ความสัมพันธ์ระหว่างสังขารในไตรลักษณ์กับสังขารในขันธ์ 5: การประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต
Main Article Content
บทคัดย่อ
บทความนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และแสดงความสัมพันธ์ระหว่างสังขารในไตรลักษณ์กับสังขารในขันธ์ 5 เพื่อสนับสนุนการทำความเข้าใจเชิงลึกในพระธรรมและปฏิบัติธรรม จากการศึกษาพบว่า สังขารในไตรลักษณ์ หมายถึง สภาวะที่ถูกปรุงแต่งทุกอย่าง ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม สังขารในขันธ์ 5 หมายถึง สภาวะที่ปรุงแต่งจิต ให้ดี ให้ชั่ว ให้เป็นกลาง มีเจตนาเป็นตัวนำ สังขารมีลักษณะเปลี่ยนแปลง เป็นทุกข์ มีภาวะที่ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัว เป็นอนัตตาไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ความสัมพันธ์ของสังขารทั้งสอง สามารถแยกพิจารณาได้ดังนี้ ความสัมพันธ์ของสังขารในไตรลักษณ์ เหมือนห่วงโซ่หมุนเวียนกันไปด้วยสภาวะ 3 อย่าง คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ความสัมพันธ์ของสังขารในขันธ์ 5 ทางร่างกายจะสังเกตเห็นว่า ร่างกายมีความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อยู่ตลอดเวลานับตั้งแต่เกิดขึ้นครั้งแรก ความทุกข์ก็เริ่มขึ้นพร้อมกัน ส่วนทางนามธรรมสังเกตได้จากพฤติกรรมที่แสดงออกทางกาย คือ การกระทำ และทางวาจา คือ คำพูด เป็นต้น จุดร่วมของสังขารในไตรลักษณ์กับสังขารในขันธ์ 5 คือการเป็นสังขตธรรม (สิ่งที่ถูกปรุงแต่งขึ้น) ความแตกต่างในบริบทการใช้งาน สังขารในไตรลักษณ์มุ่งเน้นถึงการแสดงธรรมชาติของสรรพสิ่ง สังขารในขันธ์ 5 มุ่งเน้นถึงการจำแนกองค์ประกอบของชีวิต ความสัมพันธ์เพื่อการปฏิบัติธรรม ช่วยให้ผู้ปฏิบัติเห็นความจริงของสรรพสิ่งในลักษณะที่ปราศจากอคติ สามารถปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่น และเข้าถึงปัญญาญาณได้ ความสัมพันธ์กับการบรรลุธรรม ผู้ปฏิบัติหรือพระโยคาวจรใช้ญาณที่เกิดขึ้นจากวิปัสสนาพิจารณาไตรลักษณ์ตั้งแต่ญาณต้นๆ คือนามรูปปริจเฉทญาณจนถึงปฏิสังขานุปัสสนาญาณแล้วยกเอาสังขารทั้งหลายขึ้นสู่พระไตรลักษณ์กำหนดรู้ด้วยปฏิสังขานุปัสสนาญาณ สังขารในขันธ์ 5 มี สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นต้น เกิดขึ้นสนับสนุนจนทำให้มรรคญาณเกิดขึ้นทำลายกิเลสได้ในที่สุด
Article Details

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องลงลายมือชื่อในแบบฟอร์มใบมอบลิขสิทธิ์บทความ ให้แก่วารสารฯ พร้อมกับบทความต้นฉบับที่ได้แก้ไขครั้งสุดท้าย นอกจากนี้ ผู้นิพนธ์ทุกท่านต้องยืนยันว่าบทความ ต้นฉบับที่ส่งมาตีพิมพ์นั้น ได้ส่งมาตีพิมพ์เฉพาะในวารสาร วิชาการธรรม ทรรศน์ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากมีการใช้ ภาพหรือตารางของผู้นิพนธ์อื่นที่ปรากฏในสิ่งตีพิมพ์อื่นมาแล้ว ผู้นิพนธ์ต้องขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน พร้อมทั้ง แสดงหนังสือที่ได้รับการยินยอมต่อบรรณาธิการ ก่อนที่บทความจะได้รับการตีพิมพ์เอกสารอ้างอิง
พระเทพเวที (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2536). พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์. (พิมพ์ครั้งที่ 7). กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต). (2562). พุทธธรรม ฉบับปรับขยาย. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
_______. (2538). พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. (พิมพ์ครั้งที่ 8). กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย..
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต). (2549). พุทธธรรม ฉบับขยายความ. (พิมพ์ครั้งที่ 11). กรุงเทพฯ: สหธรรมิก.
พระพุทธโฆสาจารย์. (2546). คัมภีร์วิสุทธิมรรค ฉบับ 100 ปี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถร). (พิมพ์ครั้งที่ 4) . กรุงเทพฯ: ประยูรวงศ์พริ้นติ้ง.
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี. (2550). พุทธธรรม ฉบับย่อ. กรุงเทพฯ: สถาบันวิมุตตยาลัย.
พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ. (ม.ป.ป.). ปฏิจจสมุปปาททีปนี. ม.ป.ท.
พระสุมังคลมีเถระ. (ม.ป.ป.). อภิธัมมัตถสังคหะ ใน ฎีกาอภิธัมมัตถสังคหะ ชื่อว่าอภิธัมมัตถวิภาวินี (พระธรรมวโรดม (บุญมา คุณสมฺปนฺโน ป.ธ.9), ผู้แปล). ม.ป.ท.
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. (2500). พระไตรปิฎกภาษาบาลี ฉบับมหาจุฬาเตปิฏกํ. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
_______. (2533). อรรถกถาบาลี ฉบับมหาจุฬาอฏฺฐกถา. กรุงเทพฯ: วิญญาณ.
_______. (2539). พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. กรุงเทพฯ: มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
มหามกุฏราชวิทยาลัย. (2534). พระไตรปิฎกพร้อมอรรถกถาแปล ชุด 91 เล่ม. กรุงเทพฯ: มหามกุฏราชวิทยาลัย.
ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542. (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น.