิจกรรมด้านการมีวินัยในตนเอง จัดเป็นกิจกรรมแนะแนวพัฒนาผู้เรียน 12 ครั้ง โดยสัปดาห์ละครั้งผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงบรรยาย วิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวแบบวัดซ้ำ (One-way repeated-measures ANOVA) และวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทางแบบวัดช้ำ (two-way repeated-measures ANOVA)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลเปรียบเทียบความสามารถในการจัดในการจัดการตนเองของนักเรียนกลุ่มทดลองที่เข้าโปรแกรมพัฒนาความสามารถในการจัดการตนเอง ในระยะก่อนการทดลอง ระยะหลังการทดลอง และระยะติดตามผล สูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 พบว่า นักเรียนมีพฤติกรรมสร้างแรงจูงใจที่ดีมีความคิดเชิงบวกต่อตนเอง รู้จักบริหารเวลาอย่างสร้างสรรค์ มีกลวิธีที่ควบคุมอารมณ์ตนเองในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงตระหนักรู้มีวินัยในหน้าที่ตนเองสม่ำเสมอ
2. ผลเปรียบเทียบของนักเรียนกลุ่มทดลองที่เข้าโปรแกรมพัฒนาความสามารถการจัดการตนเองมีความสามารถในการจัดการตนเองภายหลังการทดลอง และระยะติดตามผล สูงกว่ากลุ่มเปรียบเทียบที่ไม่ได้เข้าโปรแกรมพัฒนาความสามารถในการจัดการตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 พบว่า เมื่อเปรียบเทียบผลระหว่างสองกลุ่มทำให้ทราบว่ากลุ่มทดลองมีพฤติกรรมโดดเด่นในความสามารถในการจัดการตนเองมากกว่ากลุ่มเปรียบเทียบ
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความ ให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความ ต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร วิชาการธรรม ทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ ภาพหรือตารางของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้ง แสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์เอกสารอ้างอิง
ฉัฐวีณ์ สิทธิ์ศิริอรรถ และคณะ. (2562). ผลการใช้กิจกรรมส่งเสริมความคิดเชิงบวกในนักศึกษาประกาศนียบัตรวิชาชีพครู. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธนบุรี, 13(1), 157-164.
วรพจน์ วงศ์กิจรุ่งเรือง และอธิป จิตตฤกษ์. (2556). ทักษะแห่งอนาคตใหม่: การศึกษาเพื่อศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: โอเพ่นเวิลด์ส.
สมโภชน์ เอี่ยมสุภาษิต. (2562). ทฤษฎีและเทคนิคการปรับพฤติกรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 9). กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อดุล นาคะโร. (2551). การพัฒนาหลักสูตรเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการตนเองโดยใช้กิจกรรมแนะแนวสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. (ปริญญานิพนธ์การศึกษาดุษฎีบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
อัจศรา ประเสริฐสิน. (2563). เครื่องมือการวิจัยทางการศึกษาและสังคมศาสตร์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Berger, D. S. (2003). The Effects of Learning Self-Management on Student Desire and Ability to Self-Manage, Self-Efficacy, Academic Performance, and Retention. (Doctoral dissertation). New York: University at Albany, State University of New York.
Mooney, P. (2005). A Review of Self-Management Interventions Targeting Academic Outcomes for Students with Emotional and Behavioral Disorders. Journal of Behavioral Education, 14, 203-221.
O'Keefe, E. J., & Berger, D. S. (1999). Self-Management for College Student. New York: Partridge Hill Publishers.
Zimmerman, B. J., & Risemberg, R. (1997). Self-Regulatory Dimensions of Academic Learning and Motivation. San Diego: Academic Press.